ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 853 ตรวจพบอะไรบ้าง
ตอนที่ 853 ตรวจพบอะไรบ้าง
ชายหนุ่มทั้งสามตกใจเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว
การที่นางพูดเช่นนั้น หมายความว่า…
“ข้าขอเฝ้าอยู่ข้างนอกดีกว่า”
เชียงหว่านโจวชำเลืองมองฉินอีกับพี่เหลยสี่ พลางเม้มปากแล้วตอบกลับเสียงเรียบ
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะ แต่ก็ยังดึงดันพูดต่อ
“มิเป็นไรหรอก แม้ฉินอีจะอยู่ในห้องกับเรา แต่เขาก็สามารถสอดส่องติดตามความเคลื่อนไหวทั้งหมดในจวนได้”
ฉินอีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
เชียงหว่านโจวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายเด็กหนุ่มก็ยอมเดินเข้าไปในห้อง
พี่เหลยสี่มองเชียงหว่านโจวที สลับกับมองฉู่หลิวเยว่ที ก่อนจะหันไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากพี่ใหญ่ของตนอย่างอดไม่ได้
นี่องค์หญิงจะเลิกหนีเจ้าเด็กนี่แล้วอย่างนั้นหรือ?
“รบกวนเจ้าหน่อยนะ ฉินอี” ฉู่หลิวเยว่กล่าว
จากนั้นฉินอีก็ยกมือขึ้น และจักจั่นไม้ก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา
จักจั่นไม้ตัวนี้ถูกทำขึ้นด้วยความประณีตอย่างมาก จนมันดูเหมือนจักจั่นของจริงก็มิปาน
และทันทีที่ยกข้อมือขึ้น จักจั่นไม้ก็บินออกไป
“หากมันพบสิ่งผิดปกติในรัศมีห้าลี้ มันจะส่งสัญญาณทันที”
ฉินอีอธิบาย ก่อนจะสร้างค่ายกลสีฟ้าขึ้นมากั้นเสียงภายในห้อง ไม่ให้หลุดลอดออกไปด้านนอก
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะอย่างพอใจ
“เจ้าทำเช่นนี้ข้าก็สบายใจแล้ว”
ฉินอีเผยสีหน้ายินดีออกมา รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วและดวงตาของเขา แลดูสมบูรณ์แบบและงดงามราวกับภาพวาด
และมันทำให้คนที่มักจะทำตัวเฉยเมยอย่างเขา แลดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา
ทันใดนั้น เขาโค้งคำนับและคารวะฉู่หลิวเยว่ด้วยความเคารพ
“ตามพระประสงค์ขององค์หญิงใหญ่ ฉินอีผู้นี้จักน้อมรับทุกคำบัญชาอย่างเคร่งครัด”
เชียงหว่านโจวที่เพิ่งจะเดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆ ฉู่หลิวเยว่ถึงกับตาถลน ม่านตาหดลงด้วยความตกใจ!
องค์หญิงใหญ่หรือ!
บนโลกใบนี้ จะมีกี่คนที่ใช้ศักดินาเช่นนี้กัน!?
แถมคำพูดเหล่านั้นยังออกมาจากปากของยอดฝีมืออย่างฉินอีด้วย!
เมื่อฉู่หลิวเยว่ได้ยินเขาเอ่ยขานกันด้วยสรรพนามเช่นนี้อีกครั้ง ในใจของนางก็พลันรู้สึกปั่นป่วนสับสน
“หนานอี หลิงซื่อ ตลอดสองปีที่ผ่านมา พวกเจ้าคงลำบากมากเลยสินะ”
สีหน้าของฉินอีพลันวูบไหว
เบ้าตาของพี่เหลยสี่แดงก่ำ
“ขอแค่องค์หญิงทรงกลับมาอย่างปลอดภัย ไม่ว่าเหล่าข้าน้อยจักเหน็ดเหนื่อยเพียงใด! พวกเราก็จักเฝ้ารับใช้องค์หญิงไปตลอดชีวิตขอรับ!”
และการที่ได้กลับมาฟังสุรเสียงขององค์หญิงอีกครา ทำให้สองปีแห่งการรอคอยและทุกข์ทรมานเหล่านั้นไม่สูญเปล่า!
เชียงหว่านโจวหลุบตาลงต่ำ
ว่าแล้ว!
ทั้งชื่อเสียงเรียงนาม และสถานะที่ต่างกันสิ้นเชิง!
ไหนจะยังมีผู้ที่แข่งแกร่งเช่นนี้ ติดตามนางไปตลอดชีวิตอีก…
เห็นได้ชัดว่าตัวตนของฉู่หลิวเยว่นั้นไม่ธรรมดาเลย!
นางไม่ใช่เด็กสาวจากครอบครัวยาจก ที่หนีออกมาจากแคว้นเย่าเฉิน!
