ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 860 ยอมจำนน
ตอนที่ 860 ยอมจำนน
หลังจากที่ฉู่หลิวเยว่เดินออกจากพระราชวังได้ไม่นานนัก นางก็ได้พบกับซุนฉีที่กำลังตามหานางอยู่พอดี
“คุณหนูฉู่ คุณชายใหญ่ของข้า อยากเชิญท่านไปเยี่ยมชมสวนซินหลี่สักครา”
ซุนฉีพูดด้วยน้ำเสียงที่กระชับและสุภาพ
ในใจของฉู่หลิวเยว่กลับมีความสงสัยขึ้นมา
ในเวลาเช่นนี้ เจียงอวี่เฉิงมาตามหานางเพื่ออันใดกัน?
ทั้งยังจะให้ไปสวนซินหลี่อีกอย่างนั้นหรือ?
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อย และกล่าวว่า
“วันนี้คุณชายเจียงน่าจะยุ่งมากนะ เหตุใดเจ้ากลับมีเวลามาหาข้า มีอันใดด่วนหรือเปล่า?”
ก่อนงานวันอภิเษกสมรส ไม่ใช่ว่าเจียงอวี่เฉิงควรจะกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมงานในวันพรุ่งนี้หรอกหรือ?
หรือเพราะจะ… ถูกจับได้เรื่องกู่ฉินแล้ว?
ขณะที่ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัวของฉู่หลิวเยว่ นางก็รีบปฏิเสธทันที
เป็นไปไม่ได้
เรื่องราวในวันนั้นนางได้ทำมันอย่างลับๆ โดยไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้ อีกทั้งตั้งแต่นั้นมา นางก็ไม่เคยใช้รอยประทับดอกท้อบนข้อมือในการเคลื่อนย้ายต่อหน้าใครเลย
หรือว่าตัวตนของเซี่ยมู่อาจจะถูกเปิดเผยเสียแล้ว?
แต่ก็ดูเหมือนไม่น่าจะเป็นไปได้
คนเหล่านี้คงไม่ได้รับรู้เรื่องราวของเพลิงแห่งกรรมโปร่งใสในหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์นั้นแน่ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ใดในสองสถานการณ์นี้ เจียงอวี่เฉิงจักต้องตามหานางเพื่อคิดบัญชีด้วยตนเองอย่างแน่นอน แต่เขาไม่น่าจะส่งซุนฉีมา เพราะอีกฝ่ายนั้นดูสุภาพและให้เกียรติยิ่งนัก
“ข้าน้อยผู้นี้ก็ไม่ทราบเช่นกัน”
ซุนฉีโน้มหัวลงเล็กน้อย
“ทว่าก็เอาตามที่คุณหนูฉู่สะดวกเถิดขอรับ”
เดิมทีฉู่หลิวเยว่ไม่อยากจะตอบรับคำเชิญนี้
เพราะยิ่งเห็นเจียงอวี่เฉิงมากเท่าไร นางก็ยิ่งรู้สึกขยะแขยง นับประสาอันใดกับคำเชิญพิเศษเช่นนี้ เพียงแค่คิดเล่นๆ ก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างแล้ว
นางคิดอยู่ครู่หนึ่งและในที่สุดนางก็พยักหน้าตอบ
“ก็ได้”
…
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ หลังจากผ่านช่วงเวลาที่ทนทุกข์ทรมานมาเป็นเวลานาน ในที่สุดความรู้สึกเจ็บปวดและความคันไปทั่วใบหน้าของซั่งกวนหว่าน ก็ค่อยๆ จางหายไป
เวลานี้ ร่างของนางเปียกโชกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ราวกับว่าร่างทั้งร่างนั้นจะทรุดลงได้ทุกเมื่อ
แต่หลังจากที่นางตื่นขึ้น สิ่งแรกที่นางทำก็คือรีบวิ่งไปที่กระจกสีบรอนซ์ข้างๆ เพื่อส่องมองหน้าตาของตนเอง
ใบหน้าเดิมของนางสะท้อนอยู่ในกระจกสีบรอนซ์
บาดแผลที่เคยเป็นหนองอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้ ได้ตกสะเก็ดไปแล้ว! และเหลือเพียงรอยแผลเป็นสีชมพูอ่อนๆ เท่านั้น!
แม้ว่ามันจะยังดูแย่ แต่ก็ดีกว่าเมื่อก่อนมาก!
ซั่งกวนหว่านมีความสุขมากและสัมผัสใบหน้าของตัวเองอย่างระมัดระวัง
ทั้งๆ ที่เพิ่งได้รับเลือดของอสูรศักดิ์สิทธิ์มาได้ไม่นาน และมันกลับได้ผลเร็วเกินคาด!
และหากใช้ยาอื่นเสริมเข้าช่วยในภายหลัง ไม่นานมันจะสามารถฟื้นตัวได้เต็มที่แน่นอน!
