ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 833 คำพูดของฝ่าบาท
ตอนที่ 833 คำพูดของฝ่าบาท
ชีหานพูดเสียงเย็น
“เจ้าเองก็รู้ว่าเหตุใด?”
ก่อนหน้านี้เจี่ยนเฟิงฉือต่อต้านฝ่าบาทอยู่เสมอ และมักจะมาก่อความวุ่นวายให้พระองค์อยู่เสมอ
และมีหลายครั้งที่เขาออกหน้าให้กับซั่งกวนหว่าน และเข้ามาทะเลาะกับฝ่าบาท
เรื่องแล้วเรื่องเล่า แล้วเขาจะสามารถเชื่อใจคนผู้นี้ได้อย่างใด?
เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับเจี่ยนเฟิงฉือ ชีหานก็ไม่สามารถกำจัดความคับข้องใจได้
ทันทีที่เขาพูดจบ สีหน้าของสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ก็กระตือรือร้นมากขึ้น
เจี่ยนเฟิงฉือสำลักและรู้สึกผิดเล็กน้อย และรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
เขารวบพัดลง เขาเอาพัดกดที่ขมับของตัวเอง จากนั้นก็ถอนหายใจยาวๆ
“เฮ้อ…คนเราก็มักจะมีเวลาหลงผิดกันบ้างไม่ใช่หรือ…แล้วอีกอย่าง แม้ว่าก่อนหน้านี้ข้าจะขัดแย้งกับองค์หญิงใหญ่อยู่ตลอด แต่ความจริงแล้วข้าไม่เคยทำเรื่องที่ต้องรู้สึกผิดต่อนางเลย นางปฏิบัติตัวต่อข้าอย่างไร ในใจของข้าย่อมรู้ตัวดี เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าข้าจะเป็นหมาป่าตาขาว*?”
คำพูดของเจี่ยนเฟิงฉือนั้นจริงใจอย่างมาก
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น ซั่งกวนเยว่นั้นยอมให้เขายืมตำราอยู่เสมอ เขาก็รู้สึกซาบซึ้งอยู่เสมอ
ต้องบอกก่อนว่าสิ่งเหล่านี้นั้นเป็นสิ่งล้ำค่าของเซียนหมออย่างมาก
คนทั่วไปแล้ว แม้กระทั่งใบเทียบยาระดับสูง ก็ไม่มีทางแบ่งให้คนอื่นดูอย่างเด็ดขาด แม้แต่อาจารย์ที่สั่งสอนลูกศิษย์ ก็ยังยั้งมือเอาไว้ เพราะกลัวว่าเขาจะถูกแซงหน้า
แต่ซั่งกวนเยว่ไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย
ขอเพียงแค่เจี่ยนเฟิงฉือพูดขึ้น นางก็จะตอบตกลงทันที พร้อมให้ยืมตำราอย่างไม่ลังเล
แม้ว่าเจี่ยนเฟิงฉือจะเป็นคนกำเริบเสิบสาน เขาเองก็รู้ว่าเขาเป็นหนี้ซั่งกวนเยว่มากมายขนาดไหน
ถ้าจะให้พูดเรื่องเหตุผลที่เขาทะเลาะกับซั่งกวนเยว่นั้น มันคงจะยาวมาก
ในตอนเด็กๆ เจี่ยนเฟิงฉือได้แสดงพรสวรรค์อันน่าทึ่งของเซียนหมอออกมา
ในตอนนั้นไม่รู้ว่ามีสักกี่คนที่บอกว่าเขาเป็นอัจฉริยะลำดับหนึ่งของซีหลิง
เขาภูมิใจอย่างมาก และคิดว่าเป็นเช่นนั้น
แต่หลังจากนั้นเมื่อซั่งกวนเยว่เกิดมา
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ “ผู้มีพรสวรรค์” ทั้งเมืองซีหลิง ไม่สิ ทั้งเมืองราชวงศ์เทียนลิ่งต้องสั่นคลอน
เขาเป็นเหมือนดวงจันทร์ สุกสว่าง ไม่ว่าคนอื่นจะมีความสามารถโดดเด่นสักแค่ไหน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับนางแล้ว พวกเขาล้วนเป็นเหมือนดาวที่อยู่ข้างพระจันทร์ ซึ่งด้อยกว่าสามส่วน
เจี่ยนเฟิงฉือเองก็เช่นกัน
จากอัจฉริยะอันดับหนึ่ง ต้องตกเป็นอัจฉริยะอันดับสอง
และในตอนนั้นเขายังเด็ก เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน เจี่ยนเฟิงฉือก็มักจะมาหาเรื่องซั่งกวนเยว่อยู่เป็นประจำ เพื่อต้องการแข่งขัน
หากเขาแพ้ เขาจะกลับไปฝึกฝนอย่างหนัก และกลับมาสู้ใหม่
แต่ถ้าหากเขาชนะ…
อื้อ เขาไม่เคยชนะมาก่อน
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ในใจของเจี่ยนเฟิงฉือก็เต็มไปด้วยความโมโห
ใครมันจะไปทนได้กัน?
