ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 862 คนที่ชอบ
ตอนที่ 862 คนที่ชอบ
คราแรกฉู่หลิวเยว่คิดว่าตัวเองหูเพี้ยน
“ว่าอย่างใดนะ?”
เจียงอวี่เฉิงจึงเน้นเสียงชัดเจนกว่าเดิม
“ข้าบอกว่า ข้าอยากแต่งงานกับเจ้า”
มันไม่ใช่แค่ความคิด ไม่ใช่คำขอ หากแต่เป็น ต้องแต่งให้ได้เท่านั้น!
แต่การพูดของเขานั้นเหมือนว่าเขากำลังสั่งนางเสียมากกว่า
ทว่ามันก็ดูสมเหตุสมผล เพราะตอนนี้เขากำลังจริงจังอย่างมาก!
ฉู่หลิวเยว่ถลึงตามองเขาอยู่แบบนั้น
ท่าทางของเขาดูจริงจังมาก สายตาคู่นั่นแน่วแน่ไร้ซึ่งแววหยอกล้อ
เรื่องนี้มันช่างเหลือเชื่อ แม้แต่ฉู่หลิวเยว่ยังอึ้งจนพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง และคิดว่าเจียงอวี่เฉิงคงเสียสติไปแล้ว
“คุณชายใหญ่เจียง เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังพูดอันใดอยู่?”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกกล้ำกลืนสุดๆ
สมองของเจียงอวี่เฉิงจักต้องบกพร่องทางใดทางหนึ่งแน่ๆ ที่เชิญนางมายังสถานที่แบบนี้ในคืนก่อนวันอภิเษกสมรส แถมยังขอนางแต่งงานอีก!?
“ข้ารู้ดีว่าข้ากำลังทำอันใด”
เจียงอวี่เฉิงจับปฏิกิริยาของฉู่หลิวเยว่ได้ และเอ่ยโพล่งออกไปทันที
“สองวันมานี้ข้าคิดทบทวนหลายครั้งต่อหลายครา แต่สุดท้าย หัวใจของข้าก็เลือกเช่นนี้”
ความจริงแล้ว การที่เขาเลือกทำเช่นนี้นั้น ไม่ง่ายเอาเสียเลย
เจียงอวี่เฉิงรู้ดีกว่าใครว่าตอนนี้เขาควรทำอันใด และไม่ควรทำอันใด
และเขารู้ดีว่า ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาได้เจอฉู่หลิวเยว่ที่งานหมื่นทูร เขาก็แอบมีใจให้นางตั้งแต่เห็นรอยยิ้มของนางแล้ว
หลังจากนั้นมา เขาก็พยายามยับยั้งหักห้ามใจตัวเอง และพยายามกำจัดความคิดเกี่ยวกับฉู่หลิวเยว่เหล่านี้ออกไปจากสมอง
เดิมทีเขาคิดว่าหากไม่ได้เจอกัน ไม่ได้พูดกัน ไม่นานเขาคงค่อยๆ ลืมนางได้เอง
แต่มันกลับยากกว่าที่เขาคิด
และการที่นางช่วยเหลือเขาไว้ในป่าหมอกมายา มันก็ทำให้เขากลับมาใจเต้นกับนางอีกครั้ง
ซึ่งท้ายที่สุด ผลจากการที่เขาได้เจอนางเมื่อสองสามวันก่อน ก็กลายเป็นสิ่งกระตุ้นให้เขาตัดสินใจทำสิ่งนี้
ในขณะนั้น เขาแทบแยกไม่ออกว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาคือ ซั่งกวนเยว่ หรือ ฉู่หลิวเยว่
ฉู่หลิวเยว่คล้ายนางมาก แต่ก็มีส่วนที่แตกต่างกันหลายจุดเช่นกัน
และเขารับรู้ข้อเท็จจริงเหล่านี้มาโดยตลอด
ทว่าหลังจากสบตาคู่นั้น ก็มีความคิดบ้าๆ ปรากฏขึ้นในใจเขา
…ถ้าแยกไม่ออก ก็ช่างมันประไร!
