ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 827 ช่วยหรือฆ่า
ตอนที่ 827 ช่วยหรือฆ่า
อวี้ฉือซงพูดถึงสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน เจียงอวี่เฉิงก็ชะงักไป จากนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
แต่มันก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น สีหน้าของเขากลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
“ยังขอรับ”
เจียงอวี่เฉิงส่ายหน้า
“ท่านก็รู้ว่า ฝีมือของสิบสามผู้พิทักษ์เยว่นั้นไม่ธรรมดา ถ้าต้องการที่จะตามตัวเขานั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างมาก”
ในตอนนั้นพวกเขาพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะย้ายสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ออกจากซีหลิง ถึงจะสามารถโจมตีซั่งกวนเยว่ได้
ความจริงแล้วในตอนนั้นสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติไป ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงรีบกลับมาอย่างรวดเร็ว
แต่ตอนที่พวกเขากลับมาถึงที่ซีหลิง สิ่งที่พวกเขาได้เห็นก็คือหอบรรพกษัตริย์ที่มีไฟลุกท่วมจนแทบจะมอดไหม้ไปหมดแล้ว
ต่อจากนั้นไม่นาน สิบสามผู้พิทักษ์เยว่ก็มาถึงที่ซีหลิงครบจำนวน
พวกเขาก็สงสัยในการจากไปขององค์หญิงใหญ่ และเริ่มลงมือสืบทันที
คนแรกที่พวกเขาสงสัยเลยก็คือเจียงอวี่เฉิง!
ดังนั้นเจียงอวี่เฉิงจึงตัดสินใจอย่างรวดเร็ว จึงตอบโต้พวกเขากลับ พร้อมประกาศต่อสาธารณชนว่า สิบสามผู้พิทักษ์เยว่หักหลังราชวงศ์ สมควรได้รับโทษทางอาญา!
ในวันเดียวกันเอง เขาก็ได้ออกคำสั่งจับตายสิบสามผู้พิทักษ์เยว่!
สิบสามผู้พิทักษ์เยว่นั้นเก่งกาจมาก ไม่ว่าจะเป็นใครก็ถือว่าเป็นยอดปรมาจารย์ของแต่ละด้าน
แต่ในเวลานั้นอำนาจส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในมือของเจียงอวี่เฉิงเขาเป็นผู้นำในทุกๆ ด้าน และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ…อำนาจสั่งการทหารม้าทมิฬ
ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ สิบสามผู้พิทักษ์เยว่ไม่สามารถทำอันใดเจียงอวี่เฉิงได้อยู่แล้ว พวกเขาล้วนแยกย้ายกันหนี กระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง!
เมื่อมาคิดดูแล้ว นี่ก็ผ่านไปสองปีแล้ว
ช่วงนี้เขาก็ยังกำชับให้กำลังพลค้นหาคนเหล่านั้นอย่างละเอียด แต่ว่าก็ไม่มีความคืบหน้าอันใดเลย
เขารู้ดีว่า ที่อีกฝ่ายสามารถหลบซ่อนตัวตนได้นานขนาดนี้ นี่เป็นเพราะพวกเขาได้ออกจากราชวงศ์เทียนลิ่งและออกไปที่นอกเขตพรมแดนม่านฟ้าแล้ว!
ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วละก็ การที่จะหาตัวพวกเขาเจอนั้นมีความเป็นไปได้น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยอยากพูดถึงเรื่องนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้วที่สิบสามผู้พิทักษ์เยว่หลบหนีออกไปอยู่ข้างนอกนั้น เป็นความกังวลที่หลบซ่อนอยู่ในตัวเขามาโดยตลอด
เพราะว่าสิบสามคนเหล่านี้ แตกต่างจากคนติดตามทั่วไปของซั่งกวนเยว่
…พวกเขาจงรักภักดีต่อซั่งกวนเยว่คนเดียวเท่านั้น!
แม้แต่จะเป็นคำสั่งของฝ่าบาท แต่ถ้าไม่มีคำสั่งจากซั่งกวนเยว่ พวกเขาก็จะไม่สนใจมันเลยแม้แต่น้อย
ฐานะของพวกเขาเป็นแค่องครักษ์ส่วนตัวขององค์หญิงเท่านั้น ดังนั้นนอกจากเรื่องนี้แล้ว เขาไม่สนใจอันใดทั้งนั้น
เพื่อซั่งกวนเยว่แล้ว พวกเขาสามารถกลับหลังหันโดยไม่รู้สึกละอายใจใดๆ ทั้งนั้น!
ถ้าเป็นคนอื่นเขาอาจจะสามารถใช้ผลประโยชน์และอำนาจมาฉุดรั้งพวกเขาได้ แต่สำหรับคนพวกนี้แล้ว เขาไม่สามารถทำอันใดได้เลย
“เหตุใดเจ้าสำนักอวี้ฉือถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเล่า หรือว่าได้ยินข่าวอันใดมา?”
