ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 838 ปัญหาต่างๆ ก็ได้แก้ตกไปอย่างง่ายดาย
ตอนที่ 838 ปัญหาต่างๆ ก็ได้แก้ตกไปอย่างง่ายดาย
ใบหน้าของซั่งกวนหว่านเปลี่ยนเป็นเย็นชา
“ข้าไม่ได้บ้า ข้ารู้ตัวดีว่าข้ากำลังทำอันใดอยู่! ไม่ต้องการให้เจ้ามาสั่งสอน!”
นางมองไปที่เจียงอวี่เฉิงด้วยความเย็นชา
“เจ้าคิดว่างานแต่งงานของพวกเรากำลังจะจัดขึ้นในอีกไม่นาน แล้วเจ้าจะมีอำนาจมาสั่งข้าได้ทั้งหมดอย่างนั้นหรือ? เจียงอวี่เฉิง เจ้าอย่าลืมฐานะของตัวเองเสียสิ!”
ไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างใด เขาก็เป็นแค่ลูกหลานตระกูลขุนนางคนหนึ่งเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะใช้การแต่งงานกับนาง เขาจะมีอย่างเช่นทุกวันนี้ได้อย่างใด?
ต้องบอกก่อนว่าอีกแค่ไม่กี่วัน ก็จะถึงวันราชาภิเษกของนางแล้ว
เมื่อถึงตอนนั้น เจียงอวี่เฉิงก็จะอยู่ต่ำกว่านางหนึ่งขั้น!
คาดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าตะโกนเสียงดังต่อนางเช่นนี้?
เจียงอวี่เฉิงโมโหจนหัวเราะออกมา
ดูเหมือนว่าซั่งกวนหว่านตื่นเต้นกับอำนาจและตำแหน่งที่ยังมาไม่ถึงของตัวเอง
อำนาจทางการทหารยังไม่ได้อยู่ในมือของนางเลย ต่อให้นางสามารถควบคุมอำนาจในวังหลวงได้แล้ว แต่มันก็เป็นเพียงหุ่นเชิดเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นรากฐานของนางก็ยังไม่มั่นคง นางจะสามารถรักษาตำแหน่งนี้เอาไว้ได้หรือไม่นั้นก็เป็นเรื่องที่พูดยาก
ไม่มีเขา นางจะมีวันนี้หรือ?
เดิมทีเขาขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับเรื่องเหล่านี้ แต่ท้ายที่สุดแล้วซั่งกวนหว่านก็ยังไม่มีสมอง และเขาก็รู้เรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว
ตอนแรกเขามองว่านางเป็นคนที่ควบคุมง่าย เขาถึงได้เลือกนาง
แต่คิดไม่ถึงว่า ตอนนี้นางจะบ้าคลั่งขนาดนี้แล้ว
สายตาของเจียงอวี่เฉิงสับสนอย่างมาก
“คนในเมืองซีหลิงหายสาบสูญไปเป็นจำนวนมาก แล้วยิ่งในช่วงเวลาที่สำคัญขนาดนี้ ข้าไม่อยากได้ยินข่าวแบบนี้อีก เข้าใจหรือไม่?”
อย่างใดก็ตามเมื่อเผชิญหน้ากับคำเตือนย้ำแล้วย้ำอีกของเจียงอวี่เฉิง แต่ซั่งกวนหว่านกลับไม่ได้ใส่ใจมันเลยแม้แต่น้อย
นางหัวเราะเยาะ จากนั้นก็หมุนกายออกไป นางค่อยๆ ถอดเครื่องหัวที่งดงามและประณีตออกด้วยท่าทีสบายๆ
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้ามาที่นี่เพราะเรื่องนี้ แต่ความจริงแล้วมันไม่จำเป็นเลย แค่ลูกศิษย์ไม่กี่คนหายไปจากสำนักเท่านั้นเอง จนถึงตอนนี้ก็ยังไร้เบาะแสตามหา หลังจากนี้ก็จะไม่มีใครได้รู้ว่านั่นเป็นฝีมือของใคร เจ้าจะเป็นห่วงเหตุใด?”
