ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 864 อย่าได้เอ่ยถาม
ตอนที่ 864 อย่าได้เอ่ยถาม
นางยังไม่ทันได้ทำอันใดด้วยซ้ำ แต่สองคนนี้ก็แตกหักกันเองเสียแล้ว
ความเจ็บปวดจากการถูกหักหลังอย่างเลือดเย็น ที่นางเคยได้รับในตอนนั้น บัดนี้ ถึงเวลาที่พวกเขาจะได้ลิ้มรสมันบ้างแล้ว
ฉู่หลิวเยว่ปัดปอยผมระแก้มไปทัดไว้หลังใบหู ราวกับว่านางกำลังจะดูละครเรื่องหนึ่ง
หากเป็นคนอื่น พวกเขาคงแทบอยากจะหนีออกไปทันทีที่เห็นฉากนี้
เพราะท้ายที่สุด สองคนที่กำลังฉะกันอยู่นั้น ก็เป็นถึงองค์หญิงสามผู้สูงศักดิ์ และอีกคนก็คือเจียงอวี่เฉิง ผู้มีอำนาจเหนือสามัญชนทั่วไป
ซึ่งใครก็ตามที่ยุ่งเกี่ยวกับสองคนนี้ ก็เกรงว่าจะมีแต่นำปัญหามากมายมาสู่ตัว
ยิ่งรู้มากก็ยิ่งอันตราย
ทว่าฉู่หลิวเยว่นั้นต่างออกไป
สองคนนี้เป็นศัตรูเก่าของนาง ฉะนั้น ไม่มีอันใดที่สามารถทำให้นางมีความสุข ได้มากกว่าการเห็นสองคนนี้ทะเลาะกันอีกแล้ว!
แล้วนางจักต้องกลัวอันใดอีก?
ที่ควรจะกลัวน่ะ เป็นสองคนนั้นต่างหากถึงจะถูก!
แรงตบครั้งที่สองของเจียงอวี่เฉิงทำเอาซั่งกวนหว่านตาพร่ามองเห็นดาวไปชั่วขณะ กลิ่นเลือดรุนแรงโชยออกมาระหว่างริมฝีปากและฟันของนางในทันที!
แต่คราวนี้นางดึงสติกลับมาได้แล้วเล็กน้อย
…ฉู่หลิวเยว่ยังยืนอยู่ด้านข้างไม่ไปไหน!
ถ้าเมื่อครู่นางพ่นความจริงทุกอย่างออกไปจริงๆ ล่ะก็… เกรงว่าผลที่ตามมาคงร้ายแรงกว่าที่คิดเสียอีก!
ซั่งกวนหว่านยกมือปิดหน้าของตน ในใจนางรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก ความเสียใจเอ่อล้นขึ้นในดวงตาของนาง
เจียงอวี่เฉิงมองนางอย่างเหยียดหยาม เขาล่ะอยากจะฆ่านางเสียจริง!
ซั่งกวนหว่านเป็นคนหุนหันพลันแล่น ประมาท เย่อหยิ่งและเอาแต่ใจตัวเองเสมอ แต่ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ทุกอย่างกลับแย่ลง และอารมณ์ของนางก็แย่ลงเรื่อยๆ เช่นกัน
เขาอดทนมาตลอด แต่ไม่คิดว่านางจะเสียสติได้ถึงเพียงนี้!
ถ้าเมื่อครู่เขาหยุดนางไว้ไม่ทันล่ะก็ นางคงโพนทะนาออกไปหมดแล้ว ว่าในอดีตพวกเขาทำอันใดลงไปบ้าง!
แม้ว่าเจียงอวี่เฉิงจะชอบพอในตัวฉู่หลิวเยว่เพียงใด แต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะบอกเรื่องนี้กับนาง!
มีคนจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับความลับนี้ หากพวกเขาไม่ระวัง พวกเขาทั้งหมดได้คอหลุดจากบ่าแน่นอน!
ทว่าซั่งกวนหว่านเกือบจะสารภาพเรื่องทั้งหมดนั้นออกไปแล้ว!
“ทหาร!”