มันไม่สำคัญว่านางจะเป็นซั่งกวนเยว่ หรือฉู่หลิวเยว่ ขอเพียงมีคนคนนี้อยู่ในครรลองสายตาของเขาก็พอแล้ว
คนผู้นั้นตายไปแล้ว ทั้งดวงวิญญาณและจิตวิญญาณของนางจากไปแล้ว และจะไม่มีวันหวนกลับคืนมาอีกตลอดชีวิตของเขา
ครั้งหนึ่งเขาเคยวางแผนที่จะฝังอดีตเหล่านั้นทั้งหมด และไม่พูดถึงมันอีก
แต่หลังจากที่ฉู่หลิวเยว่ปรากฏตัว จู่ๆ เขากลับรู้สึกเหมือนว่าช่องว่างในใจ ได้รับการเติบเต็มแล้ว
หวนอ้วน เยี่ยนผอม[1] ตัวเขานั้นได้เห็นสาวงามมานับไม่ถ้วน
แต่หลายปีมานี้ มีเพียงสองคนเท่านั้นที่สามารถทำให้เขารู้สึกเช่นนี้ได้
คนที่หนึ่งคือ ซั่งกวนเยว่
ส่วนอีกคนก็คือ ฉู่หลิวเยว่
แต่โชคดีที่ฉู่หลิวเยว่มาจากตระกูลที่ต่ำต้อย ไม่ได้สูงส่งดั่งนางฟ้านางสวรรค์ที่เขามิอาจเอื้อม เฉกเช่นคนอื่นๆ
“ขอแค่เจ้าเลือกข้า ไม่ว่าเจ้าต้องการอันใด ข้าจะหามาให้ทุกอย่าง”
เจียงอวี่เฉิงกล่าวเสียงขึงขัง
นี่ไม่ใช่คำสัญญาเพียงลมปาก หากแต่เป็นสัญญาที่จักตามมาด้วยการกระทำแน่นอน
อ้างอิงจากสถานะของเขา เขาย่อมมั่นใจในสิ่งที่พูดไปอยู่แล้ว
เมื่อเห็นท่าทางมุ่งมั่นของเจียงอวี่เฉิงที่อยู่ตรงหน้า ฉู่หลิวเยว่ก็ถึงกับหัวเราะเยาะด้วยความฉุนเฉียว
“นี่ องค์ชายใหญ่เจียง ข้าเกรงว่าท่านคงจะลืมอันใดบางอย่างไป เช่นนั้นข้าขอเตือนความจำท่านเสียก็แล้วกัน”
“ข้อแรก พรุ่งนี้ท่านกำลังจะอภิเษกสมรสกับองค์หญิงสาม แต่การที่ท่านทำเช่นนี้ ท่านเอาองค์หญิงสามไปไว้ที่ไหน? ข้อสอง ตั้งแต่วันพรุ่งนี้สถานะของท่านจะเปลี่ยนไปแล้ว ท่านจะกลายเป็นพระสวามีขององค์หญิงสาม และก็เป็นสามีที่ต้องอยู่ใต้อาณัติของนางตลอดชีวิต ข้าคงไม่ต้องสอนท่านสะกดคำว่า “ซื่อสัตย์” หรอก ใช่หรือไม่? และข้อสุดท้าย ดูเหมือนท่านจะไม่ได้ถามความเห็นของข้าเลยสักนิด แต่ท่านกลับพูดออกมาโต้งๆ เช่นนี้ ไม่คิดว่ามันจะดูบังคับกันเกินไปหน่อยหรือไร?”
