ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 812 ค่าไถ่
ตอนที่ 812 ค่าไถ่
การแสดงออกของเจียงอวี่เฉิงเปลี่ยนไปทันที
เขาจ้องเจียงอวี่จือตาเขม็ง สายตาของเขาเต็มไปด้วยการข่มขู่ พร้อมสีหน้าดุดัน
เมื่อเจียงอวี่จือตระหนักได้ว่าพลั้งปากออกไป หัวใจของนางก็หล่นไปอยู่ตาตุ่ม!
“พี่ใหญ่ ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น ข้า…”
“เจ้าไปรู้เรื่องนี้มาจากไหน?”
เจียงอวี่เฉิงบีบข้อมือของเจียงอวี่จือแน่น และถามเน้นทีละคำ
เจียงอวี่จือนั้นแทบจะไม่เคยเห็นพี่ชายคนโต แสดงท่าทีเช่นนี้กับตนมาเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการที่เขาใช้น้ำเสียงข่มขู่กับนางเช่นนั้น
นาง นางกลัวมาก…
“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่! เจ้าปล่อยมือก่อน! ข้าเจ็บมากเลยนะ!”
นางพยายามดิ้นแกะมือของเจียงอวี่เฉิงออก
แต่มือหนาของเจียงอวี่เฉิงยังคงจับมือของนางไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ
“ข้าถามเจ้า เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างใด!”
เจียงอวี่เฉิงขึ้นเสียง น้ำเสียงของเขารุนแรงมาก ราวกับว่าเขากำลังสอบปากคำคนร้ายอยู่ก็มิปาน
คนทั้งโลกล้วนบอกว่าพวกเขาสองคนนั้น เป็นคู่ที่สวรรค์โปรดมาให้คู่กัน และความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ดีมาก
ทั่วทั้งราชวงศ์เทียนลิ่ง ไม่รู้เลยว่ามีคนอิจฉาริษยาเขามากมายเพียงใด
แค่เพราะเขาได้หมั้นหมายกับนาง
แต่เรื่องที่ลึกซึ้งกว่านั้น มีเพียงเขาและซั่งกวนเยว่เท่านั้นที่รู้
ตอนนี้ซั่งกวนเยว่ตายแล้ว ความจริงย่อมตายไปกับนางด้วยสิ
แต่เจียงอวี่จือกลับรู้เรื่องนี้ ตั้งแต่เมื่อใดกัน!?
เมื่อเห็นท่าทีดุร้ายและน่ากลัวของพี่ชาย เจียงอวี่จือถึงตระหนักได้ว่าเรื่องนี้มันรุนแรงเพียงใด ความหวาดกลัวเริ่มปรากฏขึ้นในส่วนลึกของจิตใจ ก่อนจะพูดออกไปอย่างเร็ว
“ขะ ข้า…ข้าก็แค่บังเอิญไปได้ยินมา! วันนั้นข้าจะไปหาเจ้าที่สวนเทพเนรมิต ตะ แต่ดันเดินไปเห็นฉากที่เจ้ากำลังคุยกับองค์หญิงใหญ่ ขะ ข้าเลยได้ยินมานิดหน่อย…”
เจียงอวี่เฉิงรู้ว่านางหมายถึงวันใด
“แล้วเรื่องอื่นเล่า มีอีกหรือไม่? เจ้าได้ฟังอันใดมา แล้วเจ้ารู้อันใดมา?”
เจียงอวี่เฉิงจี้ถามต่ออย่างหนัก เสมือนกับการสอบปากคำนักโทษ
“ไม่ ไม่! ไม่มีแล้วจริงๆ พี่ใหญ่ ข้าเจ็บมือ!”
เจียงอวี่จือย้ำแล้วย้ำอีก ใบหน้านวลซีดเซียวจากความเจ็บปวด ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
เจียงอวี่เฉิงจ้องหน้านางอยู่นานพักใหญ่ และหลังจากแน่ใจว่านางไม่ได้โกหก ในที่สุดเขาก็สะบัดมือออก
เจียงอวี่จือเซไปหนึ่งก้าวและพยายามบังคับให้ตัวเองกลับมายืนตัวตรงอย่างยากลำบาก
นางหลุบตามองต่ำ และเห็นรอยฟกช้ำสีม่วงที่มือของตน
นางรู้สึกผิดมากๆ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่านางจะพูดหรือทำอันใด พี่ใหญ่ก็ไม่เคยปฏิบัติกับนางเช่นนี้
ทว่าเพียงแค่นางเอ่ยถึงองค์หญิงใหญ่ คิดไม่ถึงว่า…
เจียงอวี่จือโกรธและรู้สึกผิดอยู่ในใจ แต่นางสัมผัสได้ว่านางคงไปพูดจี้จุดอันใดพี่ใหญ่เข้า นางจึงเงียบและไม่พูดอันใดออกมาอีก
“นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าต้องรู้”
เจียงอวี่เฉิงเอ่ยอย่างเย็นชา
“จากนี้ไป อย่าให้ข้าได้ยินเรื่องแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สอง เข้าใจหรือไม่?”
