ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 800 เสียหน้า
ตอนที่ 800 เสียหน้า
อวี้ฉือซงพยักหน้า
“เช่นนั้นก็ดีเหมือนกัน พระวรกายขององค์หญิงสามสำคัญมาก ควรได้รับการวินิจฉัยดูแลอย่างถี่ถ้วน”
สาวใช้คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะเอ่ยเช่นนั้น พลันรีบพูดแทรกอย่างลุกลี้ลุกลน
“ตะ…ตะ…แต่แม่นางฉานอี้บอกให้เชิญแค่เจ้าสำนักซ่งคนเดียวเท่านั้น… ข้าน้อยมิกล้าขัดคำสั่งเจ้าค่ะ”
ในวังนี้มีผู้ใดกล้าขัดคำสั่งฉานอี้ด้วยหรือ?
และเมื่อเป็นเรื่องขององค์หญิงสาม ฉานอี้ก็จะยิ่งเคร่งครัดเป็นพิเศษ
ถ้านางพาสองคนนี้ไปด้วย ฉานอี้ย่อมมิกล้ามีปากมีเสียงกับพวกเขา หรือด่าทอนาง แต่มันก็ยากที่ยืนยันความปลอดภัยของนางเช่นกัน
เจี่ยนชูเย่หัวเราะเยาะและพูดราวกับล้อเล่น
“พวกข้าทุกคนรู้ว่าองค์หญิงสามไว้ใจและชื่นชมการทำงานของฉานอี้ขนาดไหน แต่สุดท้ายนางก็เพียงสาวใช้ หรือจะบอกว่า การที่พวกข้าจักเข้าเฝ้าองค์หญิงสามนั้น ต้องขอความเห็นจากนางก่อนหรือ?”
สาวใช้ตัวน้อยรีบคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว
“ข้าน้อยมิได้หมายความเช่นนั้นเจ้าคะ! เพียงแต่ แต่…”
“ยังมี ‘แต่’ อีกหรือ? พวกข้าเองก็เป็นห่วงสุขภาพขององค์หญิงสามเช่นกัน จึงต้องการรีบไปดูอาการนางให้แน่ใจโดยเร็ว เอาไว้ถ้าไปถึงตำหนักฮวาหยางแล้ว องค์หญิงสามไม่สามารถออกมาพบพวกข้าได้จริงๆ เช่นนั้น พวกข้าจะไม่รั้นแล้วยอมถอยกลับแต่โดยดี”
ปะโยคนั้นทำเอาสาวใช้ไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว
หากเป็นคนอื่นสาวใช้คงแย้งได้ แต่เจี่ยนชูเย่และอวี้ฉือซงต่างก็เป็นเซียนหมอชั้นแนวหน้าของราชวงศ์เทียนลิ่ง อีกทั้งยังเสนอตัวเข้าช่วยตรวจดูอาการขององค์หญิงด้วยตัวเองอีก ซึ่งก็ฟังดูสมเหตุสมผลจนเอ่ยขัดไม่ได้
ซย่าโหวหรงขมวดคิ้วเล็กน้อย และพูดว่า
“ความจริงแล้วพวกเราไม่ต้องเข้าไปก็ได้ เพราะในวังยังมีเหล่าแพทย์ชั้นสูงอย่าง จั่วหมิงซี และคนอื่นๆ อยู่ ถ้าพวกเราเข้าไปตอนนี้ เกรงว่าอาจจะเป็นการรบกวนแทนเสียมากกว่า…”
อวี้ฉือซงขัดจังหวะเขาเบาๆ
“องค์หญิงสามมิได้เสด็จออกจากตำหนักนานแล้ว ทุกคนล้วนเป็นวิตกกังวล และตอนนี้องค์ชายใหญ่ก็ยังบาดเจ็บถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่ออีก ถ้าไม่มีใครออกมาควบคุมสถานการณ์โดยรวมโดยเร็ว อีกไม่นานทั่วทั้งวังจักต้องวุ่นวายแน่นอน พวกข้าหวังดีและทำเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม หรือจะให้พวกข้าปล่อยให้องค์หญิงสามทรมานอยู่เช่นนั้นหรือ?”
