ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 828 พวกเราเคยเจอกันมาก่อน
ตอนที่ 828 พวกเราเคยเจอกันมาก่อน
ระหว่างทางที่เจียงอวี่เฉิงเดินไปสวนซินหลี่ ทุกคนล้วนทำความเคารพเขา
แต่เจียงอวี่เฉิงไม่ได้ใส่ใจมันมากนัก เขามุ่งหน้าไปทางสวนเทพเนรมิตเท่านั้น
เมื่อทหารยามเห็นเขามา ก็พูดขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
“คารวะคุณชายใหญ่ขอรับ!”
หลังจากที่กู่ฉินถูกขโมยไปแล้ว เจียงอวี่เฉิงก็ย้ายคนจำนวนมากมาที่นี่ และตรวจตราอย่างเข้มงวด
ดังนั้นตอนนี้จึงมีคนคุมเข้มทั่วทุกสี่ทิศแปดทาง
แต่สำหรับเจียงอวี่เฉิง ตั้งแต่วันที่กู่ฉินถูกขโมยไปแล้ว เขาก็ไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเลย
เขาเดินไปที่ริมทะเลสาบ มองดูเรือนฉิน
“ช่วงนี้มีอันใดผิดปกติบ้างหรือเปล่า?”
ทหารยามพูดขึ้น
“เรียนคุณชายใหญ่ ไม่มีอันใดขอรับ”
เจียงอวี่เฉิงโบกมือสั่งให้พวกเขาถอยไป จากนั้นเขาก็เดินไปที่เรือนฉินแห่งนั้น
ความจริงแล้วเขาก็สามารถคาดเดาสถานการณ์ปัจจุบันได้
ภายในเรือนฉิน ของที่สำคัญที่สุดคือกู่ฉิน
ในเมื่ออีกฝ่ายขโมยของที่สำคัญที่สุดไปแล้ว เขาก็ไม่น่าจะกลับมาที่นี่อีก
เพียงแต่ว่า…คนคนนั้นคือใครกันแน่ เหตุใดถึงสนใจกู่ฉินตัวนั้นขนาดนี้?
แม้ว่ามันจะมีคุณค่า แต่มันก็เป็นแค่กู่ฉินหลังหนึ่งเท่านั้น
ลักษณะของกู่ฉินหลังนั้นก็พิเศษมาก มันเป็นรูปร่างของหางเฟิ่ง ดังนั้นจึงเรียกกันว่า ฉินหางเฟิ่ง
ทุกคนในราชวงศ์เทียนลิ่งล้วนรู้ดี ว่าองค์หญิงใหญ่รักฉินหลังนี้มากขนาดไหน
ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากด้านนี้แล้ว คนผู้นั้นไม่มีทางที่จะขายกู่ฉินหลังนั้นออกไปอย่างแน่นอน และไม่กล้าแม้แต่จะแสดงให้คนอื่นเห็นด้วยซ้ำ
หรือว่า…คนผู้นั้นจะเก็บเอาไว้ใช้เองจริงๆ?
เจียงอวี่เฉิงก็คิดไม่ออก
ไม่ว่าจะนึกอย่างใด เขาก็นึกถึงรูปร่างของคนผู้นั้นไม่ออกเลยแม้แต่น้อย
เขาเคยสงสัยมู่หงอวี่ แต่เหมือนว่าปราณของนางจะต่างกันไปเล็กน้อย
…
ภูเขาเขี้ยวมังกร
วันนี้เป็นวันพักผ่อนของเจี่ยนเฟิงฉือ ดังนั้นเขาคิดว่าจะลงเขา
ตอนที่เดินมาถึงที่ตีนเขา เขาก็เห็นชายหน้าตาธรรมดาคนหนึ่งกำลังคุยอันใดบางอย่างกับทหารยามที่เฝ้าประตูอยู่
เดิมทีเจี่ยนเฟิงฉือก็ไม่ได้จะใส่ใจอันใด ในตอนที่เขากำลังจะเดินผ่านไป เขากลับได้ยินชื่อของมู่หงอวี่ดังขึ้นมาจากของคนผู้นั้น
เขาชะงักฝีเท้า แล้วหันหน้าไปมอง
“เกิดอันใดขึ้นหรือ?”
เมื่อทหารยามเห็นว่าเป็นเขา จึงรีบทำความเคารพแล้วพูดขึ้นว่า
“นายน้อย คนผู้นี้เป็นคนส่งจดหมาย เขาบอกว่าเป็นจดหมายที่ส่งมาจากครอบครัวของมู่หงอวี่ พวกเราจึงบอกว่าตอนนี้มู่หงอวี่ไม่ได้อยู่ในหุบเขา สามารถฝากจดหมายเอาไว้ได้เลย เดี๋ยวข้าจะเป็นคนมอบให้เขาเอง แต่ว่าเขาไม่ยอม ทำให้…”
เจี่ยนเฟิงฉือมองไปทางชายส่งจดหมายผู้นั้น
“เจ้าชื่อว่าอันใด?”