เจียงอวี่เฉิงตะโกนเสียงแข็งกร้าว
ทันใดนั้นก็มีบุรุษสองคนพุ่งตัวออกมาจากเงามืด แล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่ง
“คารวะคุณชายใหญ่ขอรับ!”
“องค์หญิงสามหมดสติไปชั่วขณะ และจำต้องนอนพักฟื้น พวกเจ้ารีบไปเตรียมรถม้าให้เร็วที่สุด แล้วพาองค์หญิงสามกลับวังไปพร้อมกับข้า”
“ขอรับ!”
ทหารยามทั้งสองไม่กล้าพูดอันใดมาก พวกเขาเพียงทำตามคำสั่งของเจียงอวี่เฉิงเท่านั้น
เดิมทีซั่งกวนหว่านต้องการพูดอันใดบางอย่าง แต่เจียงอวี่เฉิงกลับคว้าข้อมือของนางไว้ แล้วดึงเธอขึ้นจากพื้น
นางถอยหลังออกไปนิดหน่อยเพราะความกลัว
สายตาของเจียงอวี่เฉิงในตอนนี้… มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน!
นอกจากนี้ เมื่อนางนึกถึงเรื่องที่เจียงอวี่เฉิงแอบรักซั่งกวนเยว่มานานนับสิบปี และปัจจุบันเขาก็ไม่เคยลืมความรู้สึกนั้น ในใจนางก็พลันรู้สึกขยะแขยงราวกลืนแมลงวันเข้าไปเสียอย่างนั้น!
“หว่านเออร์”
เจียงอวี่เฉิงออกแรงบีบข้อมือบางของนางที่ทำท่าจะสะบัดออก พลางใช้สายตาเตือนนางกลายๆ ทว่าน้ำเสียงของเขากลับฟังดูอ่อนโยนขัดกับการกระทำอย่างมาก
“หว่านเออร์ ดูเหมือนเจ้าจะไม่สบายนะ เช่นนั้นข้าจะพาเจ้ากลับไปพักผ่อนที่วังก็แล้วกัน”
ซั่งกวนหว่านรู้สึกเกลียดชังและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน ข้อมือของนางเจ็บจากการถูกพันธนาการ นางไม่กล้าอวดดีใส่เขาอีกแล้ว แถมยังไม่กล้าพูดอันใดสักคำ
พอเห็นแบบนั้น เจียงอวี่เฉิงถึงค่อยพอใจขึ้นมาหน่อย ก่อนจะหันไปมองฉู่หลิวเยว่
“ข้าทำให้เจ้าได้เห็นเรื่องน่าขันเสียแล้ว เอาเป็นว่าเรื่องในวันนี้… เจ้าก็คิดเสียว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นแล้วกัน”
เขาไม่อยากฆ่าปิดปากฉู่หลิวเยว่ โดยเฉพาะในตอนที่นางมีอสูรศักดิ์สิทธิ์และบัวระบำไว้ในครอบครองเช่นนี้ สถานะของนางยามนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ดั่งใจแล้ว
ฉู่หลิวเยว่แอบเสียดาย แต่ก็ยังคงพยักหน้าตอบรับอย่างรู้ทัน โดยไม่ได้พล่อยปากออกไปแต่อย่างใด และทำเพียงยกเท้าของตน แล้วจากไปโดยไม่ได้หันกลับไปมองข้างหลังอีก
และแม้จะเดินจากไปไกลแล้ว นางก็ไม่หันกลับไปมองเลยสักนิด
เมื่อร่างของฉู่หลิวเยว่หายไปจากครรลองสายตา เจียงอวี่เฉิงก็พลันตวัดตามองซั่งกวนหว่านอย่างเย็นชา
“เจ้าไปรู้อันใดมา?”
น้ำเสียงของเขาเย็นชาและไร้ความปรานี ราวกับกำลังสอบปากคำนักโทษ
ซั่งกวนหว่านสะดุ้งและหันหน้าหนี
“ขะ ข้าไม่รู้…อ๊ะ!”
เจียงอวี่เฉิงบีบข้อมือของนางอย่างแรงจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น ใบหน้าของซั่งกวนหว่านซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด!
