ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 841 พวกเจ้าไม่รู้หรอกว่า นางนั้นลำบากขนาดไหน
ตอนที่ 841 พวกเจ้าไม่รู้หรอกว่า นางนั้นลำบากขนาดไหน
“เจ้าว่าอย่างใดนะ?”
น้ำเสียงของหลานเซียวเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“เหตุใดนางถึงไม่ใช่องค์หญิงใหญ่แล้วล่ะ?”
สีหน้าของหรงซิวยังคงสงบนิ่ง น้ำเสียงของเขาชัดเจน
“หากว่าไม่เชื่อ ผู้อาวุโสทั้งหลายสามารถไปถามนางด้วยตัวเองได้หรือว่าจะถามคนจากราชวงศ์เทียนลิ่งสักคนก็ได้”
เมื่อเห็นว่าน้ำเสียงของหรงซิวไม่มีประกายความล้อเล่น หลานเซียวจึงตระหนักได้ว่า มีบางอย่างผิดปกติ
เรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นจะต้องโกหกเลยด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อหรงซิวพูดออกมาเช่นนี้ มันจะต้องเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน!
ก่อนหน้านี้พวกเขาแค่ดีใจที่นังหนูกลับมา และไม่ได้ถามอันใดนางมาก
“นี่มันเรื่องอันใดกันแน่? หรือว่าเพราะนางไม่มีเส้นชีพจรเทียนจิงแล้ว?”
นางสามารถรับตำแหน่งจักรพรรดินีได้เพราะว่าสาเหตุนี้
แต่เพียงเพราะเรื่องนี้ ทำให้นางถูกไม่ได้เป็นองค์หญิงใหญ่ต่อไป…เหมือนว่าจะไม่เหมาะสมเท่าไรนะ
ราชวงศ์เทียนลิ่งมีคนที่มากด้วยพรสวรรค์แบบนั้น ซึ่งพันปีจะออกมาสักครั้ง ถ้าพวกเขามีหัวคิด จะไม่มีทางทำอย่างนี้แน่นอน!
หรงซิวหลุบสายตาลงต่ำ เพื่อปกปิดจิตสังหารที่อยู่ในดวงตา
เงาของขนตาหนากะพริบทอดยาว ทำให้ปราณในร่างกายของเขานั้นเย็นลงไปมาก
“เพราะว่าตัวตนของซั่งกวนเยว่นั้น ตายไปแล้ว”
…
“พี่เป่า! พี่เป่า!”
ตู๋กูโม่เป่ากำลังยืนดูฉู่หลิวเยว่ต่อสู้กับหุ่นเชิดอยู่ แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงของหลานเซียวที่พูดขึ้นอย่างเร่งรีบ
เขาขมวดคิ้วมุ่น
“เกิดอันใดขึ้น?”
หลานเซียวให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ของตัวเองอยู่เสมอ รวมถึงน้ำเสียงของตัวเองด้วย
ถ้าไม่ได้เกิดเรื่องใหญ่จริงๆ เขาไม่มีทางทำเช่นนี้อย่างแน่นอน
ตระหนก โมโห!
นั่นทำให้หัวใจของตู๋กูโม่เป่าเต้นไม่เป็นจังหวะ
หลานเซียววิ่งกลับมาด้วยสีหน้าย่ำแย่
เพียงแค่นังหนูไม่ได้กลับมาหลายปี เขาเองก็ไม่ได้แสดงสีหน้ามากมาย
หลานเซียวหลับตาลง พยายามสงบจิตใจตัวเองให้สงบ
“ผู้อาวุโสลำดับห้าล่ะ? เจ้ารีบเรียกให้เขากลับมาเลย!”
ตู๋กูโม่เป่าไม่เข้าใจว่าเหตุใด จึงขมวดคิ้วแล้วถามว่า
“นี่มันเกิดเรื่องอันใดกันแน่?”
หลานเซียวไม่ตอบโดยตรง จึงพูดกระตุ้นขึ้น
“เจ้าให้เขากลับมาก่อนเถิด ข้ามีเรื่องที่จะต้องพูด”
ตู๋กูโม่เป่าจึงทำได้เพียงเรียกผู้อาวุโสลำดับห้าให้กลับมา
“มีอันใดหรือ? ข้ากำลังสอนคนเหล่านั้นอยู่เลย…”
ผู้อาวุโสลำดับห้าพูดขึ้น แต่เมื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนไม่สู้ดี เขาจึงหยุดพูดทันที
นี่…นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่?
ทั้งสามคนรู้จักกันเป็นอย่างดี และรู้จักกันมาหลายปีแล้ว
ซึ่งบรรยากาศอย่างนี้ มันช่างหายากเหลือเกิน
…นี่จะต้องเกิดเรื่องอย่างแน่นอน!
โดยเฉพาะหลานเซียว ใบหน้าของเขาแข็งค้าง ราวกับน้ำแข็งมาปกคลุม!
สีหน้าของพี่เป่าดูปกติอย่างมาก
ตู๋กูโม่เป่าจึงพูดขึ้นว่า
“ตอนนี้คนมาครบแล้ว นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ เจ้าพูดออกมาได้เลย?”
หลานเซียวเชิดคางขึ้น แล้วพูดกับผู้อาวุโสลำดับห้า
“เจ้าดูที่พี่เป่าก่อน”
ทั้งสองคนมองหน้ากันไปมาด้วยความว่างเปล่า
“นี่มันเรื่อง…”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำนังหนูเยว่เออร์ถึงต้องเปลี่ยนร่างกายด้วย?”