ฉู่หลิวเยว่เชิดปลายคางขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากสีแดงสดยกโค้งขึ้นยิ้มอย่างเย็นชา
“อีกอย่าง ท่านให้ในสิ่งที่ข้าต้องการไม่ได้หรอก”
…
ขณะนี้เป็นเวลาเย็นแล้ว พระอาทิตย์ดวงโตคล้อยต่ำจรดพสุธา แสงสุริยาพร่างพราวของดวงตะวันที่กำลังจะลับขอบฟ้า สาดแสงย้อมท้องนภาให้แปรเปลี่ยนเป็นสีส้มนวล
สายลมในยามราตรีของต้นฤดูร้อน ยังคงร้อนระอุมิคลาย
ทว่าซั่งกวนหว่านที่กำลังมุ่งหน้าไปยังสวนซินหลี่อย่างว่องไวนั้น กลับแผ่อายเย็นยะเยือกออกมาทั้งตัว
ในหัวของนางมีภาพเหตุการณ์ต่างๆ ผุดขึ้นมาทีละภาพ
แรกเริ่มก็เป็นภาพเจียงอวี่เฉิงไปมาหาสู่ซั่งกวนหว่านในช่วงหลายปีก่อน ครู่หนึ่งก็เป็นภาพใบหน้าที่สิ้นหวังในห้องโถงบรรพชน และแวบหนึ่งก็เป็นม้วนภาพวาดล้ำค่าที่อีกฝ่ายเก็บซ่อนไว้เป็นสิบปีในห้องทรงงานนั่น
ในใจของนางเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว และไม่รู้จะขจัดมันออกไปอย่างใด ไฟโทสะในจิตใจพลุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่งไหลขึ้นวนไปมาระหว่างทรวงอกและหน้าท้อง ราวจะระเบิดออกมา!
ยามนี้นางคิดแค่ว่า ต้องตามหาเจียงอวี่เฉิงให้ครบแล้วถามเขาตรงๆ ให้ชัดเจนไปเลย!
เมื่อเวรยามเฝ้าสวนซินหลี่เห็นซั่งกวนหว่านกำลังมา พวกเขาต่างก็ผงะและรีบทำความเคารพ
“ถวายบังคมองค์หญิงสาม!”
เย็นป่านนี้แล้ว นางมาทำอันใดที่นี่กัน?
“เจียงอวี่เฉิงเล่า?”
ซั่งกวนหว่านถามเสียงเย็น
และพอเห็นสีหน้าบูดบึ้งของนาง ทหารเวรคนนั้นก็มิกล้าปิดบัง พลันตอบกลับทันที
“คุณชายใหญ่อยู่ที่เรือนฉินในสวนเทพเนรมิตขอรับ ข้าน้อยจักให้คนไปตาม…”
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ ซั่งกวนหว่านก็ย่ำเท้าเข้าไปเสียแล้ว!
“องค์หญิงสามขอรับ…”
เวรยามสองคนอยากจะหยุดนาง แต่ก็ไม่กล้าพอ
แม้ว่าสวนซินหลี่นี่จะอยู่ภายใต้การดูแลของเจียงอวี่เฉิงมาโดยตลอด แต่มันก็ยังอยู่ในอาณาเขตของราชวงศ์เทียนลิ่ง
หากซั่งกวนหว่านดึงดันจะเข้าไป แล้วผู้ใดจักห้ามนางได้?
ทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนจะเห็นความสงสัยและความกังวล ในดวงตาของกันและกัน
การที่องค์หญิงสามมาที่นี่ เพราะนางจะมาหาเรื่องเจียงอวี่เฉิงหรือเปล่า?
บรรยากาศมาคุเช่นนี้… ไม่แน่ว่าอาจเกิดเรื่องใหญ่โตขึ้นก็ได้?!
…
ซั่งกวนหว่านย่ำเท้าเดินไปข้างหน้าไม่หยุด
เมื่อคิดว่าเขาอยู่ในสถานที่แบบนั้นยามนี้ ความเกลียดชังในใจของนางก็ฝังรากลึกกว่าเดิม!
ไปที่อื่นยังพอทน แต่เขากลับมาอยู่ที่เรือนฉิน!