“พูดมาเดี๋ยวนี้!”
“เจ็บ! ข้าเจ็บ! ข้ายอมบอกแล้ว!”
สุดท้ายซั่งกวนหว่านก็ทนความเจ็บปวดไม่ไหว และยอมกัดฟันบอกความจริงด้วยความอับอาย
“ข้าไปห้องทรงงานเจ้ามา!”
เจียงอวี่เฉิงกระจ่างในทันที สีหน้าของเขาดุดันขึ้นกว่าเดิมมาก
“เจ้าสัมผัสภาพวาดของข้าหรือ?”
ซั่งกวนหว่านไม่เคยได้ยินเขาพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงเช่นนี้มาก่อน ทว่าถึงนางจะรู้สึกผิดและไม่พอใจอย่างมาก แต่ลึกๆ แล้วก็ยังแอบกลัวเขาอยู่ดี
นางเริ่มร้องไห้
“ข้าจับมันแล้ว! ข้าเห็นภาพวาดของเจ้า! แต่แล้วมันอย่างใดเล่า? เจียงอวี่เฉิง ตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้ เจ้าก็รักเพียงซั่งกวนเยว่! เจ้าชอบพอนางมาเป็นสิบปี แล้วเจ้าเอาข้าไปไว้ที่ไหน!?”
เจียงอวี่เฉิงมองนางด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“มันไม่มีประโยชน์ที่จะพูดเรื่องพวกนี้ แต่เพื่องานอภิเษกสมรสในวันพรุ่ง ครั้งนี้ข้าจะไม่เอาเรื่องเจ้า แต่อย่าให้ข้ารู้ว่าเจ้าทำเช่นนั้นอีก อีกประเดี๋ยวข้าจะส่งเจ้ากลับวัง ส่วนเจ้าก็เตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้ให้ดี อย่าได้ผิดพลาดเป็นอันขาด! ส่วนเรื่องในวันนี้ทั้งหมด… เจ้าอย่าพูดถึงมันอีกจะดีที่สุด!”
ซั่งกวนหว่านยิ้มเยาะอย่างทุกข์ระทม
“เจียงอวี่เฉิง ข้าเป็นอันใดสำหรับเจ้าอย่างนั้นหรือ? ถ้าเจ้าชอบนางขนาดนั้น แล้วเหตุใดเจ้าถึงขอให้ข้าจัดการนางล่ะ? อย่าลืมสิว่าเจ้านั่นแหละ ที่เป็นคนผลักนางไปสู่ทางตัน!”
ทันใดนั้น เจียงอวี่เฉิงก็พุ่งตัวเข้ามาประชิดนาง แล้วบีบคางนางแน่น พลางพูดเน้นทีละคำ
“ข้าเป็นคนทำเรื่องเหล่านั้นเอง เจ้าไม่ต้องมาย้ำข้านักหรอก! และถ้าเจ้ายืนยันจะเอาคำตอบ ข้าก็จะสนองให้ เมื่อก่อนข้าชอบเปรียบเทียบเจ้ากับนางตลอด หากข้าฆ่านางได้ ก็ฆ่าเจ้าได้เช่นกัน เข้าใจหรือไม่?”
พูดจบเขาก็สะบัดหน้าของซั่งกวนหว่านไปอีกทางอย่างแรง
ซั่งกวนหว่านก้มหน้าลงต่ำ พร้อมความเกลียดที่เริ่มพลุ่งพล่านขึ้นมาในใจนาง!
แต่สุดท้ายนางก็ยังตอบไปว่า
“ข้าเข้าใจแล้ว”
“งานอภิเษกสมรสในวันพรุ่งนี้ จักเป็นไปตามที่เจ้าต้องการทุกอย่าง”
…
ราชวงศ์เทียนลิ่ง รัชศกหยวนปีที่สี่สิบเอ็ด วันที่หก เดือนมิถุนายน
องค์หญิงลำดับสาม ซั่งกวนหว่าน ได้อภิเษกสมรสกับบุตรชายคนโตของใต้เท้าเจียงลี่จั่ว ผู้มีนามว่า เจียงอวี่เฉิง!