ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 823 ราชสีห์ขาว
ตอนที่ 823 ราชสีห์ขาว
เมื่อฉินอีและพี่เหลยสี่ได้ยินดังนั้น สีหน้าของเขาก็แข็งค้างเล็กน้อย
มีเพียงแต่พวกเขาเท่านั้นที่รู้ความหมายแฝงในประโยคนั้นของนาง
…นางไม่ใช่แค่เป็นฉู่หลิวเยว่ แต่เป็นซั่งกวนเยว่!
เดิมทีแล้วนี่ถือว่าเป็นราชสำนักของนางด้วยซ้ำ แต่กลับถูกคนพรากเอาไปด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ แต่ในตอนนี้นางกลับมาแล้ว นางกลับมาเพื่อทวงคืนทุกอย่างกลับไป!
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ สวมชุดสามัญ ไหล่ที่ผอมบาง แต่แววตาของนางนั้นดำขลับราวกับอัญมณีที่ส่องแสงสว่าง ราวกับกำลังดูหมิ่นคนทั้งโลก!
หากไม่ใช่เพราะที่นี่มีมู่หงอวี่และคนนอกอีกสองคน พี่เหลยสี่แทบอยากจะคุกเข่าก้มลงไปด้วยความเคารพด้วยซ้ำ
ฝ่าบาทก็ยังเป็นฝ่าบาทอยู่วันยังค่ำ!
ต่อให้ต้องรอมานานขนาดนี้ ก็ไม่นับว่าเสียเปล่า!
ฉินอีเหลือบสายตามองนางหนึ่งครั้ง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่น
เวลาเกือบสองปี เขารอคอยอยู่ที่นี่มาโดยตลอด
ความจริงแล้วพวกเขายังไม่แน่ใจเลยว่าพระองค์ยังจะมีชีวิตอยู่ และไม่รู้เลยว่าเมื่อไรพระองค์จะกลับมา
ตั้งแต่ต้นจนจบ พวกเขาใช้จิตใจในการนำทางเท่านั้นถึงจะสามารถยืนหยัดต่อไปได้เช่นนี้
ในที่สุดตอนนี้เมฆที่บดบังก็จางหายจนสามารถมองเห็นพระจันทร์ได้แล้ว…
อย่าว่าแต่พี่สี่เลย แม้แต่ในใจของเขาเองก็รู้สึกเหมือนมีระลอกคลื่นถาโถมเช่นกัน
ราวกับว่าเชียงหว่านโจวสามารถสัมผัสอันใดได้ จึงหันกลับมามองทางพวกเขา
ไม่รู้ว่าเหตุใด เขารู้สึกตลอดว่าทั้งสองคนนี้ปฏิบัติต่ออย่างพิเศษมาก…
แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของโลกมนุษย์มากนัก แต่สัตว์ร้ายก็มีสัญชาตญาณที่เฉียบแหลมเช่นกัน
หากเป็นดังเช่นตอนนี้เขาคงไม่สามารถรออยู่กับพวกเขาที่นี่อย่างไว้ใจได้หรอก รอที่จะให้ฉู่หลิวเยว่
ออกมาพร้อมกัน
เขามองไปทางฉู่หลิวเยว่ แต่กลับเห็นเพียงแววตาที่ดำขลับลึกซึ้งจนมองไม่เห็นก้น
เหมือนว่า…นางจะซ่อนความลับเอาไว้มากมายทีเดียว
เชียงหว่านโจวหลุบตาลงต่ำ ในเมื่อนางไม่อยากพูด เช่นนั้นเขาก็จะไม่ถาม
ถ้าวันหนึ่งนางอยากจะพูด ค่อยให้นางพูดก็ได้
“หลิวเยว่ เหตุใดเจ้าถึงติดอยู่ข้างล่างตั้งนานขนาดนี้เล่า? ข้างในนั้นมันเกิดอันใดขึ้นกันแน่? แล้วนี่เจ้าออกมาได้อย่างใด?”
หลังจากแน่ใจแล้วว่าฉู่หลิวเยว่กลับมาอย่างปลอดภัย ในที่สุดมู่หงอวี่ก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก
เมื่อนางผ่อนคลายแล้ว นางก็ยิงคำถามออกมาเป็นชุดๆ อย่างต่อเนื่อง
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
“เรื่องมันยาวน่ะ หลังจากกลับไปแล้ว ข้าค่อยเล่าให้พวกเจ้าฟังอย่างละเอียดก็แล้วกัน”
เย่หรานหร่านอุทานออกมาอย่างตกใจ
“หลิวเยว่ เหมือนว่าเจ้าจะเลื่อนขั้นอีกแล้วใช่หรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ ตอนที่อยู่ในอาณาเขตเซียนเทพของเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ นางอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหนึ่งปีกว่าๆ หากยังเลื่อนขั้นไม่ได้ นั่นสิที่ถือว่าเป็นเรื่องแปลก
ระดับจอมยุทธ์ของนางในตอนนี้ คือระดับห้าขั้นสูงแล้ว
อยู่ห่างจากจอมยุทธ์ระดับหกเพียงหนึ่งก้าวเท่านั้น!