เจียงอวี่เฉิงลองถามหยั่งเชิง
แต่อวี้ฉือซงกลับส่ายหน้า
“ข้าแค่เห็นว่าฉีต้าเหอนั้นทรยศเจ้า ดังนั้นก็เลยนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ตอนแรกฉีต้าเหอผู้นี้สามารถเดินทางไปชายแดนใต้พร้อมเจ้า และได้รับความสำคัญจากเจ้า แต่ใครจะรู้เล่าว่าตอนนี้เขาจะตกต่ำจนถึงขั้นนี้…เรื่องนี้ทำให้เห็นว่า บนโลกนี้ใจคนเรามันยากแท้หยั่งถึง! บางครั้งเจ้าอาจจะไว้ใจเขามากเกินไป แต่เขากลับแทงข้างหลังเจ้า!”
ใบหน้าของเจียงอวี่เฉิงแข็งค้างไปทันที
“…เจ้าสำนักอวี้ฉือพูดได้ถูกต้องอย่างยิ่ง….”
“คนแบบนี้หลังจากที่เขาลงมือแล้ว เขาอาจจะหัวเราะสะใจอย่างบ้าคลั่งอยู่ก็ได้ แต่สุดท้ายแล้วสักวันหนึ่ง กรรมก็จะตามทันไม่ว่าช้าหรือเร็ว คุณชายใหญ่เจียง เจ้าว่าจริงหรือไม่?”
เจียงอวี่เฉิงไม่สามารถระงับสีหน้าท่าทางของตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว
คำพูดเช่นนี้เขาฟังแล้วรู้สึกแสลงหูอย่างมาก
เขามองหน้าอวี้ฉือซงอย่างละเอียด ในตอนนั้นเขากำลังสงสัยอยู่ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงเขาอยู่หรือเปล่า
แต่ทว่าสีหน้าของอวี้ฉือซงนั้นราบเรียบอย่างมาก เดาอารมณ์ของเขาไม่ออกเลย
สุดท้ายมีเพียงเจียงอวี่เฉิงเท่านั้นที่กระดากอาย ก่อนจะขอตัวลาไปทันที
“ในเมื่อข้านำคนมาแล้ว ส่วนที่เหลือก็ขอยกให้ท่านแล้ว ข้าไม่ขอรบกวนท่านอีกต่อไปแล้ว”
อวี้ฉือซงเองก็ไม่ได้รั้งอันใดเขาเอาไว้ ปล่อยให้เขาจากไปทั้งอย่างนั้น
หลังจากที่เจียงอวี่เฉิงจากไปแล้ว อวี้ฉือซงก็ปิดประตูบานใหญ่ลง จากนั้นก็เดินไปด้านข้างของฉีต้าเหอ
กลางฝ่ามือของเขามีแสงสว่างวาบขึ้นมา จากนั้นเชือกที่รัดมือฉีต้าเหอก็ขาดลงทันที
ที่ข้อมือของฉีต้าเหอมีรอยรัดลึกมาก แต่เมื่อเทียบกับร่างกายของเขาตอนนี้แล้ว มันไม่นับว่าเป็นอันใดได้เลย
เพราะว่าบนร่างกายของเขามีทั้งแผลเก่าและแผลใหม่จำนวนมาก นับไม่ถ้วน ทับซ้อนกันไปมา ตอนนี้เขาเหลือเพียงครึ่งชีวิตเท่านั้น
อวี้ฉือซงช่วยจับชีพจรให้อีกฝ่าย คิ้วของเขาก็ค่อยๆ ขมวดขึ้นอย่างช้าๆ
ร่างกายของฉีต้าเหอนั้นย่ำแย่จริงๆ
ภายในร่างกายมีแรงสะท้อนกลับจากทรายรวมศูนย์ ภายนอกมีบาดแผลมากมายนับไม่ถ้วน…
ที่สามารถมีชีวิตรอดมาถึงตรงนี้ได้ เพียงเพราะเจียงอวี่เฉิงตั้งใจให้เขาเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้ายเอาไว้เท่านั้นเอง เพื่อต้องการส่งเขามายืนยันกับอวี้ฉือซง
ความจริงแล้ว ด้วยสภาพร่างกายแบบนี้ของฉีต้าเหอ เดิมทีแล้วเขาก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้แค่ครึ่งเดือนเท่านั้น
อีกทั้งครึ่งเดือนนี้ เขาจะตกอยู่สภาพสลบไสลตลอด สมองสับสน ไม่สามารถพูดอันใดออกมาได้เลยแม้แต่ครึ่งคำ
อวี้ฉือซงหยิบโอสถออกมาหนึ่งเม็ด จากนั้นก็ป้อนเขาลงไป ก่อนจะเรียกลูกศิษย์สองคนให้มาที่นี่ แล้วบอกแค่ว่าคนผู้นี้สำคัญมาก ดูแลเขาให้ดีอย่าได้ขาดตกบกพร่อง
ในเมื่อเจ้าสำนักพูดเช่นนี้แล้ว ลูกศิษย์ก็จำเป็นต้องทำตาม ก่อนจะพาฉีต้าเหอออกไปอย่างระมัดระวัง
ลูกศิษย์ส่วนใหญ่ของสำนักชงซูเก๋อล้วนเป็นเซียนหมอ เรื่องเช่นนี้เป็นอันใดที่เขาถนัดที่สุดแล้ว
ส่วนอีกด้านหนึ่ง อวี้ฉือซง ก็เริ่มหลอมโอสถให้ฉีต้าเหอด้วยตัวเอง
เมื่อทุกคนที่ได้เห็นภาพเหตุการณ์นี้ก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
ฉีต้าเหอที่อวี้ฉือซงพามานั้นมีฐานะอย่างใดกันแน่ แต่เมื่อเห็นสภาพครึ่งเป็นครึ่งตายของเขาแล้ว คาดว่าเจ้าสำนักตั้งใจจะช่วยชีวิตคนผู้นี้อย่างสุดกำลังใช่หรือไม่?
