ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 839 ได้รับคำชี้แนะ
ตอนที่ 839 ได้รับคำชี้แนะ
คลื่นใต้น้ำในเมืองซีหลิงกำลังเพิ่มขึ้น แต่อย่างใดก็ตามทุกคนในสำนักชงซูเก๋อกลับไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย
เพราะตอนนี้เขาสนใจแต่เรื่องของฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ เท่านั้น
ก่อนหน้านี้ที่คนส่วนใหญ่กลับมาจากแดนภังคะ ศิษย์ของเขาทั้งสามคนไม่ได้กลับมาด้วย ทำให้พวกเขาล้วนเป็นกังวลอย่างมาก
แม้ว่าเจี่ยนเฟิงฉือจะมาอธิบายสถานการณ์ให้ฟังอย่างรวดเร็วแล้วก็ตาม
แต่วันนี้มันผ่านมาหลายขนาดนี้แล้ว พวกเขายังไม่มีวี่แววที่จะกลับมาเลยแม้แต่น้อย แล้วจะไม่ให้เขากังวลได้อย่างใด?
ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นเจ้าสำนักนิ่งสงบราวกับนั่งตกปลามาโดยตลอด พวกเขาก็จะไปตามหาอีกฝ่ายที่แดนภังคะตั้งนานแล้ว
ภายในห้องธรรมดาบนภูเขา ฉีต้าเหอนอนแผ่อยู่บนเตียง อวี้ฉือซงนั่งจับชีพจรให้อยู่ด้านข้าง
ส่วนศิษย์อีกสองคนก็ยืนมองอยู่ด้านข้าง ราวกับว่าทั้งตื่นเต้นทั้งสงสัยอยู่เล็กน้อย
ในตอนนั้นเองอวี้ฉือซงก็พยักหน้าแล้วหันไปมองทางศิษย์ทั้งสอง
“ไม่เลว ร่างกายของเขาดีขึ้นมากเลยทีเดียว แม้ว่าเส้นชีพจรของเขาจะเสียหายไปมากกว่าครึ่งแล้ว แต่ยังดีที่สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ ต้องขอบใจพวกเจ้าทั้งสองมากที่ดูแลเอาใจใส่พวกเขามาอย่างดีขนาดนี้”
ศิษย์ทั้งสองจึงพูดขึ้นว่า
“ทั้งหมดเป็นเพราะเทียบยาของเจ้าสำนักขอรับ สิ่งที่พวกเราทำนั้นเป็นแค่เรื่องเล็กๆ เท่านั้น ไม่มีค่าพอให้พูดถึง”
อวี้ฉือซงยิ้มและส่ายหน้าออกมา
“ร่างกายของเขาเป็นอย่างใด ข้านั้นล้วนรู้ดีที่สุด มันไม่ง่ายเลยที่จะทำให้เขามีชีวิตอยู่รอด นี่ต้องลำบากพวกเจ้าแล้ว”
พูดจบแล้ว เขาก็หยิบกล่องไม้สองกล่องขึ้นมาและมอบให้เขาคนละกล่อง
“นี่คือใบเทียบยาระดับหกสองฉบับ พวกเจ้านำไปศึกษาให้ดี และรีบฝึกฝนให้สำเร็จโดยเร็ว”
ทั้งสองคนตกใจอย่างมาก แล้วมองหน้ากันไปมา
หนึ่งในนั้นก็รีบพูดขึ้นว่า
“ท่านเจ้าสำนัก…นี่…นี่มันล้ำค่าเกินไปแล้ว…”
พวกเขาช่วยดูแลฉีต้าเหอแค่ชั่วเวลาหนึ่งเท่านั้น ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อันใด แต่รางวัลนี้มันใหญ่เกินไปแล้ว…
“รับไปเถอะ”
เมื่อเห็นว่าอวี้ฉือซงยืนยันขนาดไหน ทั้งสองคนก็รับมาด้วยความประหลาดใจและดีใจ
ส่วนอีกคนหนึ่งก็พูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า
“ท่านเจ้าสำนัก มันคุ้มค่าแล้วหรือที่จะช่วยผู้ชายคนนี้? สมองของเขาก็ไม่ชัดเจนแล้ว ต่อให้ช่วยเหลือได้ เกรงว่าต่อไป…”
ร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส พูดไม่ได้ สมองเลอะเลือนราวกับเด็กสามขวบก็ไม่ปาน เหตุใดท่านเจ้าสำนักถึงได้ให้ความสำคัญกับเขาเช่นนั้น?
อวี้ฉือซงมองไปที่ฉีต้าเหอ
“ข้ามีความคิดของตัวเอง”
คนผู้นี้ มีความสำคัญอย่างมาก
เจียงอวี่เฉิงส่งคนผู้นี้มาให้ถึงที่ เหตุใดเขาถึงไม่รับเอาไว้ละ?
