ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 863 ความเจ็บปวดที่นางได้รับ นางจะตอบแทนอย่างสาสม
ตอนที่ 863 ความเจ็บปวดที่นางได้รับ นางจะตอบแทนอย่างสาสม
เจียงอวี่เฉิงชะงักตัวแข็งทื่อในบัดดล
สถานการณ์เช่นนี้ช่างคุ้ยเคยนัก!
ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน คนผู้นั้นก็เคยทำแบบนี้กับเขา นางยืนอยู่ตรงนี้แล้วบอกเขาว่านางมีคนในใจแล้ว ด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจเช่นนี้ไม่มีผิด!
สถานที่เดิม คำพูดเดิม รอยยิ้มเดิม!
ทว่าต่างกันตรงที่ในอดีตคนคนนั้นพูดเรื่องนี้ตัดหน้าเขาเสียก่อน จนเขาไม่มีจังหวะได้สารภาพความรู้สึกลึกๆ ในใจของตัวเองออกไปเลย
แต่ในปัจจุบัน เขาเป็นฝ่ายยอมลดทิฐิลง และเอ่ยปากขอฉู่หลิวเยว่อย่างจริงใจ แต่เขาก็ถูกปฏิเสธ!
ชั่วขณะหนึ่ง เจียงอวี่เฉิงสับสนกับภาพนิมิตทั้งสอง จนไม่สามารถบอกได้ว่าคนที่อยู่ข้างหน้าเขาคือฉู่หลิวเยว่ หรือซั่งกวนเยว่!
ทว่าจู่ๆ ความรู้สึกบางอย่างก็พลุ่งพล่านขึ้นมาในใจเขา! จนอยากจะคว้าข้อมือของฉู่หลิวเยว่มาจับไว้!
“ไม่ได้เด็ดขาด!”
ฉู่หลิวเยว่ผละตัวหลีกหนีได้อย่างง่ายดาย
แม้ว่าระดับการฝึกฝนของเจียงอวี่เฉิงจะสูงกว่านาง แต่หลังจากผ่านประสบการณ์โชกโชนในทะเลทรายจันทรามามากมาย ทำให้ตอนนี้ทักษะการเคลื่อนไหวของนางดีกว่าเดิมหลายเท่า
และการจัดการกับเจียงอวี่เฉิงไม่ใช่เรื่องยาก
ฉู่หลิวเยว่ก้าวถอยหลัง พลันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มสดใสบนใบหน้าของนางจืดจางลง
“องค์ชายใหญ่เจียง โปรดตั้งสติด้วย”
ความเกลียดชังและความขยะแขยงในดวงตาของนาง เปรียบดั่งเข็มเงินเล่มหนาที่แทงทะลุหัวใจของเจียงอวี่เฉิง!
ความแค้นที่เก็บกดมานานหลายปีพลันพรั่งพรูออกมา! มันทำให้เจียงอวี่เฉิงเสียสติไปแล้ว!
เขาโพล่งออกมาด้วยความโกรธ
“ข้าไม่ยอม! นอกจากข้าแล้ว เจ้าห้ามชอบใครเด็ดขาด!”
การระเบิดอารมณ์อย่างกะทันหันของเจียงอวี่เฉิง ทำให้ฉู่หลิวเยว่ตกใจมาก
ในความทรงจำของนาง เจียงอวี่เฉิงเป็นคนที่ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น เขาก็สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ดี และน้อยครั้งที่เขาจะแสดงความโกรธรุนแรงเช่นนี้ออกมา
แม้แต่ตอนที่เขาลงมือทำร้ายผู้อื่น สีหน้าของเขาก็ยังเรียบนิ่งไม่ไหวติง
แต่เขาในตอนนี้กลับ… คลุ้มคลั่งราวถูกกระตุ้นด้วยอันใดบางอย่าง?
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกหวาดระแวงและถอยหลังไปอีกก้าว นางขมวดคิ้วเล็กน้อย และพูดอย่างเย็นชา
“ความชอบเป็นสิ่งที่บังคับกันไม่ได้ เจ้าตั้งสติหน่อยเถอะ เจียงอวี่เฉิง!”
เมื่อเห็นนางโกรธ จู่ๆ จิตใจของเขาก็หวั่นไหวอย่างไม่มีเหตุผล
เขาจ้องมองดวงตาสีดำเงาราวหยกเนื้อดีที่เต็มไปด้วยโทสะ พลันหน้าถอดสี ก่อนจะเผยอริมฝีปากออกแล้วเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา
“อาเยว่ อย่าโกรธเลย…”
เขาพึมพำเสียงต่ำราวกับโหยหาและต้องการเอื้อมมือไปดึงนางเข้ามา
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกว่าเจียงอวี่เฉิงเสียสติไปแล้วจริงๆ
นี่เขาคิดจะทำอันใดกันแน่?!
อาเยว่หรือ นั่นเขาเรียกใครกัน?
ในใจของนางรู้สึกขยะแขยงยิ่งนัก พลันหันหลังกลับเพื่อจากไป
ทว่าทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธและขุ่นเคืองดังมาจากด้านข้าง
“เจียงอวี่เฉิง!”