อยากรู้ก็อยากรู้ แต่เมื่อเป็นคำสั่งของเจ้าสำนักแล้ว ทุกคนก็ยังทำตามอย่างเคร่งครัด
ดังนั้น ฉีต้าเหอจึงสามารถอยู่ที่สำนักชงซูเก๋อได้เช่นนี้
…
หลังจากที่เจียงอวี่เฉิงบุกไปที่สำนักชงซูเก๋อมาแล้ว เขาก็ตั้งใจกลับไปที่จวนตระกูลเจียง
หลังจากแก้ไขปัญหาที่ค้างคาในใจมานานได้แล้ว เขาก็อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว
ไม่ว่าอย่างใดเขาก็ส่งคนผู้นั้นออกไปแล้ว อีกทั้งหลักฐานยังแน่นหนา ไม่สามารถปฏิเสธได้อย่างเด็ดขาด!
ต่อให้อวี้ฉือซงไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ!
ฉีต้าเหอกำลังตาย ต่อให้เขามีชีวิตอยู่ต่อได้อีกสองสามวัน แต่สมองของอีกฝ่ายก็ใช้การไม่ได้แล้ว ไม่ว่าจะถามอย่างใดก็ไม่มีทางได้คำตอบ
ต่อให้อวี้ฉือซงยังคงสงสัยเรื่องนี้อยู่ แต่ก็ไม่สามารถมาหาข้ออ้างหรือเหตุผลอันใดมารบกวนเขาได้อีกแล้ว
ช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมานี้ ในที่สุดเขาก็มีเรื่องให้สบายใจแล้ว เจียงอวี่เฉิงจึงถอนหายใจออกมายาวๆ
เพียงแต่เมื่อคิดถึงฉีต้าเหอ เขาก็มักจะนึกถึงเซี่ยมู่ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
คนผู้นั้น…เหมือนว่าเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอยเลย!
เวลาผ่านมาหลายวันขนาดนี้แล้ว เขาค้นหาทั่วเมืองซีหลิงก็แล้ว แต่ก็ยังหาคนคนนั้นไม่เจอเลย
เหมือนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นภายในวันนั้น เป็นเพียงแค่ความฝันไปเท่านั้น แต่ทว่าแผลตรงท้องน้อยของเขา ยังคงหลงเหลือรอยแผลเป็นที่คอยย้ำเตือนตัวเขาเสมอ ทำให้เขานึกถึงความอัปยศในวันนั้น!
ในขณะที่เขาเดินอยู่นั้น เจียงอวี่เฉิงก็สัมผัสได้ว่ามีอันใดบางอย่างผิดปกติไป
เหมือนกับว่ามีแววตาคู่หนึ่งจ้องมองเขามาจากในความมืด!
ฝีเท้าของเจียงอวี่เฉิงหยุดชะงัก ก่อนจะหันกลับไปมอง
แต่เขากลับไม่พบเงาคนใดๆ
เจียงอวี่เฉิงขมวดคิ้วแน่น จากนั้นก็หมุนตัวเดินต่อไปด้านหน้า
เขารวบรวมสมาธิ แต่ความรู้สึกเหมือนถูกคนจ้องมองก็ไม่ได้ปรากฏขึ้นมาอีกเลย
หรือว่าเขาจะหลอนไปเองจริง…
แต่ในตอนนั้นเองเจียงอวี่เฉิงก็พบว่าตัวเองเดินมาถึงที่สวนซินหลี่อย่างไม่รู้ตัว
จากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่ากู่ฉินหลังนั้นถูกขโมยไปแล้ว เจียงอวี่เฉิงก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินเข้าไป