คนอื่นอาจจะยอมแพ้ตั้งนานแล้ว เมื่อรู้ว่ามีตัวตนของนางอยู่ เขาก็ยากจะทำใจยอมรับได้
เขาไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะสู้นางไม่ได้
แต่ผลลัพธ์มันก็ย่ำแย่มากขึ้นเรื่อยๆ เขาเกือบจะปิดกั้นตัวเองแล้ว
สุดท้ายซั่งกวนเยว่ก็เป็นคนพูดขึ้นมาด้วยตัวเอง นางพูดว่านางได้เปรียบเพราะว่ามีหนังสือให้อ่านจำนวนมาก ดังนั้นนางจึงเลือกมอบตำราโบราณ แล้วเอาให้เขาไปศึกษาดู
ตอนแรกเจี่ยนเฟิงฉือก็ไม่ยอมรับตำราเล่มนั้นไป ต่อมาก็ยังต้องทนต่อความพ่ายแพ้ ในที่สุดก็ตัดสินใจรับความอัปยศ และอ่านหนังสือที่นางให้มา
อ่านเสร็จแล้วก็ไปแข่งอีก
หลังจากนั้นสถานการณ์ก็ดีขึ้นเยอะมาก…ในที่สุดเขาก็อยู่ในระดับเดียวกับซั่งกวนเยว่แล้ว
ส่งผลให้เจี่ยนเฟิงฉือได้สร้างนิสัยนี้ขึ้นอย่างช้าๆ
แม้ว่าเขาจะไม่เคยพูดออกมาด้วยตัวเอง แต่ในใจของเขาก็รู้สึกซาบซึ้งต่อสิ่งที่ซั่งกวนเยว่ทำอย่างมาก
แต่ใครจะรู้เล่าว่าหลังจากนั้นจะเกิดเหตุการณ์เหล่านั้นขึ้น…
“ถ้าคุณชายอย่างข้าหมายจะเล่นงานพวกเจ้า ข้านำเรื่องนี้ไปบอกเจียงอวี่เฉิงก็สิ้นเรื่องแล้ว ไม่ต้องยุ่งยากวุ่นวายพาเจ้ามาที่นี่หรอก
เจี่ยนเฟิงฉือรู้สึกเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างมาก
เมื่อคิดไปคิดมา ก่อนหน้านี้อาจจะติดหนี้นางมาก่อน ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องชดใช้แล้ว
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างก็ช่วยพูดว่า
“ชีหาน ข้าขอพูดตามตรงนะ หลังจากที่เกิดเรื่องกับองค์หญิงใหญ่ เป็นเจี่ยนเฟิงฉือที่หาข้าเจอ แล้วเชิญให้ข้ามาตรวจสอบเรื่องสาเหตุการสวรรคตขององค์หญิงด้วยกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ในที่สุดชีหานก็มองไปที่เจี่ยนเฟิงฉืออย่างประหลาดใจ
เขาไม่คาดหวังเลยว่าอีกฝ่ายจะทำเช่นนี้
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ยังพูดต่อว่า
“ตอนนี้เจ้าอาจจะยังไม่เชื่อใจพวกเรามากนัก ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่พวกเราเข้าใจได้ แต่เรื่องที่พวกเราพูดในวันนี้ ล้วนเป็นเรื่องจริง องค์หญิงใหญ่ที่ตายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ พวกเราจะต้องตามหาความจริงให้เจอ! หากเจ้าไม่รังเกียจละก็ เช่นนั้น…พวกเรามาร่วมมือกันตั้งแต่วันนี้เลยเป็นอย่างใด?”
ชีหานขมวดคิ้วมุ่น จากนั้นก็รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่าพวกเขายังไม่รู้เรื่องที่ฝ่าบาทยังมีชีวิตอยู่
แต่หากได้รับการช่วยเหลือจากพวกเขา เรื่องราวหลายเรื่องก็จะสะดวกขึ้นมาทันทีอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์อยู่ที่หอชุนเฟิง ไม่ว่าคนแบบไหน นางก็เคยเจอมาหมดแล้ว โดยเฉพาะคนที่มีอำนาจใหญ่โตในเมืองซีหลิง ขอเพียงแค่มาที่นี่ อย่างน้อยก็ต้องได้คุยกับนางสักสองสามคำ
ใครมันจะระมัดระวังผู้หญิงที่อ่อนแอราวกับก้านหลิวเหล่านี้?
ส่วนเจี่ยนเฟิงฉือนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย
สถานะที่สูงส่งของเขา นิสัยกำเริบเสิบสาน เขาแทบจะรู้ทุกจุดของซีหลิง
ไม่ว่าเขาจะทำอันใด ก็ไม่มีใครสนใจเขามากอยู่แล้ว
ภายในห้องนั้นเงียบกริบลงชั่วขณะหนึ่ง
ในตอนนั้นเอง เจี่ยนเฟิงฉือก็พูดขึ้นว่า
“หากข้าบอกว่าข้าหาคนที่วางยาฝ่าบาทได้แล้ว เจ้าจะยอมร่วมมือกับข้าหรือไม่?”
ชีหานเงยหน้าขึ้นมองอย่างทันที
“เจ้าว่าอันใดนะ?”
เจี่ยนเฟิงฉือยิ้ม พร้อมเอานิ้วจุ่มน้ำชาแล้วเขียนชื่อหนึ่งลงบนโต๊ะ
ชีหานสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน!
จากนั้นเปลวเพลิงกลางฝ่ามือของเจี่ยนเฟิงฉือก็ปรากฏขึ้น แล้วทำให้คราบน้ำนั้นหายไปทันที
“จริงด้วย ลืมบอกเจ้าไป ความจริงแล้วทางด้านองค์หญิงใหญ่ น่าจะเป็นคนนี้ที่ลงมือ”
ชีหานกัดฟันกรอด แววตาตึงเครียด
“เจ้า…เจ้ามั่นใจได้อย่างใด? มีหลักฐานหรือ?”
เจี่ยนเฟิงฉือกะพริบตาปริบๆ รอยยิ้มกดลึกขึ้น
“แน่นอนว่า…ฝ่าบาทเป็นคนบอกข้าเอง”
…
*หมาป่าตาขาว หมายความว่า คนเนรคุณ