เมื่อก่อนนางคิดว่าเพราะเจียงอวี่เฉิงทำร้ายซั่งกวนเยว่ที่นี่ เขาจึงดูแลสถานที่แห่งนี้อย่างเข้มงวด
แต่พอมาคิดดูตอนนี้ บางทีอาจจะเป็นเพราะหวงแหนสถานที่ในความทรงจำของเขากับนางต่างหาก!
ขาเรียวยาวเร่งความเร็วเพิ่มขึ้น ก่อนจะเห็นภาพทะเลสาบระยิบระยับที่อยู่ไกลออกไป
ทว่าในขณะที่นางกำลังจะก้าวไปข้างหน้า ทันใดนั้น นางก็เห็นคนสองคนยืนอยู่ริมทะเลสาบ
หนึ่งในนั้นสวมชุดคลุมสีฟ้าและยืนเอามือไพล่หลัง เขาคือเจียงอวี่เฉิง!
แต่คนที่อยู่ข้างหน้าเขานั้น คือสตรีที่อยู่ในชุดคลุมสีแดง เส้นผมสีดำสนิททิ้งตัวลงมาประใบหน้าสวยพริ้ม หากมิใช่ฉู่หลิวเยว่แล้วจักเป็นใครได้อีก?
แต่เหตุใดนางถึงมาอยู่ที่นี่?
ซั่งกวนหว่านตกตะลึงไปครู่หนึ่ง พลันสัมผัสได้ถึงความผิดปกติระหว่างพวกเขาสองคน นางหยุดโดยไม่รู้ตัวและแอบซ่อนตัวเงียบๆ
ขณะเดียวกัน เสียงของเจียงอวี่เฉิงก็ดังขึ้น
“งานอภิเษกสมรสในวันพรุ่งนี้ เป็นเรื่องระหว่างข้ากับซั่งกวนหว่าน ข้าจักทำอย่างใดกับนาง เจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจ นอกจากนี้ แม้หลังจากวันพรุ่ง นางจะได้เป็นจักรพรรดินี ส่วนข้านั้นเป็นสามีทาส แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าข้าจักต้องฟังคำสั่งนางเสียทุกอย่าง และสุดท้ายนี้ ข้าคิดว่าการที่เจ้าแต่งงานกับข้า ย่อมส่งผลดีต่อเจ้ามากกว่าผลเสีย เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีสตรีกี่คนในราชวงศ์เทียนลิ่งที่ต้องการอาศัยบารมีของข้า แต่พวกนางสู้เจ้าไม่ได้ อย่างใดพวกนางก็ไม่ใช่เจ้า”
“ฉะนั้นที่ข้าถามเจ้าไปเมื่อครู่นี้ หมายความว่าข้าถามเจ้าแค่คนเดียวเท่านั้น แต่ถ้าเจ้ายังไม่ยอม ข้าก็จะถามเจ้าใหม่ว่า ข้าอยากแต่งงานกับเจ้า เจ้ายินดีหรือไม่?”
ซั่งกวนหว่านปิดปากตัวเองด้วยความตกใจ
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตา พลันแย้มยิ้ม
เดิมทีนางเอาแต่ทำหน้าตาเย็นชาใส่เขา ราวกับถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งบางๆ แต่ครานี้ รอยยิ้มตรงหน้ากลับสวยงามราวดอกไม้นับพันที่กำลังเบ่งบานในทันที
แสงดวงอาทิตย์ริบหรี่ตกกระทบลงบนใบหน้าของนาง เสมือนเกล็ดน้ำแข็งที่ต้องแสงอัสดง ทั้งสวยงามและเย็นชา ดวงตาของนางทอประกายแวววับประหนึ่งดารา
“ข้าไม่ต้องการ”
นางหัวเราะเยาะ พลางเอ่ย
“เพราะข้ามีคนที่ชอบแล้ว”
[1] หวนอ้วน เยี่ยนผอม เป็นสำนวนที่หมายถึง ผู้หญิงแต่ละคนมีความงามที่แตกต่างกัน