เชียงหว่านโจวรู้สึกหวิวในใจ ราวม่านที่บดบังความจริงไว้ เริ่มค่อยๆ คลี่คลายต่อหน้าเขา
และเมื่อม่านนั่นเปิดออกจนหมด มันก็ได้เผยความจริงที่คนฟังจำต้องตกใจ!
ซึ่งในยามนี้ เรื่องพวกนี้ถือเป็นเพียงส่วนเล็กๆ บนยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น!
ฉินอีกล่าวว่า
“องค์หญิงขอรับ ตอนนี้พวกเราทุกคนได้เปลี่ยนตัวตนเดิมแล้ว เพื่อความปลอดภัยของท่าน และท่านควรเรียกพวกเราด้วยชื่อปลอมในปัจจุบันนะขอรับ”
ฉู่หลิวเยว่คิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าและถอนหายใจเบาๆ
“ถ้าตอนนั้นข้าไม่หลงเชื่อคนทรยศ ก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ แม้แต่พวกเจ้าเองก็ยังโดนผลพวงจนกลับไปใช้ชื่อเดิมกันไม่ได้ แค่นี้มันก็…”
สิบสามผู้พิทักษ์เยว่แต่ละคนนั้นเก่งกาจอย่างมาก และใครก็ตามที่ผ่านการฝึกนี้ ก็เปรียบได้ดั่งผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่จอมยุทธ์ทั้งปวง
พวกเขาเต็มใจติดตามนาง และไม่ว่าจะต้องทุกข์ทรมานมากมายเพียงใด พวกเขาก็ยังจงรักภักดีต่อนางเสมอ
แต่สุดท้ายเขากลับถูกตราหน้าว่าร่วมมือกับศัตรูและหักหลังเจ้าแผ่นดิน พวกเขาจึงต้องหนีเร่ร่อนไปที่อื่น และทนทุกข์ทั้งวันทั้งคืนราวกับตายทั้งเป็น
กระทั่งตอนนี้ที่พวกเขาได้กลับมายังซีหลิงอีกครั้ง พวกเขาก็ยังต้องปลอมตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า อีกทั้งยังไม่สามารถใช้ชื่อจริงของตัวเองได้ด้วย!
“องค์หญิงโปรดอย่าโทษตัวเอง ท่านปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความเมตตาและความเป็นธรรมแล้ว แต่พวกเขากลับทำเช่นนี้ เพราะสันดานความโลภอันน่ารังเกียจของพวกเขาเอง”
ถ้าจะพูดว่าเกลียด ก็คงเป็นเกลียดที่คนพวกนั้นหักหลังองค์หญิงในตอนนั้นมากกว่า!
“พี่ใหญ่พูดถูก! องค์หญิงโปรดลองคิดดูเสีย ว่าตอนแรกท่านปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างใด แต่สุดท้าย พวกเขาก็ยัง…”
พี่เหลยสี่หวนนึกถึงอดีต พลันรู้สึกคุกกรุ่นในใจ
ถึงจะผ่านมาสองปีแล้ว ทว่าภาพเหตุการณ์ในวันนั้น ยังชัดเจนเสมือนเกิดขึ้นเมื่อวาน!
“เจ้าคนพวกนั้น น่าจะมาหั่นเป็นชิ้นๆ ให้หมด!”
ขณะในเดียวกัน จู่ๆ ฉินอีก็เงยหน้าขึ้นพลางทอดสายตามองไปด้านนอก แล้วยิ้มบาง
“มีคนมา”
ก่อนจะเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเงียบๆ ด้านนอกประตู
เขาคือ ชีหาน!
“พี่ใหญ่ เป็นพวกเจ้าจริงๆ ด้วย”
เมื่อเห็นกลุ่มคนในห้อง ชีหานก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ตอนที่เขาอยู่ข้างนอกเมื่อครู่ เขาสัมผัสได้จางๆ ถึงรอยอักขระที่ถูกเขียนด้วยเป็นลายมือของพี่ใหญ่ และพอเข้ามาดู มันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มตาหยีให้เขา
“ชีหาน เจ้าพาคนมาด้วยหรือ?”
นางพูดพลางเบนสายตามองไปด้านหลังของชีหาน
จากนั้นเงาร่างของใครบางคนก็โผล่ออกมา
“ไอ้หยา องค์หญิงล่ะก็ ท่านช่วยทำเป็นไม่เห็นข้ามิได้หรือไร?”
คนผู้นั้นดูแล้วจักเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุสิบสองหรือสิบสามปี ใบหน้าของเขายังคงความเป็นเด็กไว้มาก แต่กลับแฝงไปด้วยลมปราณของเด็กหนุ่มวัยแรกแย้ม ดวงตากลมโตคู่นั้นดูปราดเปรียว แต่เมื่อเขายิ้ม นัยน์ตาของเขาจะโค้งงอลงดั่งจันทร์เสี้ยว
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“น้องสิบสาม นี่เจ้าสูงขึ้นเพียงนี้แล้วหรือ?”