เมื่อพูดเช่นนี้แล้ว สาวใช้จักแย้งเอ่ยอันใดได้อีก นางทำได้เพียงกัดฟันแล้วยอมพวกเขาอย่างจำนน
ริมฝีปากของซย่าโหวหรงขยับราวต้องการที่จะหยุดอีกฝ่าย แต่เขาคิดหาเหตุผลดีๆ มาเถียงไม่ได้
เจี่ยนชูเย่เหลือบมองเขา พลันหัวเราะเสียงต่ำแล้วยิ้มตอบ
“ดูเหมือนสีหน้าของท่านจักไม่ค่อยดีเท่าใดนัก ใต้เท้าซย่า หรือท่านอาจจะเหนื่อยกับการเดินทางครานี้? เช่นนั้น เหตุใดท่านจักไม่กลับไปพักผ่อนเสียก่อนเล่า?”
ซย่าโหวหรงปฏิเสธข้อเสนอทันที
“ในเมื่อพวกเจ้าจักไปกันหมด แล้วข้าจะไม่ไปได้อย่างใด?”
หลังจากกลับมาถึงซีหลิง เจียงอวี่เฉิงไม่ต้องการให้เจี่ยนชูเย่และอวี้ฉือซงเข้าวัง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการให้คนพวกนี้เข้าพบหญิงองค์สาม
และพอเห็นว่ายามนี้ไม่มีใครสามารถหยุดพวกเขาได้ แน่นอนว่าราชครูอย่างเขาจึงต้องรีบตามประกบในทันนี้
จากนั้นคนทั้งหมดก็เดินไปยังตำหนักฮวาหยางพร้อมสาวใช้
…
และไม่นานพวกเขาก็มาถึงตำหนัก
ทว่าพอฉานอี้ที่รออยู่ด้านนอกเห็นพวกเขา ใบหน้าของนางก็พลันชะงักค้างไปทันที
สาวใช้ตัวน้อยวิ่งไปข้างหน้า แล้วยืนตัวสั่นเทาพลางอธิบายสถานการณ์ทั้งหมดให้ฉานอี้ฟัง
“…เหล่าใต้เท้าเป็นห่วงพระพลานามัยขององค์หญิงเจ้าค่ะ จึงพากันตามข้าน้อยมา แล้วบอกว่าจะช่วยตรวจดูอาการขององค์หญิง…”
ฉานอี้ตกใจจนผงะ
พวกเขาอยากช่วยดูอาการของพระองค์หรือ?
จะเป็นไปได้อย่างใดกันเล่า!?
สภาพขององค์หญิงสามในตอนนี้ไม่พร้อมรับแขกเลยสักนิด!
ถ้าคนพวกนี้เห็นเข้า…ไม่รู้จะเกิดอันใดขึ้นบ้าง!
นางเริ่มทักทายพวกเขาด้วยความเคารพ ก่อนจะแจ้งด้วยคำพูดสละสลวยว่าซั่งกวนหว่านนั้น ไม่สะดวกที่จะพบคนจำนวนมากพร้อมกัน ยกเว้นซ่งหลวน และทำได้เพียงเชิญคนที่เหลือกลับไป
เจี่ยนชูเย่ยิ้มเยาะในใจ
ไม่ใช่ว่านางไม่พร้อมเจอใครหรอก นางแค่ไม่อยากพบเขากับอวี้ฉือซงต่างหาก!
ตอนแรกเขาแค่สงสัยเล็กน้อย แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
การที่ซั่งกวนหว่านทำเช่นนี้ ถ้าไม่เรียกลำเอียงแล้วจักเรียกอันใดได้อีก?