เจี่ยนเฟิงฉือถามขึ้น แล้วมองไปที่อีกฝ่ายอย่างใจเย็น
คนผู้นี้ดูท่าทางธรรมดาอย่างมาก ใบหน้านี้เมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงชน จะทำให้ลืมใบหน้าได้อย่างรวดเร็ว
แต่ว่าแววตาของคนผู้นี้กลับมั่นคงและชัดเจน ดูแล้วไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไปเลย
แต่ที่สำคัญที่สุด เขามีความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด
เหมือนว่า…เคยเจอที่ไหนมาก่อน
“ข้าน้อย ฉินชี ก่อนหน้านี้เคยช่วยคุณหนูมู่หงอวี่ส่งจดหมาย เพียงแต่ว่าตอนนั้นคนที่ข้าน้อยเจอคือคุณหนูฉู่หลิวเยว่”
ชีหานคิดไม่ถึงว่าเขาจะได้เจอกับเจี่ยนเฟิงฉือในตอนนี้
ตอนแรกนั้นเขากับเจี่ยนเฟิงฉือ ก็ได้ติดต่อกันไม่น้อยเลยทีเดียว
ถ้าบนตัวของเขาไม่มีโอสถเปลี่ยนแปลงปราณของเสี่ยวปา เกรงว่าเจี่ยนเฟิงฉือจะสามารถจำเขาได้ในทันทีแน่นอน
แม้ว่าในใจจะคิดแบบนั้น แต่ว่าสีหน้าท่าทางของชีหานก็ราบเรียบอย่างมาก
เจี่ยนเฟิงฉือได้ยินดังนั้นก็เชื่อทันที
เขาจำได้อย่างแม่นยำว่าจดหมายฉบับที่แล้ว ฉู่หลิวเยว่เป็นคนช่วยนำออกมาให้
ในเมืองซีหลิงมีกลุ่มคนที่รับจ้างส่งจดหมายไปมาระหว่างพรมแดนม่านฟ้า ดังนั้นเขาจึงคิดว่าฉินชีน่าจะคนประเภทนั้น
“ข้าคือเจี่ยนเฟิงฉือ ตอนนี้มู่หงอวี่ยังไม่กลับมาจริงๆ ข้าจะเก็บจดหมายของนางเอาไว้เอง และจะมอบให้นางในอนาคต เป็นอย่างใด?”
เจี่ยนเฟิงฉือยกยิ้มขึ้น
“เจ้าจะไม่ไว้ใจคนอื่น ก็เป็นเรื่องปกติ แต่ว่าเจ้าก็น่าจะรู้เรื่องที่ข้าเป็นคนประมูลมู่หงอวี่กลับมาได้ใช่หรือไม่? ของของนาง มอบให้ข้าเป็นคนดูแล ก็นับว่า..เหมาะสมตามเหตุและผลแล้วใช่หรือไม่?”
ทุกคนในเมืองซีหลิงรู้ดี เจี่ยนเฟิงฉือใช้เงินหกล้านผนึกศิลาขาว เพื่อประมูลมู่หงอวี่ที่มีร่างซวีหยวนมา!
ตามกฎของราชวงศ์เทียนลิ่งแล้ว มู่หงอวี่ถือว่าเป็นทาสของเจี่ยนเฟิงฉือ สิ่งของทั้งหมดที่นับว่าเป็นของมู่หงอวี่ ก็เป็นของเขาด้วยเช่นกัน ดังนั้นจดหมายฉบับนี้ ไม่เหมาะสมที่จะถือครองไปมากกว่าเขาอีกแล้ว
ปกติแล้วเจี่ยนเฟิงฉือไม่ค่อยชอบพูดเรื่องแบบนี้ เขาไม่เคยอ้างตัวว่าเป็นเจ้านายเลย
อย่างน้อยคนทั้งหุบเขาเขี้ยวมังกรก็ปฏิบัติต่อมู่หงอวี่อย่างเท่าเทียม ไม่มีใครมองว่านางฐานะต่ำต้อยกว่าคนอื่นเลย
แต่ในขณะเดียวกันเจี่ยนเฟิงฉือก็รู้ดีว่า หากเขาต้องการจดหมายฉบับนี้ การพูดเช่นนี้ไปน่าจะเป็นประโยชน์ที่สุด
และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ชายตรงหน้าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบจดหมายออกมาแล้วยื่นให้เขา
“เช่นนั้นก็รบกวนคุณชายเจี่ยนรักษามันให้ดีด้วยนะขอรับ หากเจอนางแล้ว กรุณามอบให้นางทันที”
เจี่ยนเฟิงฉือยื่นมือออกไป นิ้วเรียวรับจดหมายฉบับนั้นมา แล้วยิ้มบางๆ
“แน่นอนอยู่แล้ว”
ชีหานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า
“นอกจากนี้ หากท่านพบคุณหนูฉู่หลิวเยว่ ได้โปรดมอบจดหมายฉบับนี้ให้นางด้วยนะขอรับ”
เจี่ยนเฟิงฉือชะงักไปเล็กน้อย
“หา? เหตุใดเล่า?”