ทั้งสองคนจึงขมวดคิ้วขึ้นพร้อมกัน
พวกเขาคิดมาตลอดว่ามันจะเกี่ยวข้องกับความทรงจำของนาง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยถามมาก่อน
หลานเซียวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดขึ้นว่า
“เพราะว่า ก่อนหน้านี้นังหนูตายเพราะจุดไฟเผาตัวเอง…พวกสารเลวในราชวงศ์เทียนลิ่งที่โหยหาอำนาจ ใช้ประโยชน์ในตอนที่นางความจำเสื่อม และบีบให้นางต้องเจอกับความตาย! อีกทั้งตอนนี้ นางก็ไม่ใช่ซั่งกวนเยว่แล้ว แต่คือ ฉู่หลิวเยว่!”
ก่อนหน้านี้ตอนที่นางเรียกตนเองว่า ฉู่หลิวเยว่ พวกเขาก็ไม่ได้เห็นว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ ยังคิดว่าเพราะนางระมัดระวังตนเอง จนไม่ได้บอกชื่อที่แท้จริงออกมา
แต่ใครจะรู้เล่าว่าที่แท้ว่าเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น!
ข่าวนี้ทำให้คนตกใจอย่างมาก ในตอนนั้นตู๋กูโม่เป่าและผู้อาวุโสลำดับห้าก็ยังไม่ได้ตอบสนองอันใด
“เจ้า…เจ้ากำลังพูดอันใดน่ะ?”
นังหนูคนนั้นเป็นคนที่ฉลาดอย่างมาก อีกทั้งฝีมือก็แข็งแกร่ง นางยืนอยู่เหนือคนนับหมื่น จะเป็นไปได้อย่างใดที่…
พวกเขาอยู่ที่แดนภังคะ แม้ว่าพื้นที่จะยังอยู่ในราชวงศ์เทียนลิ่งก็ตาม แต่พวกเขาก็ไม่เคยเห็นราชวงศ์เทียนลิ่งอยู่ในสายตาเลย
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้สนใจสถานการณ์ของที่นั่นมากนัก เขาไม่รู้เรื่องอันใดสักอย่างเลย
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่พวกเขาสนใจอยู่ในตอนนี้คือ นังหนูโดนคนอื่นรังแก นางจะถูกคนอื่นใส่ร้ายจนตายได้อย่างใด?
ทันใดนั้นตู๋กูโม่เป่าก็ถามขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า
“เจ้าพูดมาอีกรอบสิ ว่าคนที่ทำร้ายนางคือใครนะ?”
ใบหน้าของเขาไม่มีความรู้สึกใดๆ เลย น้ำเสียงยังเงียบสงบมากอีกด้วย
แต่หลานเซียวและผู้อาวุโสลำดับห้ากลับรู้สึกหนาวสั่น!
ท่าทางเช่นนี้ มันดูน่ากลัวมากจริงๆ
“พี่เป่า…เจ้าใจเย็นก่อน…”
หลานเซียวพูดเกลี้ยกล่อม
“ข้าก็ใจเย็นอยู่”
ตู๋กูโม่เป่าพูดขัดจังหวะ
“ข้าจะถามอีกครั้งว่าคนนั้นคือใคร”
…
ซีหลิง
อีกสี่วันก็จะถึงวันแต่งงานของเจียงอวี่เฉิงและซั่งกวนหว่านแล้ว
และวันนี้ก็เป็นวันที่ตระกูลซย่าโหวได้มอบสินสอดให้กับตระกูลเจียง
เดิมทีพวกเขาไม่ได้วางแผนที่จะมอบให้เร็วขนาดนี้ ท้ายที่สุดไม่อยากจะชนกับวันแต่งงานของเจียงอวี่เฉิงและซั่งกวนหว่าน
แต่ตระกูลเจียงเรียกร้องให้อีกฝ่ายมอบสินสอดมาก่อน รอจนงานแต่งงานของทั้งสองคนจบลง แล้วค่อยจัดการงานแต่งงานของซย่าโหวอวี้ซู่และเจียงอวี่จือ
ตระกูลซย่าโหวก็ตอบตกลง
ซย่าโหวหรงเองตามมาด้วย
ถ้าพูดตามหลักแล้ว เดิมทีเขาไม่จำเป็นต้องตามมา
แต่เขารู้ว่าสิ่งที่เจียงอวี่เฉิงต้องการคือโอสถเก้าสวรรค์ฟื้นคืนเขาจึงต้องนำของชิ้นนี้ติดตัวมาด้วย
ที่ทำแบบนี้เพื่อความปลอดภัย และอีกด้านหนึ่งก็แสดงให้เห็นว่าตระกูลซย่าโหวให้ความสำคัญกับงานแต่งงานครั้งนี้มาก
สินสอดทั้งหมดยกให้กับตระกูลเจียง
ในห้องโถงด้านหน้า ก็มีคนสองตระกูลนั่งพร้อมกัน พูดคุยกันด้วยท่าทางสนุกสนาน
หลังจากคุยกันไปสักพักหนึ่งแล้ว ซย่าโหวหรงก็พูดขึ้นมาต้องการพูดคุยกับเจียงอวี่เฉิงตามลำพัง
พวกเขาทั้งหมดมีเรื่องที่ต้องการหารือกัน ดังนั้นทั้งสองคนจึงไปพูดคุยกันที่ห้องหนังสือ
หลังจากที่เข้าไปในห้องแล้ว ซย่าโหวหรงหยิบกล่องไม้สีดำออกมา แล้วยื่นให้อีกฝ่าย
“ของอยู่ที่นี่แล้ว หวังว่าคุณชายใหญ่จะปฏิบัติตามคำพูด”
มุมปากของเจียงอวี่เฉิงโค้งขึ้น จากนั้นก็เอื้อมมือไปรับกล่องนั้นมา
“แน่นอนอยู่แล้ว…”
ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
“มีคนเคลื่อนย้ายของชิ้นนี้แล้วหรือ?”