แม้จะสุขภาพไม่ดีจริงๆ แต่การพบคนสองสามคนพร้อมกันนั้น ก็ไม่น่าใช่เรื่องยากเย็นแสนเข็ญแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ทักษะทางการแพทย์ของเขาและอวี้ฉือซงนั้น อยู่ในระดับสูงสุดของราชวงศ์เทียนลิ่งทั้งหมด มากกว่าเซียนหมอหลายๆ คนเลยก็ว่าได้ แต่ซั่งกวนหว่านกลับหลีกเลี่ยงพวกเขา ราวกับหนีนาคีและแมงป่อง
น่าสงสัยจริงๆ
เมื่อเห็นว่าคนที่เหลือยังไม่ยอมจากไปไหน ฉานอี้จึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากพูดว่า
“พระวรกายขององค์หญิง ได้รับการวินิจฉัยดูแลรักษาจากใต้เท้าจั่วและคนอื่นๆ แล้ว หรือว่าพวกท่านไม่เชื่อใจใต้เท้าจั่ว?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น…”
ทว่าขณะที่เจี่ยนชูเย่กำลังจะแย้งนาง อวี้ฉือซงก็ขัดขึ้นเสียก่อน
“พวกข้าไว้ใจทักษะทางการแพทย์ของจั่วหมิงซีอยู่แล้ว เช่นนั้นก็ขอให้พระองค์ได้พักผ่อนเสียเถิด ข้าขอตัวลา”
หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังและจากไปจริงๆ
เจี่ยนชูเย่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และจำต้องเดินตามไปอย่างงุนงง
ซย่าโหวหรงถอนหายใจด้วยความโล่งอก และไม่นานก็ขอตัวกลับไปเช่นกัน
เพียงประเดี๋ยวก็เหลือซ่งหลวนคนเดียว
ฉานอี้เอ่ยนำ
“เชิญเจ้าสำนักซ่งเจ้าคะ…”
…
“ซงเหล่า เหตุใดท่านถึงรีบออกมาเช่นนั้น?”
เจี่ยนชูเย่สาวเท้าตามอวี้ฉือซงไปติดๆ พลันขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
แน่นอนว่าซงเหล่าเองย่อมรับรู้ถึงความผิดปกตินี้ และหากพวกเขารั้นซักถามไปเรื่อยๆ ประเดี๋ยวอีกฝ่ายก็ต้องหลุดพูดอันใดออกมาเอง
แต่จู่ๆ ซงเหล่ากลับหยุดไปดื้อๆ เสียอย่างนั้น ช่างน่าแปลกเสียจริง
อวี้ฉือซงตอบกลับ
“ในเมื่อนางไม่อยากพบ แล้วจะไปบังคับนางเหตุใด?”
“แล้วท่านไม่กังวลเลยหรือ?”
เห็นได้ชัดว่ามันมีอันใดมิชอบมาพากล ใครจะรู้ว่านางกำลังวางแผนอันใดอยู่?
แต่ทันใดนั้น อวี้ฉือซงก็หัวเราะออกมา
“คนที่ต้องกังวลที่สุด มิใช่นางหรอกหรือ?”
ซั่งกวนหว่านนั้นมีความมักใหญ่ใฝ่สูงเกินตัว เยว่เอ๋อสิ้นพระชนม์ไปได้ไม่ถึงสองปี นางก็วางแผนจะขึ้นครองราชย์แทนที่คนตายเสียแล้ว และแม้กระทั่งคิดจะรับช่วงต่อโดยตรง ในขณะที่ฝ่าบาทยังมิได้สติอีก
ใครๆ ต่างก็มองออกว่านางต้องการสิ่งใด
นางต้องการถือสิทธิ์ครอบครองอำนาจทั้งหมดไว้ในมือของตน และกลัวว่าคนอื่นจะยึดอำนาจนั้นไป ซึ่งหากแผนของนางราบรื่นจริงๆ ละก็ นางจะปฏิเสธการพบปะผู้คนไปเพื่ออันใด?