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมองทันควัน
อา ช่างบังเอิญเสียจริง คนที่มาดันกลายเป็น ซั่งกวนหว่านเสียได้
เมื่อครู่นางมั่วแต่โต้เถียงกับเจียงอวี่เฉิง จนไม่ได้สังเกตเลยว่ามีบุคคลที่สามเข้ามาในสวนด้วย
และดูจากท่าทีฉุนเฉียวนั่นแล้ว แสดงอีกฝ่ายคงได้ยินที่พวกเขาคุยกันไปไม่น้อยเลยสินะ?
แต่ไม่ว่านางจะได้ยินไปมากน้อยเพียงใด สำหรับนางแล้ว ทุกคำพูดที่เจียงอวี่เฉิงเอ่ยออกมานั้น คงไม่ต่างจากมีดเล่มคมที่แทงทะลุหัวใจนางอย่างแรงเลย!
เสียงกรีดร้องที่แหลมคมนี้ทำให้เจียงอวี่เฉิงได้สติกลับมาอีกครั้ง
เขามองไปยังมือที่ว่างเปล่าของตัวเอง
ฉู่หลิวเยว่ยืนอยู่ด้านข้างโดยเว้นระยะห่างจากเขามากโข ท่าทางของนางที่ปฏิบัติต่อเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ ราวกับว่าการมองเขาใกล้ จักทำให้ดวงตาของนางมีมลทินอย่างใดอย่างนั้น
หัวใจของเขารู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาทันที
เมื่อก่อนเขาก็โดนแบบนี้ และตอนนี้ก็ยังวนกลับมาซ้ำรอยเดิมอีก!
คลื่นอารมณ์ในดวงตาของเขาถูกแช่แข็งไว้อย่างรวดเร็ว พลันตวัดตามองไปยังซั่งกวนหว่าน และถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”
ซั่งกวนหว่านหัวเราะเยาะ
“ข้าคือองค์หญิงสาม และสวนซินหลี่แห่งนี้ก็ถือเป็นอาณาเขตของราชวงศ์เทียนลิ่งเช่นกัน แล้วเหตุใดข้าจะมาที่นี่ไม่ได้!? เจ้าต่างหากเล่า… เจียงอวี่เฉิง วันพรุ่งจักเป็นวันอภิเษกสมรสของเราแล้ว แต่เจ้ากลับหายหัวมาอยู่ที่นี่? แถมยังหนีข้ามาขอสตรีอื่นแต่งงานอีก!?”
“เจียงอวี่เฉิง ตกลงแล้วเจ้ามีใจให้ข้าหรือไม่!”
มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ว่าหัวใจของนางเจ็บปวดแค่ไหน เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นเมื่อครู่ก่อน!
เดิมทีนางคิดว่าแค่หลังจากเห็นภาพนั้น หัวใจของนางก็ชาไปหมดแล้ว แต่เมื่อมาถึงที่นี่ และได้ยินได้เห็นว่าเขาปฏิบัติต่อฉู่หลิวเยว่อย่างใด นางกลับรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าเรื่องภาพวาดเสียอีก!
ราวกับว่ามีคนมาบีบขยี้หัวใจของนาง พลันกระชากมันออกจากร่าง แล้วโยนมันลงบนพื้นน้ำแข็ง และเหยียบย่ำมันซ้ำๆ จนแหลกละเอียด!
เชื่อเขาเลย!
ช่างน่าขันนัก!
พอเห็นซั่งกวนหว่านกำลังตีโพยตีพาย เจียงอวี่เฉิงก็ค่อยๆ ขมวดคิ้ว
ก่อนหน้านี้เขาไล่ทหารยามที่อยู่ใกล้เคียงบริเวณนี้ออกไป เพราะเดิมทีเขาต้องการพูดคุยกับฉู่หลิวเยว่เป็นการส่วนตัว แต่เขาไม่คาดคิดว่าซั่งกวนหว่านจะบุกเข้ามาและเอะอะโวยวายเช่นนี้
“ใจเย็นหน่อยเถิด! องค์หญิงสาม การที่เจ้าเอะอะโวยวายเช่นนี้ ไม่ต่างจากหญิงแก่ปากร้ายไร้สำนึกเลย!” เจียงอวี่เฉิงดุด่าเสียงเย็นเยียบ
ทว่าคำพูดเหล่านี้กลับจุดประกายความโกรธในใจของซั่งกวนหว่านได้อย่างสมบูรณ์!
“ฮ่าฮ่าฮ่า! หญิงแก่ปากร้าย? เจ้าเรียกข้าว่าหญิงแก่ปากร้ายหรือ?”
ซั่งกวนหว่านชี้ใส่จมูกตัวเอง ราวกับได้ยินเรื่องตลก ก่อนจะด่ากลับอย่างแรง
“เจียงอวี่เฉิง เจ้าหักหลังข้าก่อน!”
