ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 799 ดูอาการ
ตอนที่ 799 ดูอาการ
ฉานอี้ก้มหัวลงต่ำ
“ดูเหมือนว่า…จะไม่ใช่เช่นนั้นนะเจ้าคะ…”
เพราะถ้านำมันกลับมาได้จริง จักต้องมีม้าเร็วส่งข่าวได้เร็วกว่านี้สิ
แต่ยามนี้กลับกลายเป็นว่า เจียงอวี่เฉิงได้กลับไปพักฟื้นที่จวนตระกูลเจียง และคนที่เหลือได้รออยู่ที่ตำหนักหมิงฮวา แถมยังไม่มีใครพูดถึงเรื่องของบัวระบำเลยสักคน
ซึ่งนั่นเป็นที่ยืนยันแล้วว่า ครานี้พวกเขาก็ล้มเหลวอีกครั้ง
ซั่งกวนหว่านนั่งตัวตรงทันที นางหวาดกลัวและโกรธเกรี้ยว ดวงตาคมสวยเบิกกว้างพลันตวาดเสียงแข็งกร้าว
“ไร้สาระ! คนเหล่านี้เป็นผู้แข็งแกร่งมากความสามารถของราชวงศ์เทียนลิ่งเชียวนะ จะไม่มีใครทำสำเร็จเลยหรือไร!”
เจี่ยนชูเย่!
อวี้ฉือซง!
ซ่งหลวน!
พวกเขาล้วนเป็นผู้ประสาทวิชาระดับสูงเลยมิใช่หรือ!?
ไหนจะราชครูระดับเจ็ดขั้นสูงสุดอย่างซย่าโหวหรงอีก!
หากคนเหล่านี้ผนึกกำลังกันแล้วล้วนน่าหวาดกลัวยิ่ง แต่ไฉนกลับล้มเหลวไม่เป็นท่าไปได้!?
แต่เพราะโมโหแล้วรีบขยับตัวเกินไป บาดแผลบนร่างกายของซั่งกวนหว่านจึงเจ็บระบมขึ้นมาอีกครั้ง สะเก็ดแผลบนใบหน้าของนางแตกออก พร้อมเลือดที่ไหลลงมาช้าๆ ก่อเกิดความเจ็บปวดเจียนตายอีกครา
นางหายใจไม่ออก สภาพของนางแย่มาก บวกกับความโกรธที่กำลังพวยพุ่งอยู่ในใจ ส่งผลให้นางหงายหลังล้มลงไปทันที
“องค์หญิงเจ้าคะ!”
ฉานอี้อุทานและรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อพยุงนาง
“องค์หญิง ท่านควรพักผ่อนเสียก่อน และอย่าเพิ่งทรงกริ้วเลยเจ้าค่ะ!”
ใบหน้าของซั่งกวนหว่านซีดเผือด ดวงตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยเปลวไฟแห่งโทสะลุกโชน พลันผลักสาวรับใช้ของตนออกไป
“ไสหัวไปซะ! เจ้าขยะไร้ความสามารถ! ออกไปให้พ้นหน้าข้าเดี๋ยวนี้!”
ทรงอย่ากริ้วอย่างนั้น?
ได้ยินข่าวเช่นนั้นแล้ว นางยังจะใจเย็นอยู่ได้อย่างใดกัน!?
ฉานอี้รีบคุกเข่าลงอีกครั้ง
อันที่จริง เมื่อได้ยินข่าวนี้ นางเองก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออกเช่นกัน
ใครจะคิดว่าตัวแทนที่ส่งออกไปนั้น จะคว้าน้ำเหลวกลับพร้อมความพ่ายแพ้แบบนี้?
ฉานอี้คาดเดาปฏิกิริยาของซั่งกวนหว่านไว้แล้ว แต่ก็อย่างว่า เรื่องนี้สำคัญมากจนนางไม่กล้าปิดบังซั่งกวนหว่าน
อีกทั้ง คิดว่านางจะปิดบังเรื่องแบบนี้ได้หรือ?