ขุนนางใหญ่หลายคนอาจจะทนรอได้สักวันสองวัน แต่จะให้รอไปตลอดชีวิตคงไม่ได้
ในเวลานี้ คนที่ต้องดิ้นรนที่สุดคงมิใช่คนอื่น แต่เป็นซั่งกวนหว่านเอง!
เจี่ยนชูเย่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะดึงสติกลับมาได้
“ท่านหมายความว่า…”
“ข้านั้นแก่จนทำการใดมิคล่องแคล่ว แม้แต่บัวรำดอกเดียว ยังนำกลับมาให้องค์หญิงสามมิได้ด้วยซ้ำ ช่างน่าละอายนัก”
หลังจากที่อวี้ฉือซงพูดจบ เขาก็เดินต่อไปเรื่อยๆ
“ตามหาพวกของหลิวเยว่ก็ไม่พบ เช่นนั้น ข้าขอกลับไปรอฟังข่าวของพวกเขาที่ภูเขาชิงหยวนดีกว่า! ส่วนเรื่องอื่นนั้น ข้าขอไม่ยุ่งเกี่ยว!”
เจี่ยนชูเย่แอบส่งเสียง “จิ๊จ๊ะ” ในใจ
นี่อวี้ฉือซงกำลังวางแผนกระจายข่าว เรื่องที่พวกเขาคว้าน้ำเหลวจากการไปแดนภังคะ ใช่หรือไม่?
เขานึกภาพออกเลยว่าเมื่อถึงตอนนั้น ซั่งกวนหว่านจะทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกขนาดไหน!
สมกับที่เป็นจิ้งจอกเฒ่าจอมเจ้าเล่ห์จริงๆ!
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ชงซูเก๋อประสบกับการโจมตีอย่างต่อเนื่อง อวี้ฉือซงผจญกับภาวะตกต่ำและจำต้องอดทนอย่างมาก แม้แต่เขาเองยังคิดเลยว่าชงซูเก๋ออาจไม่มีวันฟื้นตัวกลับสู่สถานะเดิมได้
ทว่าตอนนี้ ในที่สุดก็มีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นมากมาย!
เขาลูบคางอย่างใช้ความคิด
“เห้อ เช่นนั้นให้ข้าไปหาจั่วหมิงซีดีหรือไม่?”
ไม่แน่เขาอาจจะได้ความอันใดบ้างก็ได้!
…
เพียงชั่วข้ามคืน ข่าวที่ซั่งกวนหว่านนำกองทหารไปยังแดนภังคะ จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสมากมาย และข่าวที่พวกเขาไม่สามารถนำวัตถุดิบยาล้ำค่ากลับมาให้ฝ่าบาทได้แม้แต่อย่างเดียว ก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองซีหลิง
ซึ่งต่อมานางก็ได้ส่งเจี่ยนชูเย่และผู้อาวุโสระดับสูงคนอื่นๆ ไปที่นั่นเป็นการพิเศษ แต่สุดท้ายพวกเขาก็กลับมามือเปล่าเช่นกัน
แม้ทางราชสำนักจะพยายามระงับข่าวสุดความสามารถ แต่มันก็ไร้ประโยชน์
เพราะท้ายที่สุดแล้ว สภาพของพวกเขาในวันที่กลับมานั้น ก็ได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมากไปแล้ว
ชั่วขณะหนึ่งข่าวลือแพร่สะพัดไปทุกที่ และทุกคนในเมืองก็พูดถึงแต่เรื่องนี้
ณ หอคอยชุนเฟิง
เจี่ยนเฟิงฉือเอนกายลงบนเก้าอี้นอนตัวยาว พร้อมหัวเราะเยาะอย่างบ้าคลั่ง
“คราวนี้ องค์หญิงสามของเราเสียหน้าครั้งใหญ่แล้วสิ!”