ลูกศิษย์ทั้งสองคนสบสายตากันแล้วมองกันอย่างไม่เข้าใจ แต่ในเมื่อท่านเจ้าสำนักพูดอย่างนี้ เขาก็ไม่ได้พูดอันใดออกไป…
เขาลังเลอยู่สักพัก จากนั้นคนหนึ่งจึงถามต่อว่า
“ถ้าเช่นนั้น…ท่านเจ้าสำนัก ศิษย์น้องหญิงและพวกเขา…ตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย ท่านคิดว่า…”
อวี้ฉือซงส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วส่ายหน้าเบาๆ
“วางใจเถอะ พวกนางจะกลับมาอย่างปลอดภัย”
…
ทะเลทรายจันทราสีชาด
ภายใต้แสงอาทิตย์ที่ร้อนแรง เงาร่างคนคนหนึ่งวิ่งอยู่ในทะเลทรายอย่างรวดเร็ว
ทรายมีขนาดเท่ากำปั้น ลอยตามไล่หลังของเขามา
“อย่าตามมาๆ!”
มู่หงอวี่ตะโกนไล่หลังและวิ่งหนีไปด้วย เพราะความรีบร้อนและตื่นเต้น ทำให้ร่างกายของนางหายไปจากจุดเดิมทันที
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ปรากฏตัวอยู่อีกที่หนึ่ง!
นางรีบหันไปมองด้วยความรีบร้อน แต่ว่าก็มองไม่เห็นอันใดทั้งนั้น
นางเพิ่งถอนหายใจด้วยความโล่งอกได้ไม่นาน ลูกบอลทรายสีเหลืองพุ่งเข้ามานางอย่างรวดเร็ว!
พรึ่บ!
ลูกบอลทรายสีเหลืองก็กระทบเข้าที่ใบหน้าของนางโดยตรง
ในตอนนั้นเอง ทั้งศีรษะและใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยทราย
นางยืนนิ่งอยู่ที่เดิม หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง นางก็ปัดศีรษะอย่างบ้าคลั่ง และตะโกนขึ้นเสียงดังว่า
“อ๊ากกก! นี่มันยังไม่จบอีกหรือ!”
ตั้งแต่นางเข้ามาทะเลทรายจันทราสีชาดอย่างไม่ทราบสาเหตุ ก็ถูกแยกกับคนอื่นทันที
หลังจากนั้นลูกบอลทรายสีเหลืองทองก็ติดตามนางอยู่ตลอดเวลา
ตอนแรกนางยังไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ แต่หลังจากถูกโจมตีจนมีท่าทีจนตรอกแล้ว นางก็รู้ได้ทันทีว่าสิ่งนั้นกำลังมุ่งเป้ามาทางนาง
เหมือนดังที่ฉินอีเคยพูดเอาไว้ ในทะเลทรายแห่งนี้ ผู้บำเพ็ญเพียรจะเดินทางลำบากอย่างมาก แต่ละย่างก้าวจะต้องสูญเสียพลังอย่างมาก
มู่หงอวี่เองนั้นก็มีร่างซวีหยวน เดิมทีแล้วนางน่าจะเดินทางได้สะดวกสบายกว่าคนอื่นสักหน่อย
แต่กลับโดนเจ้าสิ่งนั้นตามมาตลอด และนางจึงต้องเริ่มวิ่งเรื่อยมาตั้งแต่ตอนนั้น
ในตอนนี้ไม่ว่านางจะวิ่งไปที่ใด นางมักจะได้รับการต้อนรับจากทรายก้อนสีเหลืองอยู่เสมอ
หากบอกว่าจะได้รับบาดเจ็บ มันก็ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น
แต่ว่าใบหน้านางต้องมอมแมมไปด้วยฝุ่นทั้งวันเช่นนี้ มีหญิงสาวคนไหนบ้างที่รับได้?
มู่หงอวี่รู้สึกว่าตัวเองนั้นใกล้บ้าแล้ว
“ขอร้องล่ะ อย่าตามข้ามาเลยยย! ข้าไม่รู้ว่าได้ไปล่วงเกินอันใดเจ้า! ข้าไม่ไหวแล้วจริงๆ…”
นางรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมาก พลังดั้งเดิมที่อยู่ในร่างกายก็ใกล้จะหมดแล้ว นางไม่สามารถยืนหยัดได้อีกต่อไป…
เมื่อพูดจบ นางก็ล้มตัวลงนอน
“โอ๊ย!”
ทันทีที่สัมผัสกับพื้นทราย นางก็ต้องกระเด้งตัวขึ้นมาราวกับปลาขาดน้ำ
มันร้อนมาก!