ในเมื่อตอนนี้พวกของเจี่ยนชูเย่ได้มารออยู่ที่ตำหนักหมิงฮวาแล้ว!?
“อะ องค์หญิง โปรดสงบสติอารมณ์เถิดเจ้าค่ะ! คนทางตำหนักหมิงฮวา ยังรอให้ท่านเสด็จไปคุมสถานการณ์โดยรวมอยู่นะเจ้าคะ!”
และไม่ใช่แค่ตำหนักหมิงฮวาเท่านั้น
ตอนนี้เจียงอวี่เฉิงกลับไปที่จวนเพื่อพักฟื้นแล้ว ฉะนั้นจึงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ซั่งกวนหว่านต้องจัดการด้วยตัวเอง
เมื่อซั่งกวนหว่านคิดถึงตรงนี้ ในสมองของนางก็พลันเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง
ต้องเป็นตัวหลักออกไปจัดการทุกอย่างหรือ?
จะให้นางออกไปพบหน้าประชาชี ด้วยใบหน้าในตอนนี้อย่างนั้นหรือ!?
ซั่งกวนหว่านคับแค้นขุ่นเคืองใจอย่างมาก
นางคิดไม่ถึงว่ามันจะเป็นเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ทุกอย่างยังปกติดี แต่เหตุใดจู่ๆ เรื่องราวทั้งหมดกลับกลายเป็นหายนะไปได้?
เดิมทีนางไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการเลื่อนวันอภิเษกสมรสเลย
แต่ระหว่างนั้นกลับเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นหลายต่อหลายครา!
ทั้งเรื่องใบหน้าของนาง บาดแผลของเจียงอวี่เฉิง และการบาดเจ็บล้มตายอย่างหนักของทหารม้าทมิฬ…
ไหนจะบัวระบำที่ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็เอากลับมาไม่ได้นั่นอีก!
หากเรื่องทั้งหมดนี่แพร่งพรายออกไป ไม่รู้เลยว่านางจักโดนว่าร้ายเช่นไรบ้าง
และเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง ตอนนั้นนางจึงพาผู้คนมากมายเดินทัพไปยังแดนภังคะ
ทว่าผลลัพธ์ที่ได้กลับมานั้นมีเพียงความน่าอับอายขายหน้า
และเดิมทีครั้งนี้นางหวังว่าพวกเขาจะนำบัวระบำกลับมาได้ เพื่อที่นางจะได้มีคำแก้ตัวต่อปุถุชนภายนอก
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะทำพลาด!
ดูสภาพนางในตอนนี้สิ ตอนแรกก็มีข่าวเสียหายมากพออยู่แล้ว และยามนี้ก็มีเรื่องน่าอับอายเพิ่มเข้ามาอีก!
ซั่งกวนหว่านพยายามระงับความโกรธในใจ พลางเอ่ยอย่างเย็นชา
“เอาเป็นว่าตอนนี้ข้ากำลังพักฟื้นอยู่ ไม่พร้อมจะออกไปพบผู้ใด แจ้งให้ซ่งหลวนมาพบข้าเพียงผู้เดียว ส่วนคนอื่นๆ ล้วนลำบากจากการเดินทางแล้ว เช่นนั้นก็สั่งให้พวกเขากลับไปพักผ่อนก่อน”
“รับทราบเจ้าค่ะ”
…
หลังจากเจียงอวี่เฉิงกลับมาถึงซีหลิง เขาก็ตรงกลับไปพักฟื้นที่จวนตระกูลเจียงทันที
ภายในห้อง เฟิงซานหยวนวางมือข้างหนึ่ง ลงบนข้อมือของเจียงอวี่เฉิง เรียวคิ้วเข้มค่อยๆ ขมวดเข้าหากัน ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาทันตา
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ปล่อยมือและมองไปยังเจียงอวี่เฉิง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
“คุณชายใหญ่ ร่างกายของท่าน…”
เขาแค่เดินทางไปยังแดนภังคะมิใช่หรือ และมันก็ผ่านไปนานพอสมควรแล้วด้วย แต่แล้วเหตุใดจู่ๆ อาการบาดเจ็บของเขาถึงได้ทวีความรุนแรงขึ้นเพียงนี้!?