เจียงอวี่เฉิงเดาได้อยู่แล้วว่านี่เป็นฝีมือของนาง และนางก็ไม่ได้ปฏิเสธมันด้วย
ไม่ว่าอย่างใดก็ตามพวกเขาทั้งสองคนก็ได้ทำเรื่องที่ไม่สามารถเปิดเผยได้มากมายด้วยกัน พวกเขาต่างกุมความลับของกันและกัน นอกเสียจากเจียงอวี่เฉิงต้องการจะตายตกไปพร้อมกัน ไม่เช่นนั้น เขาจะต้องอยู่ข้างนางอย่างแน่นอน!
เมื่อเห็นว่าซั่งกวนหว่านมีความมั่นใจอย่างมาก เจียงอวี่เฉิงก็ขมวดคิ้วมุ่น เพลิงความโกรธที่อยู่ในอกก็สุมกองขึ้น
เพื่อฟื้นคืนระดับพลังของตัวเอง ซั่งกวนหว่านนั้นบ้าไปแล้วจริงๆ ด้วย!
เดิมทีนางนั้นไม่สนใจด้วยซ้ำว่าต่อจากนี้ไปมันจะเกิดผลกระทบอันใดขึ้นมาบ้าง!
ในตอนนี้ภายในสมองของนางมีแต่เรื่องของตัวเองเท่านั้น!
“แล้วอีกอย่างที่ข้าเช่นนี้ ก็เพื่อพวกเราทั้งสองคน ในวันแต่งงาน เจ้าคงไม่อยากให้ข้ายกคทาอาญาสิทธิ์นั้นไม่ขึ้นใช่หรือไม่?”
ซั่งกวนหว่านเหลือบสายตามองเขา
นั่นคือสถานะของจักรพรรดิของราชวงศ์เทียนลิ่งเชียวนะ!
หากนางล้มเหลวต่อหน้าธารกำนัลมากมายแล้ว หลังจากนี้นางก็จะไม่มีโอกาสที่ว่านี้อีกแล้ว!
แม้แต่กับเจียงอวี่เฉิงเองก็ตาม!
เขาจะไม่สามารถหาองค์หญิงคนที่สามมาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ได้อีกแล้ว!
เจียงอวี่เฉิงกัดฟันกรอด ในที่สุดเขาก็ได้พูดออกมาว่า
“กินเสร็จแล้ว ก็อย่าลืมทำความสะอาดให้เรียบร้อย!”
เมื่อพูดจบเขาก็หมุนกายเดินออกจากตำหนักอย่างรวดเร็ว!
ซั่งกวนหว่านเย้ยหยันอย่างไม่พอใจหนึ่งครั้ง จากนั้นก็หันไปส่องกระจกต่อ
ดวงตาลึกล้ำ คาวเลือดสีจางก็ปรากฏขึ้นและกระจายไปทั่วอากาศ แต่หลังจากไม่นานมันก็หายวับไปทันที
…
หลังจากเจียงอวี่เฉิง ออกมาจากตำหนักฮวาหยางแล้ว ความโมโหที่อยู่เต็มอกก็ไม่มีที่ให้ระบายออก และเดินทางออกจากวังหลวงทันที
แต่เมื่อนึกถึงองค์จักรพรรดิที่ยังไม่ฟื้นขึ้นมาสักที เขาจึงระงับโทสะและเดินทางไปยังตำหนักชิงเฟิง
และในตอนนั้นก็บังเอิญเห็นจั่วหมิงซีที่เดินออกมาพอดี
เจียงอวี่เฉิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เมื่อคำนวณวันดูแล้ว วันนี้น่าจะไม่ใช่เวรของเขาด้วยซ้ำ
เขาเดินขึ้นไปด้านหน้า
“ใต้เท้าจั่ว”
เมื่อจั่วหมิงซีเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบว่าคนที่ทักเขาคือเจียงอวี่เฉิง เขาชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ทำความเคารพพร้อมยิ้มทักทาย
“คุณชายใหญ่”
เจียงอวี่เฉิงมองไปยังประตูที่ปิดสนิทแล้วถามว่า
“ใต้เท้าจั่ววันนี้ต้องเป็นวันพักผ่อนของท่านไม่ใช่หรือ ท่านเข้ามาที่วังหลวงได้อย่างใด? แล้วผู้ติดตามของท่านหายไปไหนเสียแล้วล่ะ?”