ความจริงแล้วก่อนหน้านี้นางสัมผัสได้ถึงกำแพงที่มองไม่เห็นอยู่ตลอด
นั่นเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้นางไม่มีเวลาไปจดจ่อกับการเลื่อนขั้น ดังนั้นจึงกดพลังเหล่านั้นให้กลับไปทั้งหมด
ขอเพียงแต่ตราบใดที่นางต้องการ ความจริงแล้วนางสามารถเลื่อนขั้นไปเป็นจอมยุทธ์ระดับหกได้ทุกเมื่อ!
“แค่บังเอิญน่ะ” ฉู่หลิวเยว่อธิบายสั้นๆ แค่หนึ่งประโยค
ใบหน้ากลมเกลี้ยงของเย่หรานหร่านเต็มไปด้วยความตกใจ
“อาจารย์บอกว่า การที่โชคดีนั้นช่วยแค่หนึ่งส่วนเท่านั้น! หลิวเยว่ รอพวกเรากลับไป เจ้าสำนัก ท่านอาจารย์ทุกท่าน ศิษย์พี่ศิษย์น้องทุกคน เมื่อเห็นเจ้าพัฒนาเช่นนี้แล้วจะต้องภูมิใจอย่างมากแน่นอน!”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะ จากนั้นก็เคาะที่ศีรษะของนางเบาๆ
“คิดว่าข้ามองไม่เห็นหรือ? ว่าพวกเจ้าทุกคนก็สามารถเลื่อนขั้นได้เช่นกัน”
เย่หรานหร่านลูบหัวตัวเอง แล้วยิ้มขึ้นมาอย่างกระดากอาย
“ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณพี่ใหญ่ฉินที่ช่วยกระตุ้นให้พวกเราฝึกฝน ระหว่างนั้นก็ยังคอยชี้แนะพวกเราไม่น้อยอีกด้วย!”
รอยยิ้มของฉู่หลิวเยว่กดลึก นางมองไปทางฉินอีและพี่เหลยสี่ แววตาหยอกล้อปรากฏขึ้นในสายตา
“เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณพี่ใหญ่ฉินและพี่ใหญ่เหลยจริงๆ”
ฝีมือของพวกเขาทั้งสองนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก โดยเฉพาะฉินอีที่ทั้งฉลาดและมีไหวพริบ
ทั่วทั้งราชวงศ์เทียนลิ่ง มีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องการคำชี้แนะจากเขา แต่ก็ต้องล้มเหลวทุกราย
ตอนนี้เขากลับให้คำชี้แนะมู่หงอวี่และคนอื่นๆ
นี่เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการฝึกฝนในภายภาคหน้าของพวกเขาแล้ว
ฉงฉงที่อยู่ในอ้อมกอดของมู่หงอวี่ก็บิดตัวไปมา นางจึงต้องเปลี่ยนท่า และอุ้มนางขึ้นมาด้วยความยากลำบาก
“ฉงฉง ตัวของเจ้าหนักขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ…หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้าจะอุ้มเจ้าไม่ไหวแล้วนะ…เอ๋ อสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นล่ะ?”
มู่หงอวี่เหลือบสายตาไปมองอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทันใดนั้นก็เห็นว่าบนท้องฟ้าเหลือเพียงความว่างเปล่า และเหมือนว่าราชสีห์ขาวที่อยู่ตรงนี้มาโดยตลอดก็หายไปด้วย
เมื่อนางพูดขึ้นเช่นนั้น คนอื่นๆ จึงนึกขึ้นมาได้เช่นกัน
ฉู่หลิวเยว่ถามอย่างประหลาดใจ
“อสูรศักดิ์สิทธิ์?”
มู่หงอวี่อธิบายขึ้นว่า
“มันคือราชสีห์ขาวตัวสูงใหญ่…แต่ว่าท่าทางมันมอมแมมมาก ราวกับเพิ่งออกมาจากทะเลทรายจันทราสีชาด”
เมื่อฉู่หลิวเยว่ได้ยินประโยคแรกหัวใจของนางก็กระตุกวูบ
อสูรศักดิ์สิทธิ์…ราชสีห์ขาว?