“ท่าน… มีคนทำร้ายท่านหรือ?”
เฟิงซานหยวนถามอย่างมีชั้นเชิง
เจียงอวี่เฉิงพยักหน้า แต่ไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม และทำเพียงขมวดคิ้วมุ่น
“มีวิธีที่จะช่วยให้ข้าหายเร็วๆ หรือไม่?”
เฟิงซานหยวนถอนหายใจ
“คุณชายใหญ่ ท่านคือผู้ที่รู้จักร่างกายของตัวเองดีที่สุดมิใช่หรือ? บาดแผลเช่นนี้ เกรงว่าถึงใช้เวลารักษาเสียครึ่งปี ท่านก็ยังมิหายขาดแต่อย่างใด”
ฝนทั่งใส่หลังคาบ้านรั่วๆ ซ้ำๆ เช่นนี้ มีหรือจักซ่อมไหว
ใบหน้าของเจียงอวี่เฉิงมืดมนมากขึ้นเรื่อยๆ
ระยะนี้ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งเดิมทีมันก็ยากแก่การฟื้นฟูอยู่แล้ว และตอนนี้ก็ได้แผลใหม่เพิ่มมาอีก… ส่งผลให้ร่างกายของเขาฟื้นตัวยากขึ้นกว่าเดิมมาก!
ตั้งแต่ต้นจนจบ ชายผู้นั้นทำเพียงขยับนิ้วๆ เดียว
ทว่าตัวเขานั้นไม่มีแม้แต่แรงจะใช้หลังมือปัดป้องพลังนั่นด้วยซ้ำ และถูกอีกฝ่ายบดขยี้จนเละไม่เป็นท่า!
แต่ไหนแต่ไร เจียงอวี่เฉิงไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์อดสูเช่นนี้เลย ทว่าตอนนี้ เขาเข้าใจคำว่าต่างกันราวฟ้ากับเหว อย่างสุดซึ้งแล้ว!
สำหรับฝ่ายตรงกันข้ามนั้น เขาเป็นเพียงมดตัวเล็กต่ำต้อยไร้ความสามารถ
เจียงอวี่เฉิงเกิดมาในสถานภาพที่เปรียบเสมือนบุตรแห่งสวรรค์ผู้โอหัง เขาแข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆ เสมอ แต่แล้วเหตุใดเขาถึงได้รับการปฏิบัติเช่นนี้?
แต่สิ่งที่ทำให้เขาอึดอัดยิ่งกว่าก็คือ การที่ชายชุดดำคนนั้น ไม่แยแสเขาเลยแม้แต่น้อย!
การดูถูกที่ร้ายแรงที่สุด คือความเฉยเมย!
หัวใจของเจียงอวี่เฉิงหนักอึ้งราวมีก้อนหินทับถมอยู่ในหัวใจ เขารู้สึกคับแค้นใจอย่างมาก
เฟิงซานหยวนเองก็พูดถูก เขาคือคนที่เข้าใจสภาพร่างกายของตัวเองดีที่สุด
“แต่มันไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ หรือ?”
เขาถามอีกครั้งด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
อย่างน้อยครึ่งปีเลยหรือ… เขาทนไม่ได้แน่นอน
วันอภิเษกสมรสใกล้เข้ามาแล้ว และเขายังมีธุระที่ต้องไปจัดการอีกมากมาย!