ปกติแล้วจั่วหมิงซีไม่ค่อยอยู่ตามลำพังเสียเท่าไร
จั่วหมิงซีหัวเราะ แล้วประสานมือทำความเคารพ
“ความจริงแล้วข้าไม่ควรเข้าวังในวันนี้ เพียงแต่ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนหม่อมฉันได้พบหนทางรักษาจากในตำราโบราณเจอ จึงต้องการมาดูว่ามันจะสามารถรักษาฝ่าบาทได้หรือไม่ ดังนั้นจึงเข้าวังมา หวังว่าคุณชายใหญ่จะให้อภัยหม่อมฉัน”
เจียงอวี่เฉิงพยักหน้า
“ที่ไหนกันเล่า ใต้เท้าจั่วทุ่มเทแรงกายใจขนาดนี้แล้ว ข้าควรจะชื่นชมถึงจะถูก ข้าจะลงโทษท่านได้อย่างใด? เช่นนั้น…สถานการณ์ของฝ่าบาท ดีขึ้นบ้างหรือไม่?”
จั่วหมิงซีชะงักไปเล็กน้อย
“ความจริงแล้วพิษในร่างกายฝ่าบาทก็ได้ชะล้างไปพอประมาณแล้ว ถ้าพูดตามหลักการแล้ว อีกไม่กี่วันนี้ฝ่าบาทก็คงจะฟื้นขึ้นมาแล้ว เพียงแต่ว่า…”
“เพียงแต่อันใด?”
เมื่อได้ยินว่าฝ่าบาทจะมีโอกาสฟื้นขึ้นมา ดวงตาของเจียงอวี่เฉิงก็เปล่งประกายขึ้นทันที แล้วรีบถามต่อ
“เพียงแต่ ไม่ทราบว่าก่อนหน้านี้ฝ่าบาทได้รับการกระตุ้นแบบใด ราวกับว่าเหมือนฝ่าบาทจะไม่ต้องการตื่นขึ้นมาเองมากกว่า ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่อาการของฝ่าบาทไม่มีความคืบหน้าใดๆ เลย หากสามารถเชิญคนที่ใกล้ชิดกับฝ่าบาทมา และทำการพูดคุยกับท่านเสียหน่อย บางทีอาจจะสามารถปลุกพระองค์ได้…”
หัวใจของเจียงอวี่เฉิงสั่นไหวเล็กน้อย
“อ่า? เช่นนั้นหากตามความเห็นของใต้เท้าจั่วแล้ว ท่านคิดว่าควรจะเชิญใครมาถึงจะเหมาะสมที่สุด?”
สีหน้าของจั่วหมิงซีดูลำบากใจอย่างมาก
“คือว่า…”
คนที่อยู่นอกวังไม่รู้เรื่อง แต่คนที่อยู่ในวังล้วนรู้ดี
ตำหนักชิงเฟิงได้รับการคุ้มกันอย่างเข้มงวด ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเข้าใกล้ที่นี่ได้ตามใจ แม้แต่องค์หญิงองค์ชายทั้งหลายก็ตาม พวกเขาก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาที่นี่
แล้วคนอื่นจะไปเหลือใครเล่า?