นางรู้จักราชสีห์ขาวจอมอันธพาลอยู่ตัวหนึ่ง…เสวี่ยเสวี่ย
แต่เหมือนว่าเสวี่ยเสวี่ยจะไม่ใช่อสูรศักดิ์สิทธิ์นะ…
แล้วยิ่งออกมาจากทะเลทรายจันทราสีชาดนั้น ยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่
แต่ความสงสัยก็อยู่ในใจของนางอยู่
“หลังจากที่เจ้าจากไปไม่นาน มันก็ปรากฏตัวออกมา แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย”
ฉินอีพูดเสียงเบา
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างครุ่นคิด จากนั้นก็รีบระงับความสงสัยที่อยู่ภายในทันที
นางกวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วพูดขึ้นว่า “แล้วคนอื่นๆ ล่ะ…ออกไปจากที่นี่หมดแล้วหรือ?”
เมื่อสิ้นเสียงนาง ความเงียบก็เข้ามาปกคลุมทันที
ฉินอีกล่าวเสียงเบาว่า
“ซั่งกวนหว่านและคนอื่นๆ คิดว่าเจ้าตายแล้ว ดังนั้นจึงพาคนออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็วเหลือเพียงพวกเราไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังอยู่ที่นี่”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
นี่เป็นสิ่งที่ซั่งกวนหว่านพอจะทำได้
“เดิมทีศิษย์พี่จู้หงและคนอื่นๆ ก็จะนั่งรออยู่ที่นี่ด้วยเช่นเดียวกัน แต่พี่ใหญ่ฉินบอกว่าที่นี่มันอันตรายมากเกินไป และโน้มน้าวให้พวกเขากลับไป” มู่หงอวี่พูดเสริมอีกประโยค
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะเบาๆ
“พวกเขาล้วนบาดเจ็บ ควรให้รีบกลับไปจะเป็นทางดีที่สุดแล้ว”
ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นศิษย์จากสำนักเขี้ยวมังกร เรื่องคุณสมบัติที่ดีไม่ต้องพูดถึงเลย
เย่หรานหร่านถามขึ้น
“หลิวเยว่ เช่นนั้นพวกเรากลับตอนนี้เลยเถิด! เจ้าสำนักกับท่านอาจารย์คงรอจนร้อนใจอย่างมากแล้วแน่นอน!”
คนส่วนใหญ่กลับไปตั้งนานแล้ว แต่พวกเขายังนั่งรออยู่ที่นี่มาตลอดเวลา
และสิ่งสำคัญเลย ในตอนที่พวกเขาอยู่ที่นี่ก็ไม่สามารถส่งข่าวคราวไปบอกทางนั้นได้เลย
ไม่รู้ว่าหลังจากที่คนเหล่านั้นกลับไปแล้ว พวกเขาจะอธิบายให้เจ้าสำนักฟังอย่างใดบ้าง…
อีกทั้งก่อนหน้านี้พวกเขาไม่กี่คนล้วนไม่มั่นใจเลยด้วยซ้ำว่าฉู่หลิวเยว่จะอยู่หรือตาย
หากท่านเจ้าสำนักคิดว่าฉู่หลิวเยว่เกิดเรื่องแล้วจริงๆ เขาจะต้องเสียใจอย่างมากแน่นอน!
ดวงตาของฉินอีสั่นสะท้านเล็กน้อย
หากจำไม่ผิดละก็ ก่อนหน้านี้อวี้ฉือซงน่าจะมาถึงแล้ว
แต่น่าเสียดายที่ตอนนั้นยังมีเจียงอวี่เฉิงและคนอื่นๆ อยู่ข้างกายเขา ฉินอีจึงไม่มีโอกาสปล่อยให้พวกเขาเข้าไป
แต่ทว่าอวี้ฉือซงก็น่าจะเดาอันใดได้บางอย่างแล้ว
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่รีบ ตอนนี้ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำอยู่อีก”
“อันใดหรือ?”
หลายคนต่างมองมาด้วยความสงสัย
ส่วนฉู่หลิวเยว่ก็ชี้นิ้วไปทางทะเลสาบกระจก
“ไปเก็บบัวระบำ!”
…
บนท้องฟ้าสีคราม ปรากฏเส้นสีขาวเหมือนท้องปลา
หลังจากนั้นแสงก็สะท้อนจากเมฆก้อนหนาออกมา!
ท้องฟ้าทั้งหมดก็ค่อยๆ ถูกย้อมจนกลายเป็นสีแดง!
ในที่สุด ดวงอาทิตย์กลมโตก็ปรากฏออกมาจากก้อนเมฆ!
บนทะเลทรายจันทราสีชาด มีปราณเย็นราวกับช่วงเวลากลางดึกแผ่กระจายออกมาด้วย ความร้อนภายใต้แสงแดดก็ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น
เงาสีดำ รูปร่างสูงใหญ่ ก็กำลังเดินผ่านทะเลทรายสีทอง
ด้านหลังของเขามีราชสีห์ขาวที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเหลืองแล้ว