ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 882 เช่นนั้นต้องเผชิญหน้ากันแล้ว
ตอนที่ 882 เช่นนั้นต้องเผชิญหน้ากันแล้ว
เสียงดังลั่นราวกับฟ้าถล่ม! ทำเอาทุกคนตกใจอย่างมาก!
บนฉินหางเฟิ่งหลังนั้นมีตัวอักษรเลือดซ่อนอยู่ และคาดไม่ถึงว่าจะเป็นคำว่า “เจียง”?!
แต่ไม่ว่าใครก็ตามที่มีสมองล้วนสามารถเดาได้ทั้งนั้น ว่าที่องค์หญิงใหญ่ใช้วิธีการที่ซับซ้อนเพื่อฝากรหัสลับเอาไว้ที่หลังฉินหลังนี้ มันจะต้องเป็นข้อบ่งชี้อันใดบางอย่างแน่นอน!
ค่ายกลกักขังมังกร…
อักษรเลือด…
เจียง…
เมื่อนำมารวมกันแล้ว นั่นก็หมายความว่าคนที่ทำร้ายนางก็คือเจียงอวี่เฉิงไม่ใช่หรือ?!
ที่ด้านหน้าตำหนักหลางคุน เกิดความเงียบขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง!
เสียงคำรามดังก้องขึ้นมาในหูของเขา
คำถามของเจี่ยนชูเย่ เหมือนกับหมัดหนักๆ ที่กระแทกเข้าที่ใบหน้าของเขา จนเขาไม่ทันได้ตั้งตัว
ตอนแรกเขาคิดว่าเขาสามารถจัดการเรื่องราวได้เรียบเนียนราวกับภูษาไร้ตะเข็บ ไม่มีใครหาเบาะแสได้พบอย่างแน่นอน
แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ซั่งกวนเยว่จะทิ้งหลักฐานเอาไว้แบบนี้!
คาดไม่ถึงว่าบนฉินหางเฟิ่งหลังนี้จะทิ้งความลับที่น่าตกตะลึงซ่อนอยู่!
ทุกสายตาของผู้คนที่อยู่รอบข้างได้หันมาจับจ้องเขา
สงสัย ตกตะลึง โมโห…
สายตาทุกอารมณ์แผดเผาล้อมรอบตัวของเจียงอวี่เฉิงเอาไว้! เหมือนว่าร่างทั้งร่างของเขาจะมีไฟลุกท่วมขึ้นมาแล้ว!
ความรู้สึกอันตรายที่เขาไม่เคยประสบมาก่อน!
เจียงอวี่เฉิงไม่เคยรู้สึกถึงช่วงเวลาที่ว่านี้เลย มันช่างน่าอับอายอย่างมาก!
เขาพยายามสงบสติอารมณ์ลง และพยายามควบคุมเสียงตัวเองให้สงบนิ่งมากที่สุดด้วย
“แค่คำว่า “เจียง” หนึ่งคำ ไม่สามารถอธิบายอันใดได้ อย่าว่าแต่ราชวงศ์เทียนลิ่งนี้เลย แค่เมืองซีหลิงแห่งนี้แห่งเดียว ก็มีคนแซ่เจียงจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนแล้วเหตุใดพวกเจ้าถึงต้องคิดว่าเป็นข้าด้วยเล่า? หากแค่คำนี้ ไม่ได้หมายถึงชื่อหรือสกุลล่ะ แต่อาจจะมีความหมายอื่นแฝงอยู่ก็ได้?”
เจี่ยนชูเย่กลับหัวเราะเสียงดัง
“เจียงอวี่เฉิง เจ้าไม่ต้องแกล้งโง่ คนแซ่เจียงมีไม่น้อยก็จริง แต่คนที่สามารถทำให้องค์หญิงใหญ่จำได้ขึ้นใจนั้น เกรงว่าจะมีไม่กี่คนละมั้ง? หากไม่ได้โดนบังคับให้ถูกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง องค์หญิงใหญ่ไม่มีทางทิ้งรหัสลับเอาไว้เช่นนี้แน่นอน ซึ่งนั่นก็เป็นไปได้อย่างมากว่า เรื่องราวทั้งหมดจะต้องเกิดในเรือนฉิน! และเจ้า…เป็นคนที่ติดตามนางไปที่เรือนฉินบ่อยที่สุดไม่ใช่หรือ? ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว หรือเจ้าจะบอกว่าเจ้าไม่รู้อันใดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย?”