เฟิงซานหยวนครุ่นคิดอยู่นาน และในที่สุดก็พูดว่า
“ถ้าท่านต้องการจริงๆ ล่ะก็… จะว่าไม่มีทางเลยก็ไม่ได้ เพียงแต่ ข้าเกรงว่าท่านจักต้องเจ็บปวดมากขึ้น…”
“เช่นนั้นก็มาเริ่มกันเลย”
…
ณ ตำหนักหมิงฮวา
พวกของเจี่ยนชูเย่แบ่งกลุ่มนั่งเป็นสองฝั่ง ทั่วทั้งท้องพระโรงตกอยู่ในความเงียบ
ไม่มีใครคาดคิดว่าการเดินทางสู่แดนภังคะจะจบลงรวดเร็วเพียงนี้
หลังจากที่พวกเขาถูกจับโยนออกมา เดิมทีพวกเขาต้องการจะกลับไปที่นั่นอีกครั้ง แต่กลับพบว่าระบบของค่ายกลเคลื่อนย้ายถูกปิดกั้น!
เพราะเหตุนี้ พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องกลับมา
ส่วนเรื่องเก็บบัวระบำ ก็ปัดทิ้งไปได้เลย
คนเหล่านี้ล้วนเป็นบุคคลสำคัญของราชวงศ์เทียนลิ่ง และความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ยอดเยี่ยม แต่ใครจะคิดว่าพวกเขาจักตกอยู่ในสภาพน่าอายเช่นนี้
เจียงอวี่เฉิงถูกส่งกลับไปจวนตระกูลเจียง เพื่อรับการรักษา ขณะเดียวกันพวกเขาก็กลับเข้าวัง โดยตั้งใจจะแจ้งให้ ซั่งกวนหว่านทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้เสียก่อน แล้วจึงปล่อยให้นางตัดสินใจ
ทว่าไม่นาน ก็มีคนเดินเข้ามาจากด้านนอก
สาวใช้ในวังรีบเดินไปข้างหน้า ทักทายพวกเขาทีละคน แล้วหันไปพูดกับซ่งหลวน
“ขณะนี้องค์หญิงสามยังทรงประชวรไม่หาย จึงมิอาจออกมาพบทุกท่านในคราเดียวได้ ฉะนั้นพระองค์จึงรับสั่งให้เจ้าสำนักซ่งเข้าพบที่ตำหนักฮวาหยางเสียก่อน”
หลายคนไม่แปลกใจกับสิ่งนี้
นั่นเพราะเดิมทีซ่งหลวนนั้นสนิทสนมกับองค์หญิงสามมากกว่าพวกเขา เป็นธรรมดาที่นางจะเรียกเขาเข้าพบก่อนผู้อื่น
เจี่ยนชูเย่ถามขึ้นอย่างอดไม่ได้
“อาการขององค์หญิงสามเป็นเช่นไรบ้าง? ผ่านไปหลายวันหลายคืนแล้ว เหตุใดจึงยังไม่ดีขึ้นอีก?”
หากนับตั้งแต่นางกลับมา ก็ผ่านมาจวนจะครึ่งเดือนแล้ว
และได้ยินมาว่า ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมานั้น นางประทับอยู่แต่ในตำหนักฮวาหยาง และแทบไม่ได้ออกมาเลย
อีกทั้งยังจัดการพระราชกรณียกิจต่างๆ จากภายในตำหนักฮวาหยางเท่านั้น
ไม่รู้เลยว่าตกลงนางได้รับบาดเจ็บแบบใด ถึงได้ดูร้ายแรงเพียงนี้?
แต่ถ้าอิงตามสภาพของนางในปัจจุบันแล้ว การที่นางหายตัวไปนานเช่นนี้ สามารถทำให้ผู้คนตั้งข้อ
สันนิษฐานขึ้นมาได้ต่างๆ นาๆ
“ดีที่ซงเหล่าและข้าต่างก็เป็นเซียนหมอ เช่นนั้นเราไปดูอาการขององค์หญิงสามกันหน่อยหรือไม่ ท่านว่าอย่างใด ซงเหล่า?”