พูดไปแล้วก็คงมีแต่องค์หญิงสาม ซั่งกวนหว่านเท่านั้นที่เหมาะสมที่สุด
แล้วอย่างเจียงอวี่เฉิงจะคิดไม่ออกได้อย่างใด?
สีหน้าของเขาดูราบเรียบ
“เช่นนั้นก็หมายความว่าหากเชิญองค์หญิงสามมา ฝ่าบาทก็มีโอกาสที่จะฟื้นขึ้นมา?”
จั่วหมิงซีรีบพยักหน้า
“แต่ในเมื่อท่านกับองค์หญิงสามกำลังจะมีงานมงคลสมรส ข้าเกรงว่าเวลานี้…”
“เรื่องนี้ข้าจะพูดกับนางด้วยตัวเอง ใต้เท้าจั่วช่วยดูแลเรื่องสุขภาพของฝ่าบาทให้ดีก็พอแล้ว หากฝ่าบาทสามารถฟื้นขึ้นมาได้ละก็ ท่านก็ถือว่ามีส่วนช่วยเหลืออย่างมาก”
จั่วหมิงซีรีบกล่าวขอบคุณ จากนั้นก็พูดว่า
“คุณชายใหญ่ ก่อนหน้านี้ร่างกายของฝ่าบาทเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ดังนั้นองค์หญิงสามจึงสงสัยคนที่ดูแลฝ่าบาท รวมถึงสองคนนั้นด้วย…ดังนั้นท่านมีความเห็นอย่างใด..”
“วางใจเถอะ ข้ามีแผนการในใจแล้ว ก่อนที่ฝ่าบาทจะตื่นขึ้นมาทางที่ดีที่สุดก็อย่าเพิ่งแพร่งพรายเรื่องเหล่านี้ออกไป”
เจียงอวี่เฉิงพูดเสียงเรียบ
จากนั้นจั่วหมิงซีถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“เช่นนั้นก็ดีแล้วๆ… ขอเพียงแค่ฝ่าบาทสามารถฟื้นขึ้นมาได้ ข้าเองก็จะได้วางใจ…เช่นนั้น ถ้าไม่มีเรื่องอันใดแล้ว หม่อมฉันขอตัวก่อนนะขอรับ”
เจียงอวี่เฉิงพยักหน้า จั่วหมิงซีก็หมุนตัวเดินออกไป
หลังจากที่คนจากไปแล้ว เจียงอวี่เฉิงก็เดินเข้าไปในห้องเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ทุกอย่างด้วยตนเอง
แน่นอนว่าทุกอย่างนั้นคล้ายกับสิ่งที่จั่วหมิงซีได้พูดเอาไว้
เขาครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินกลับที่ตำหนักฮวาหยางเพื่อคุยเรื่องนี้
ความจริงแล้วซั่งกวนหว่านกลับไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อนางถูกเจียงอวี่เฉิงกระตุ้น นางก็ไม่มีหนทางอื่นนอกเสียจากจะต้องตอบรับ
อย่างใดก็ตามสำหรับนางแล้ว ไม่ว่าเสด็จพ่อจะฟื้นหรือไม่ ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อนางเท่าไรนัก
เพราะไม่ว่าอย่างใดนางก็ยืนอยู่จุดสูงสุดเหนืออำนาจทั้งปวงแล้ว!
เจียงอวี่เฉิงรู้ว่าในสมองของซั่งกวนหว่านคิดเช่นนั้นอยู่ เดิมทีเขาอยากจะพูดขึ้นอีกประโยคสองประโยค แต่เมื่อเห็นดังนั้น สุดท้ายเขาก็ช่างมัน
มีเรื่องบางอย่างที่ไม่จำเป็นต้องบอกนาง
ขอเพียงแค่ให้ฝ่าบาทฟื้นขึ้น…
เรื่องราวหลังจากนั้นก็จะถูกแก้ไขเอง