เจียงอวี่จือตัวสั่นเล็กน้อย และพยักหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่กล้าเงยหน้ามองเจียงอวี่เฉิงอีกครั้งอยู่ดี
เมื่อครู่นี้… พี่ใหญ่น่ากลัวมากจริงๆ…
เจียงอวี่เฉิงหลับตาและสยบความวุ่นวายในใจ
เขาเหลือบมองเจียงอวี่จือ และเห็นรอยช้ำที่ข้อมือของนาง ก่อนจะทำหน้าบึ้งตึง
ก่อนหน้านี้เขาขาดสติไปชั่วขณะ และมันคงทำให้นางกลัวมาก…
เจียงอวี่เฉิงขมวดคิ้ว
“ส่วนเรื่องของเจ้าซย่าโหวถิงอัน เจ้าได้ตรวจสอบดีแล้วหรือ?”
เจียงอวี่จือหยุดชะงัก จากนั้นก็ค่อยๆ พยักหน้าอย่างลังเล แต่ในดวงตาของนางกลับฉายแววไม่พอใจ
“แต่ว่า สำหรับนังเด็กรับใช้ในหอคอยชุนเฟิงนั่น ข้าจักต้องฆ่านางให้ได้!”
เจียงอวี่เฉิงหัวเราะเยาะ
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าวันนี้เด็กสาวคนนั้น ถูกไถ่ตัวออกจากหอคอยชุนเฟิงแล้วนะ และก็ได้ไปอาศัยอยู่ในเรือนเล็กๆ กลางเมืองด้วย”
“อันใด!?”
เจียงอวี่จือเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
และเข้าใจเรื่องทุกอย่างในทันที
…นี่ซย่าโหวถิงอันคิดจะเล่นชู้นอกเรือนจริงๆ หรือ!?
นี่เขาไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของนางเลยใช่หรือไม่!
นางอุตส่าห์ปลอบใจตัวเองมาทั้งวันว่า ทุกอย่างเป็นความผิดของนังนั่น ที่ซย่าโหวถิงอันทำแบบนั้นก็เพราะเขาเมาและสับสน
แต่ใครจะรู้ว่าเขานั่นแหละ คือตัวตั้งตัวตีของเรื่องนี้!
มันคือการตบหน้านางฉาดใหญ่!
และปล่อยให้นางกลายเป็นตัวตลกของคนทั้งเมืองซีหลิง!
เจียงอวี่จือจิกเล็บลงในอุ้งมือของตน
ที่เมื่อก่อนเขาทำดีต่อนาง ล้วนเป็นการเสแสร้งหรือ?
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว สิ่งที่นางพูดออกไปเมื่อครู่นั้นช่างไร้สาระสิ้นดี!
นางยกเท้าขึ้นและเดินไปที่ประตู
“นั่นเจ้าจะไปไหน?” เจียงอวี่เฉิงหยุดนาง
เจียงอวี่จือดูโกรธมาก
“ข้าจะไปจัดการหญิงร้ายชายโฉดคู่นั้นให้สิ้นซาก! ทำให้พวกมันต้องทรมานยิ่งกว่าตายทั้งเป็น!”
เจียงอวี่เฉิงถามต่อว่า
“แล้วตอนนี้ เจ้ายังตัดเขาไม่ขาดอยู่อีกหรือไม่? และยังอยากแต่งงานกับเขาหรือเปล่า?”