ปัญหาเรื่องหน้าตาทรมานจิตใจของนางมานานเกินไปแล้ว และตอนนี้นางก็สามารถถอนหายใจด้วยความ
โล่งอกได้ในที่สุด
“ข้าจักต้องกลับมางดงามดังเดิมให้ได้…”
ซั่งกวนหว่านพึมพำเสียงต่ำ ดวงตาของนางฉายแววดื้อรั้นและน่ากลัว
“เข้ามา!”
ฉานอี้ที่รออยู่ข้างนอกได้ยินเสียงเรียก พลันผลักประตูให้เปิดออกทันที
“องค์หญิงทรงมีรับสั่งอันใดหรือเจ้าคะ?”
นางโค้งคำนับด้วยความเคารพ พลันเงยหน้าขึ้นโดยไม่ตั้งใจ ก่อนจะโพล่งออกมาด้วยความยินดี
“องค์หญิง ใบหน้าของท่านดีขึ้นแล้ว…”
ถึงแม้ว่าซั่งกวนหว่านจะเกลียดการที่คนอื่นพบเห็นใบหน้าอันเสียโฉมของนาง แต่ขณะนี้นางจำเป็นต้องรักษาตัวอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นนางกลับดีใจที่มีฉานอี้คอยอยู่เคียงข้าง เช่นนั้นนางจึงไม่ถือสาเรื่องนี้แล้ว
“แต่ก็ยังต้องดูแลมันต่อไป ข้าจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เจ้าไปเตรียมชุดให้ข้าด้วย”
ฉานอี้รีบตอบรับ
“เจ้าค่ะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ!”
ทว่าขณะที่นางกำลังจะก้าวถอยหลัง ซั่งกวนหว่านกลับเรียกนางอีกครั้ง ริมฝีปากของนางกระตุกเบาๆ แล้วถามด้วยความลังเล
“… อวี่เฉิงกลับมาบ้างหรือไม่?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของฉานอี้ได้เลือนหายไปในทันใด
และจู่ๆ หัวใจของซั่งกวนหว่านก็เย็นชาลง
“องค์หญิง องค์ชายใหญ่ ขะ…เขายังไม่กลับมาเลยเจ้าค่ะ…”
ฉานอี้ก้มหัวลง พร้อมเสียงที่เบาหวิวลงกว่าเมื่อครู่
พลันเกิดความเงียบขึ้นในห้องชั่วขณะ
ซั่งกวนหว่านกัดฟันแน่น แววตานางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ในอดีต น้อยครั้งนักที่ทั้งสองจะทะเลาะกัน แต่ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ เขากลายเป็นคนใจร้อนง่ายมากขึ้นเรื่อยๆ และในวันนี้ที่นางก็ต้องเผชิญหน้ากับผู้คนมากมาย การหนีหายไปของเขาทำให้ตนอับอายขายหน้ายิ่งนัก
นางนึกว่าเขาจะกลับมาเพื่อปลอบใจนาง แต่ทว่า..นี่มันนานเกินไปแล้ว เขาไม่มีวี่แววที่จะตอบอันใดกลับมาเลยสักนิด
“องค์หญิง ช่วงนี้องค์ชายใหญ่อาจจะทรงยุ่งอยู่กับธุระที่ต้องจัดการ เขาจึงยั้งตัวเองไม่อยู่ แล้วพูดกับท่านเช่นนั้น…” ฉานอี้เห็นว่าสีหน้าของนางดูไม่ดีนัก จึงรีบพูดเพื่อเกลี้ยกล่อมนาง “จริงๆ แล้วองค์ชายใหญ่ยังคงเป็นห่วงองค์หญิงเสมอ ไหนจะสิ่งที่ท่านนั้นปรารถนา พรุ่งนี้จะถึงงานอภิเษกแล้ว องค์ชายใหญ่คงหวังว่าอยากมีชีวิตคู่ที่ผาสุกกับท่าน แต่ท่านกลับพูดออกไปเช่นนั้น มีหรือองค์ชายใหญ่จักสบายใจ เมื่อได้ยินเช่นนั้น?”
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ ซั่งกวนหว่านก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย
นางมองออกไปยังท้องฟ้าข้างนอกและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ช่างเถอะ รอหลังอาบน้ำชำระกายแล้ว ข้าจะไปพบเขาด้วยตัวเอง”
ท้ายที่สุด ในใจของนางยังคงมีเขาอยู่เสมอ
นางตั้งตารอคอยงานอภิเษกสมรสในวันพรุ่งนี้มานานแล้ว และอันที่จริงนางก็ไม่อยากให้เราสองคนต้องมึนตึงใส่กันเช่นนี้
อย่างมากก็แค่… นางอาจจะต้องเป็นฝ่ายที่ยอมให้เขาก่อน!