ทันใดนั้น นางก็หันไปชี้หน้าด่าฉู่หลิวเยว่ที่อยู่ข้างๆ
“นังสารเลวนี่มันดีอันใดนักหนา เจ้าถึงหลงมันขนาดนี้!? มันก็แค่เด็กที่เกิดมาในตระกูลชั้นต่ำคนหนึ่ง แล้วไยเจ้าถึงหันมาแว้งกัดข้าเพราะมันเช่นนี้!”
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างดุดัน
ทว่าก่อนที่นางจะได้ลงมือ เจียงอวี่เฉิงกลับตวาดออกมาอย่างเย็นชา
“ซั่งกวนหว่าน ระวังคำพูดคำจาของเจ้าด้วย! อย่าได้ลืมสถานะของเจ้าเด็ดขาด!”
ซั่งกวนหว่านหัวเราะเยาะในทันใด ใบหน้าของนางบิดเบี้ยว ดวงตาเบิกโพล่งอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะเอ่ยย้ำออกมาช้าๆ ว่า
“เจียงอวี่เฉิง เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้าชอบนางเพราะอันใด? นั่นเพราะนางเหมือนซั่งกวนเยว่อย่างใดเล่า!”
เจียงอวี่เฉิงใจเต้นรัวดัง “ตุบตุบ” ไม่หยุด พลันเอ่ยเสียงแข็งกร้าว
“เจ้าพูดบ้าอันใด!?”
ทว่าซั่งกวนหว่านเมินเฉยต่อความโกรธของเขา และหันมามองฉู่หลิวเยว่ด้วยท่าทางประชดประชันแทน
“ฉู่หลิวเยว่ เจ้าคิดว่าเขาจริงใจต่อเจ้าหรือ? เจ้ามันก็แค่ของเลียนแบบเท่านั้นแหละ! ทั้งเรียวคิ้วทั้งดวงตาของเจ้า ล้วนเหมือนของซั่งกวนเยว่ พี่สาวผู้อายุสั้นของข้าไม่มีผิด! และเพราะเขายังลืมนางไม่ได้ ยามนี้เขาถึงต้องการเจ้า เพื่อเอาเจ้าไปแทนที่นางอย่างใดล่ะ!”
“ซั่งกวนหว่าน!”
สัญชาตญาณดิบของเจียงอวี่เฉิงยามโมโห สั่งการให้เขาเดินไปข้างหน้า แล้วดึงลากแขนซั่งกวนหว่านออกไป
“เจ้าเสียสติไปแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปดึงสติเอง!”
ซั่งกวนหว่านสะบัดมือออก
“อย่ามาจับข้านะ! อีกอย่าง ข้ามีสติเต็มร้อย!”
ดวงตาของนางแดงก่ำพร้อมสภาพที่ไม่สู้ดีนัก นางจ้องเจียงอวี่เฉิงเขม็ง พร้อมยิ้มเยาะครั้งแล้วครั้งเล่า และในที่สุดนางก็พูดออกมาเบาๆ ว่า
“เจียงอวี่เฉิง เจ้ากำลังกลัวอันใดหรือ?”
“เจ้ากลัวที่โดนนางจับได้ว่าเจ้าเห็นนางเป็นตัวแทนของซั่งกวนเยว่ หรือเจ้ากลัวว่าคนอื่นๆ จะรู้ว่า ทั้งๆ ที่วันพรุ่งเจ้าต้องแต่งงานกับข้า แต่เจ้าลืมซั่งกวนเยว่ไม่ได้? หรือสิ่งที่เจ้ากลัวที่สุดก็คือ…กลัวว่าคนอื่นๆ จะรู้ว่าเจ้าแอบรักซั่งกวนเยว่มาเป็นสิบปี แต่สุดท้ายก็เป็นเจ้าที่…”
เพี๊ยะ!
เกิดเสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าดังสนั่น!
ซั่งกวนหว่านถูกตบจนเซและล้มลงกับพื้น ใบหน้าครึ่งซีกของนางกลายเป็นสีแดงและบวมอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของนางด้วย
เห็นได้ชัดว่าการตบครั้งนี้รุนแรงแค่ไหน!
เจียงอวี่เฉิงมองนางอย่างดูถูกเหยียดหยาม พร้อมสายตาฆ่าฟันที่ฉายชัดออกมาจากดวงตาของเขา
“ซั่งกวนหว่าน เจ้ามันบ้าไปแล้ว!”
ฉู่หลิวเยว่ยืนมองฉากนี้ด้วยท่าทีเฉยเมยอยู่ด้านข้าง ราวกับกำลังดูละครที่ไม่เกี่ยวข้องกับนางเลย
และเมื่อมองไปยังคนทั้งสองที่กำลังเผชิญหน้ากันอย่างบ้าคลั่ง พลันยกยิ้มมุมปาก พร้อมประกายเย็นชาที่ปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง
ช่างน่าขันสิ้นดี
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน กำลังเกิดขึ้นอีกครั้ง
ทว่าครั้งนี้ บทบาทของนักแสดงแต่ละคนได้เปลี่ยนไปแล้ว
และบัดนี้ ถึงคราที่ความเจ็บปวดทั้งกายและใจที่นางเคยได้รับในอดีต จักย้อนกลับไปทำร้ายพวกเขาบ้างแล้ว