ชีหานเงียบไปเล็กน้อย
“เพราะว่า…ก่อนหน้านี้คุณหนูฉู่หลิวเยว่จะส่งจดหมายหาครอบครัวตรงเวลาทุกเดือน แต่ว่าช่วงนี้กลับไม่ได้รับข่าวคราวอันใดเลย ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเปล่า? และคุณหนูมู่หงอวี่เป็นคนรู้จักเก่าแก่ บางทีอาจจะถูกกล่าวถึงในจดหมายก็ได้”
เจี่ยนเฟิงฉือหรี่ตาเล็กน้อย
“…ดูไม่ออกเลยว่าเจ้าจะใส่ใจเรื่องของฉู่หลิวเยว่ขนาดนี้?”
“คุณหนูฉู่หลิวเยว่เป็นลูกค้าประจำของข้าน้อยขอรับ อีกทั้งยังใจกว้างมาก ดังนั้นข้าจึงต้องใส่ใจเป็นเรื่องธรรมดา”
สีหน้าของชีหานไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย และพูดอธิบายออกมาอีกประโยค
เจี่ยนเฟิงฉือลังเลเล็กน้อย
ในธุรกิจนี้ ถ้าจ่ายเงินมาก ประสิทธิภาพในการทำงานก็จะเร็วยิ่งขึ้น
สำหรับฉู่หลิวเยว่แล้วนางเป็นคนมือเติบใจกว้าง ดังนั้นนี่จึงเป็นเรื่องปกติอย่างมาก
ท้ายที่สุดแล้วนางก็มาอยู่ที่ซีหลิงตั้งหลายเดือน และยังไม่ได้กลับไปเย่าเฉินเลย นี่จึงเป็นเพียงวิธีเดียวที่จะสามารถติดต่อครอบครัวได้
“จดหมายข้าก็ส่งให้เรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่มีเรื่องอันใดแล้วละก็ เช่นนั้นข้าน้อยก็ขอตัวก่อนนะขอรับ”
เมื่อพูดจบ ชีหานก็รีบหมุนตัวเดินจากไปทันที
เดิมทีแล้วเขาไม่ได้คิดมากขนาดนั้น แต่ฝ่าบาทไปที่แดนภังคะมาตั้งนานแล้ว ยังไม่กลับมาเสียที
เขาที่อยู่ทางนี้ก็ไม่มีทางติดต่อนางได้เลย อีกทั้งข่าวลือทุกประเภทก็แพร่กระจายอยู่ทั่วซีหลิง เขาจึงรู้สึกอดเป็นห่วงไม่ได้
เจี่ยนเฟิงฉือลดสายตามองเขา ในกระดาษได้เขียนชื่อของมู่หงอวี่เอาไว้จริงๆ
ลายมือนี้…เขารู้สึกคุ้นตาอย่างมาก เหมือนกับเคยเห็นจดหมายที่มีลักษณะแบบนี้มาก่อน
และยืนยันได้ว่าจดหมายฉบับนี้เป็นของมู่หงอวี่ไม่ผิดแน่
เพียงแต่ว่าฉินชีคนนั้น…เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไปเล็กน้อย
เจี่ยนเฟิงฉือเก็บจดหมายฉบับนั้นขึ้นมา จากนั้นก็เงยหน้ามอง
เขามองไปที่แผ่นหลังของฉินชี ไม่ว่าอย่างใดเขาก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก…
ทันใดนั้นเอง ในสมองของเขาก็วาบขึ้น!
“ช้าก่อน!”
ชีหานชะงักไป ก่อนจะหันกลับมามอง
“คุณชายเจี่ยนมีธุระอันใดหรือขอรับ?”
เจี่ยนเฟิงฉือสาวเท้าเดินตามไป พร้อมหยุดอยู่ตรงหน้าของฉินชี
“เจ้า…”
ลำคอของเจี่ยนเฟิงฉือตึงเครียดขึ้นมาเล็กน้อย ดวงตาจ้องไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าตาเขม็ง
ใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย
น้ำเสียงก็ไม่คุ้นเคย
แต่ว่าสายตาแบบนี้…
ชีหานเหมือนว่าจะสัมผัสอันใดบางอย่างได้ มือที่อยู่ภายใต้แขนเสื้อของเขากำหมัดกรอด
เจี่ยนเฟิงฉือค่อยถามขึ้นอย่างช้าๆ ว่า
“ก่อนหน้านี้พวกเราเคยเจอกันมาก่อนใช่หรือไม่?”