นางลืมไปเลยว่าที่นี่คือทะเลทรายจันทราสีชาด
ท่าทางของนางน่าเวทนาอย่างมาก จากนั้นก้อนทรายสีเหลืองก็ลอยเข้าหามานางอีกครั้ง
…ประเด็นสำคัญก็คือ ก้อนทรายสีเหลืองนั้นก็มีขนาดใหญ่กว่าเดิมสองเท่า!
มู่หงอวี่ลอบสาปแช่งในใจ จากนั้นก็หมุนตัววิ่งหนีออกไป!
“ต้องเป็นแบบนั้นสิ…ถ้าร่างซวีหยวนไม่สามารถเดินทางในระยะร้อยลี้ แล้วจะเรียกว่าร่างซวีหยวนได้อย่างใด?”
ผู้อาวุโสลำดับห้าก็บ่นพึมพำในความลับ
ตามตำนานแล้ว ร่างซวีหยวนมีพลังที่ยิ่งใหญ่และสามารถเดินทางหลายพันลี้ได้ในทันที…
แล้วตอนนี้มันนับว่าเป็นอันใดได้?
“คนอื่นๆ ยังดูไม่ได้วุ่นวายขนาดนี้เลย…”
ผู้อาวุโสลำดับห้ามองดูสถานการณ์ของคนอื่น
ฉินอีและพี่เหลยสี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ระดับพลังของพวกเขานั้นแข็งแกร่งอย่างมาก อีกทั้งยังมีความอดทนอย่างมาก
ส่วนหญิงสาวใบหน้ากลม ใบหน้าของนางก็แดงก่ำขึ้น
และอีกคนหนึ่งคือเด็กหนุ่มที่มีผมสั้นสีทอง…
“เฮ้อ อดทนมากจริงๆ…ไอเย็นที่อยู่ภายในร่างกายพวกนั้น เมื่อบำเพ็ญเพียรแล้วทำให้คนรู้สึกอิจฉาอย่างมาก…”
สายตาของผู้อาวุโสลำดับห้าเฉียบคมอย่างมาก จึงอดที่จะพูดไม่ได้
“เฮ้อ ไม่รู้ว่าเยว่เอ๋อตอนนี้จะเป็นอย่างใดบ้าง…พี่เป่าฝึกฝนนางด้วยตนเอง…ซี๊ด”
เมื่อนึกถึงวิธีการของตู๋กูโม่เป่า หนังตาของผู้อาวุโสลำดับห้าก็กระตุกอย่างรุนแรง
เมื่อรวมกับคนอื่นแล้ว เกรงว่านังหนูคนนั้นจะต้องได้รับความทรมานอย่างหนัก!
แม้ว่าตู๋กูโม่เป่าจะรักนังหนูมาก แต่ว่าตอนที่ฝึกฝน…เขากลับไม่ใช่คนแล้ว
…
“ฮัดชิ้ว!”
ตำแหน่งใจกลางของทะเลทรายจันทราสีชาด ข้างทะเลสาบสีน้ำเงินราวกับอัญมณี ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ที่นั่งอยู่ริมทะเลสาบก็จามขึ้นมา
นางลูบจมูก
ไม่รู้ว่าใครกำลังพูดถึงนางอยู่…
แต่ตอนนี้นางไม่มีเวลาและพลังงานที่จะไปคิดเรื่องเหล่านี้แล้ว
“เร็วอีก! เร็วกว่านี้อีก!”
เสียงของตู๋กูโม่เป่าเสียงเย็นยะเยือกดังขึ้น!
ฉู่หลิวเยว่กำมือขึ้น และก้าวไปด้านหน้าอีกครั้ง!
เงาร่างหนึ่งผ่านสายตาไปต่อหน้าต่อตา!
ฝ่ายตรงข้ามหลบไปอีกครั้ง! ในเวลาเดียวกันนั้นก็ถีบฉู่หลิวเยว่!
ฉู่หลิวเยว่กัดฟันกรอดพร้อมเบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็ว!
แต่ทันใดนั้นน่องก็โดนกรีดเป็นแผลหนึ่ง จากนั้นก็เจ็บแปร๊บทันที!
อีกฝ่ายนั้นก็พุ่งร่างเข้าไปหานาง!
ฉู่หลิวเยว่หันศีรษะไป
ตู้ม!
ทั้งสองคนล้มลงที่พื้น
หลานเซียวเดินไปรอบๆ แต่เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นั้นก็รู้สึกตกใจอย่างมาก
“เฮ้อ พี่เป่าเหมือนว่านี่จะไม่ใช่หุ่นเชิดระดับหกที่พี่ใช้มาก่อนเลยนะ?”
ตู๋กูโม่เป่าพูดเย็นชา
“นี่คือระดับเจ็ดขั้นสูง”