นางจำได้ว่าเมื่อก่อนเขายังเป็นเด็กน้อยตัวกระจ้อยอยู่เลย…
น้องสิบสามน้อยย่นจมูก
“ท่านไม่ได้เจอข้าตั้งสองปี แน่นอนว่าข้าต้องโตขึ้นกว่าเดิมสิ!”
เป็นปกติที่เด็กวัยนี้มักกระตือรือร้นที่จะเติบโตขึ้น แถมยังชอบแกล้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อีกด้วย
ทว่าคำพูดและการกระทำนั้น กลับยังมีความเป็นเด็กอยู่เสมอ ซึ่งนั่นทำให้คนมองรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
และเมื่อพูดถึงสิ่งนี้ เขาก็ย่ำเท้าเร็วขึ้นสองสามก้าว ก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉู่หลิวเยว่และถามอย่างสงสัย
“ว่าแต่ท่านเถอะองค์หญิง เหตุใดจึงเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนนักเล่า?”
ถ้าตรวจสอบจากลมปราณแล้ว แน่นอนว่านางคือองค์หญิงตัวจริงเสียงจริง
เพียงแต่รูปลักษณ์ในตอนนี้นั้น…
“สิบสาม”
ชีหานเอ็ดเขาเสียงแข็ง
เจ้าเด็กนามสิบสามถึงกับผงะราวสติหลุด ก่อนจะรีบปิดปากของตนอย่างไว
ชิบหายแล้ว!
ก่อนมาที่นี่ พี่เจ็ดย้ำกับเขาแล้วว่าห้ามพูดจาไร้สาระเด็ดขาด!
แต่พอเห็นหน้าองค์หญิงแล้ว เขาก็มัวแต่ดีใจจนลืมคำเตือนนั้นไปชั่วขณะ…
“ชีหาน เจ้าจะดุเขาเหตุใด”
ฉู่หลิวเยว่ชำเลืองมองชีหาน และโบกมือเรียกเด็กน้อยนามสิบสาม
“อย่ากลัวไปเลยสิบสาม”
สิบสามรีบวิ่งไปซ่อนตัวข้างๆ ฉู่หลิวเยว่ พลันแลบลิ้นเยาะเย้ยใส่ชีหานอย่างสนุกสนาน
ชีหานพยายามยั้งตัวเองไว้ เขากำหมัดแน่นและพูดว่า
“ขออภัยองค์หญิง ข้าน้อยมิได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้… ให้สิบสามฟังมากเท่าใด…”
อันที่จริง พวกเขาไม่ได้บอกเรื่องการสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงใหญ่ ให้น้องสิบสามฟังเสียทั้งหมด พวกเขาบอกแค่ว่าฝ่าบาทถูกคนอื่นลอบสังหาร แต่พวกเขาจัดการพวกมันไปแล้ว และฝ่าบาทจะกลับมาหาพวกเขาในไม่ช้า
ฉะนั้นในขณะที่ทุกคนรอคอยนางด้วยความทรมาน มีเพียงสิบสามเท่านั้นที่ถูกพวกเขาปิดหูปิดตา ทำให้เด็กหนุ่มฝึกฝนต่อไปอย่างสบายใจ ขณะที่รอให้นางกลับมา
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า
แบบนี้แหละดีที่สุดแล้ว
น้องสิบสามยังเด็กนัก ดังนั้นพวกเขาทุกคนจึงปฏิบัติต่อเขาราวเด็กเล็กเสมอ
สำหรับบางเรื่อง มันอาจจะดีกว่าถ้าเขาไม่รู้
“นั่นไม่สำคัญหรอก แต่ดูเหมือนสองปีที่ผ่านมา สิบสามจะพัฒนาขึ้นมากเลยใช่หรือไม่? ดูจากความสามารถในการซ่อนตัวนี้ แสดงว่าเจ้ากำลังไล่ตามพี่เจ็ดของเจ้าอยู่ ใช่หรือไม่?”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกประหลาดใจจริงๆ
สิบสามมีความสามารถในด้านนี้โดยเฉพาะ มิเช่นนั้นนางคงไม่พาเขามาเข้าร่วมด้วยหรอก
แต่ความเร็วในการพัฒนาของเขา ก็ยังเกินความคาดหมายของทุกคนอยู่ดี
เมื่อสิบสามได้ยินเช่นนี้ เขาก็พูดอย่างภาคภูมิใจทันที
“แน่นอนอยู่แล้ว! ท่านไม่รู้หรอกว่าช่วงนี้ ข้านี่แหละ ที่แอบตามเจียงอวี่เฉิงอย่างลับๆ!”
ฉู่หลิวเยว่ถามด้วยความสนใจ
“โอ้? แล้วเจ้าพบอันใดบ้าง?”