เจียงอวี่จือรู้สึกอึดอัดราวถูกหินก้อนใหญ่หล่นทับหน้าอก
นางส่ายหัวอย่างแรง ดวงตาสองข้างแดงเรื่อ หากแต่ไม่มีหยดน้ำตาไหลรินลงมาอีกแล้ว
“เช่นนั้นก็ดี”
เจียงอวี่เฉิงพยักหน้าตอบอย่างเห็นด้วย
“ข้าลืมบอกเจ้าไปอย่าง กลางดึกเมื่อวาน ซย่าโหวถิงอันถูกซย่าโหวหรงไล่ออกจากจวนตระกูลซย่าแล้ว”
ปรากฏว่าหลังจากที่ซย่าโหวถิงอันกลับมาที่จวน เขาก็ถูกซย่าโหวหรงลากคอไปสั่งสอน
ซย่าโหวหรงขอให้ซย่าโหวถิงอันมาที่จวนตระกูลเจียง เพื่อยอมรับผิดและเพื่อให้เจียงอวี่จือยกโทษให้เขา
แต่ซย่าโหวถิงอันตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะยกเลิกงานสมรส เขาดื้อรั้นมาก พูดอันใดก็ไม่ฟัง
สุดท้ายซย่าโหวหรงที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ก็ไล่บุตรชายของตนออกจากจวนอย่างเกรี้ยวกราด
เดิมทีผู้เป็นบิดาต้องการใช้วิธีนี้ เพื่อทำให้ซย่าโหวถิงอันเกรงกลัว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าบุตรชายจะหัวร้อนกว่า แล้วหนีออกจากจวนตระกูลซย่าโหวภายในคืนนั้นเลย
“ข้าส่งคนไปสอบถามแล้ว เขาอยู่กับสตรีนางนั้น”
คำพูดของเจียงอวี่เฉิงกลายเป็นฟางเส้นสุดท้าย ที่ทำให้แผ่นหลังของอูฐผู้สง่างามหักลง
ซย่าโหวถิงอันยอมถูกไล่ออกจากจวนและไปอยู่กับผู้หญิงที่ต่ำต้อยจากหอคอยชุนเฟิง ดีกว่ามาขอขมานาง นี่มันหมายความว่าอย่างใด?
แม้แต่คุณหนูสี่ผู้สง่างามแห่งตระกูลเจียง ก็ยังสู้โสเภณีไม่ได้เลยหรือ!?
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่รู้ว่าผู้คนในเมืองซีหลิงจะพูดถึงนางอย่างใด!
ใบหน้าของเจียงอวี่จือร้อนผ่าว จิตใจของนางว่างเปล่า และมีเพียงความเกลียดชังที่ไม่มีวันจบสิ้นไหลเวียนอยู่ภายในใจ!
จากนั้น นางก็กลอกตาไปมา และสลบไปทันที!
เจียงอวี่เฉิงพยุงนางขึ้นมา แล้วพาไปที่เตียง
ต่อมาเขาก็สั่งให้คนเข้ามาทำความสะอาด และเชิญเฟิงซานหยวนมาช่วยวัดชีพจรให้เจียงอวี่จือ
หลังจากยืนยันว่านางเป็นลมเพราะความโกรธ และไม่มีอันใดร้ายแรงเกิดขึ้น เจียงอวี่เฉิงก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
หลังจากนั้น เขาก็นั่งลงข้างเตียงและดูแลเจียงอวี่จือด้วยตัวเอง
และกว่าเจียงอวี่จือจะฟื้น ก็เป็นยามที่รัตติกาลมาเยือนเสียแล้ว
นางลืมตาขึ้นด้วยความงุนงง ก่อนจะหันไปเห็นเจียงอวี่เฉิงที่เฝ้าอยู่ข้างเตียง
“ตื่นแล้วหรือ อวี่จือ?”
เสียงของเจียงอวี่เฉิงกลับมาอ่อนโยนดังเดิม
ทันใดนั้น ความคับข้องใจของเจียงอวี่จือก็พลันระเบิดขึ้น ดวงตาของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที
“พอแล้ว ผ่านไปแล้วก็แล้วกันไป”
เจียงอวี่เฉิงลูบมือของนางเบาๆ
เมื่อปล่อยให้นางได้ระบายอารมณ์จนหมด เขาก็ป้อนน้ำให้นางอีกครั้ง
และในที่สุด หลังจากที่เจียงอวี่จือสงบลง เขาก็พูดเบาๆ ว่า
“เจ้าคิดอย่างใดกับบุตรชายคนที่สามของตระกูลซย่าโหว?”
เจียงอวี่จือรู้ว่าเขาหมายถึงอันใด
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
“พี่ใหญ่ ข้าไม่อยากไปจวนตระกูลซย่า…”
แต่พูดไปได้ครึ่งหนึ่ง นางก็สังเกตเห็นแววตาเรียบนิ่ง ที่เจียงอวี่เฉิงกำลังใช้มองนาง
นางหยุดชะงักทันควัน ก่อนจะพยักหน้าตอบ
“… ทราบแล้วค่ะ”
เจียงอวี่เฉิงแสดงสีหน้าโล่งอกโล่งใจออกมาทันที
คราวนี้ พวกคนตระกูลซย่าโหว จักปฏิเสธไม่คืนโอสถเก้าสวรรค์ฟื้นคืนให้เขาไม่ได้แล้ว!