…
จวนตระกูลเจียง
ขณะนี้ถึงยามบ่ายแล้ว ทุกคนในจวนตระกูลเจียงต่างชุลมุนกันทั้งวัน แต่ในจวนยังคงคึกคักเป็นอย่างมาก
ทุกหนแห่งประดับตกแต่งด้วยความพิถีพิถัน พอมองดูแล้วเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความยินดียิ่งนัก
เมื่อซั่งกวนหว่านเปลี่ยนชุดของนางเรียบร้อยแล้ว จากนั้นนางก็ได้แอบเข้ามาในจวนอย่างเงียบ ๆ
เมื่อก่อนนางมักจะแอบไปหาเจียงอวี่เฉิงอยู่เสมอ เช่นนั้นเมื่อคนรอบๆ ตัวของเจียงอวี่เฉิงรับรู้การมาของนาง พวกเขาจึงปล่อยนางไป อีกทั้งยังคอยคุ้มกันให้นางด้วย
แต่เมื่อซั่งกวนหว่านมาถึงบริเวณลานบ้านของเจียงอวี่เฉิงได้สำเร็จ นางกลับพบว่าเขาไม่ได้อยู่ในจวน
เมื่อคำนวณเวลาตั้งแต่หลังจากที่เขาออกจากตำหนักไปแล้ว จริงๆ เขาน่าจะกลับมาตั้งนานแล้วสิ
หรือว่าในระหว่างทางเขาได้แวะไปที่อื่น?
แต่ยามนี้แล้ว เขายังจะไปที่ไหนได้อีกล่ะ?
ซั่งกวนหว่านมาเสียเที่ยวอีกแล้ว และนั่นทำให้นางรู้สึกไม่พอใจมาก
แต่ในขณะที่นางตั้งใจจะรอเขาอยู่ที่นี่ ทันใดนั้นนางกลับนึกขึ้นได้ว่า ในวันนั้นตอนที่นางอยู่ในห้องทรงงาน เจียงอวี่เฉิงพยายามรีบซ่อนภาพวาดภาพนึงไว้
นี่ถือว่าเป็นโอกาส ที่จะได้รู้ว่ามันคืออันใดกันแน่!
พอเป็นเช่นนั้น ซั่งกวนหว่านจึงวางแผนที่จะไปดูในห้องทรงงานเสียก่อน
แต่เมื่อนางเดินไปถึงประตู กลับถูกทหารยามที่คอยเฝ้าดูอยู่เข้ามาขวางไว้
“องค์หญิงขอรับ คุณชายใหญ่มีรับสั่งว่า หากไม่ได้รับอนุญาตจากท่าน ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเข้าไปในห้องทรงงานได้ตามอำเภอใจ ท่านไปพักที่ห้องข้างๆ นี้จะดีกว่า”
เมื่อซั่งกวนหว่านได้ยินคำพูดเช่นนั้น ก็ถึงกับหัวเราะออกมา
“ข้ากำลังจะสมรสกับอวี่เฉิงในวันพรุ่งนี้แล้ว กับแค่ห้องทรงงานแค่นี้ ให้ข้าเข้าไปไม่ได้เลยหรือ?”
เหล่าบรรดาเวรยามมองหน้ากันด้วยความตกใจ และต่างก็รู้สึกลำบากใจเป็นอย่างมาก
ทั้งสองฝ่ายต่างยื้อยุดกันอยู่พักใหญ่ จนในที่สุดพวกเขาก็เลือกที่จะหลีกทางให้แก่นาง
เพราะสุดท้ายแล้ว หากตำแหน่งของซั่งกวนหว่านถูกยกระดับให้สูงขึ้น พวกเขาก็จะยิ่งขัดใจนางไม่ได้
ก่อนหน้านี้นางก็เคยเข้าไปยังห้องทรงงานตั้งหลายครา คงจะ… ไม่มีปัญหาอันใดหรอก
จากนั้นซั่งกวนหว่านก็เข้าไปยังห้องทรงงานตามที่นางต้องการ
สำหรับนางแล้ว ถึงแม้จะพูดไม่ได้ไม่เต็มปากว่านางรู้จักสถานที่แห่งนี่ดี แต่เนื่องจากว่าเมื่อก่อนนางเคยมาที่นี่นับหลายครั้ง เช่นนั้นก็คงถือว่าคุ้นเคยกันแล้ว
ภายในห้องเต็มไปด้วยหนังสือและภาพวาดสะสมมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ในนั้นมักจะเป็นสิ่งของที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง
แต่อาจเป็นเพราะตัวนางเองมีของดีอยู่ไม่น้อยเลย ฉะนั้นเจียงอวี่เฉิงจึงไม่ค่อยสนใจสิ่งเหล่านี้มากนัก
บนโต๊ะและชั้นวางหนังสือมีสมบัติมากมายวางก่ายกองอย่างระเกะระกะ
ในใจของซั่งกวนหว่านกลับยิ่งรู้สึกสงสัย
ตามวิสัยทัศน์ของเจียงอวี่เฉิงแล้ว ต้องเป็นรูปภาพแบบไหนกันนะที่สามารถทำให้เขาหวงแหนได้ถึงเพียงนั้น
นางพยายามนึกถึงภาพที่ได้พบเห็นในวันนั้น แล้วเดินไปข้างๆ โต๊ะพลางคลำดูอยู่ครู่หนึ่ง กระทั่งในที่สุดก็ได้พบช่องลับ และเปิดช่องที่ซ่อนอยู่ในความมืดเบื้องล่างนั้นออกมา!
ก่อนจะพบกล่องไม้กล่องหนึ่งนอนเงียบๆ อยู่ในนั้น!