ดวงตาของเจียงอวี่เฉิงสั่นไหว
“สิ่งที่เจ้าสำนักเจี่ยนพูดนั้นใช่ว่าจะไม่มีมูล แต่ว่าข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน ในปีนั้นข้ากับองค์หญิงใหญ่ต่างมีใจให้กัน และกำลังจะแต่งงานกัน มีเหตุผลใดที่ข้าจะต้องทำร้ายนาง?”
“เรื่องนี้เจ้าต้องถามตัวเองแล้ว!”
อวี้ฉือซงพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก่อนจะพูดอย่างไม่รีบไม่ร้อนว่า
“สิ่งที่เจ้าเรียกว่าใจตรงกัน…แต่เวลาไม่ถึงสองปีที่องค์หญิงใหญ่จากไป เจ้ากลับดูใจกับองค์หญิงสามแล้ว ไหนยังจะจัดงานมหามงคลเช่นนี้อีก?”
“พูดได้ถูกต้อง!”
อวี้ฉือซงเพิ่งพูดจบ เสียงอันทรงพลังที่อยู่ด้านข้างก็ขานรับต่อทันที
เมิ่งจิงจื่อเองก็ไม่พอใจกับงานมงคลสมรสในครั้งนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว!
“อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่ต้องการแต่งงานกับองค์หญิงใหญ่อยู่แล้ว อย่างน้อยเจ้าก็แสดงท่าทีออกมาหน่อยเถิด? หลังจากจัดงานศพขององค์หญิงใหญ่เสร็จ เจ้าก็มาอยู่กับองค์หญิงสาม แล้วยังมีหน้ามาบอกว่า “ใจตรงกัน” ? หึ ถ้าเจ้าอยู่ที่ชายแดนตะวันตก เจ้าจะถูกมองว่าเป็นผู้ชายได้อย่างใด แม้แต่ผู้หญิงยังจะดูแคลนเจ้าเลยเช่นนี้”
ที่เจียงอวี่เฉิงและซั่งกวนหว่านรักใคร่กันนั้น ตามความสัมพันธ์แล้วเป็นเรื่องหลอกลวง แต่ตามฐานะแล้วเป็นเรื่องจริง!
หากซั่งกวนหว่านไม่ได้มีตำแหน่งนี้ เจียงอวี่เฉิงจะเหลือบสายตามองนางได้อย่างใด?
แม้ว่าเมิ่งจิงจื่อจะประจำการอยู่ที่ชายแดนตะวันตกมาหลายปี และไม่ค่อยได้กลับซีหลิง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้เรื่องอันใดเกี่ยวกับซีหลิงเลย
เขาเป็นนายพลที่ยอดเยี่ยม และเป็นคนที่มีสายตากว้างไกล ไม่เช่นนั้นไม่สามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้มาได้กว่าสิบปีหรอก!
ในตอนนั้น มู่ชิงเห่อที่ยกทัพปราบกบฏที่แดนภังคะ ก็ยังไม่สามารถมาแทนตำแหน่งของเขาได้เลย
ความสามารถของเขานั้นเป็นที่ประจักษ์!
สีหน้าของเจียงอวี่เฉิงมืดครึ้มไปทันที
ตอนที่ซั่งกวนหว่านได้ยินเรื่องของฉินหางเฟิ่ง ในใจของนางก็เต็มไปด้วยความกังวลระคนตกใจ แต่วินาทีต่อมาเมื่อนางได้ยินว่าถูกดึงเข้าไปด่าด้วยนั้น ใบหน้าของนางก็ซีดเผือดเพราะความโมโหทันที
แต่เมื่อมองไปที่ใบหน้าของเมิ่งจิงจื่อ นางก็ต้องกลืนคำพูดที่น่าเกลียดเหล่านั้นลงคอไปทันที ชายผู้นี้น่ากลัวอย่างมาก
เรื่องวุ่นวายของวันนี้มากพออยู่แล้ว หากยั่วยุเมิ่งจิงจื่ออีก จะกลายเป็นการราดน้ำมันบนกองเพลิงเสียเปล่าๆ
เจียงอวี่เฉิงก็ยืนนิ่งไม่ไหวติง ก็พูดขึ้นมาเสียงเรียบว่า
“มันไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ข้าแต่งงานกับหว่านเออร์ แม้ว่าการตายขององค์หญิงใหญ่นั้นจะมีเงื่อนงำ
จริงๆ แต่มันก็เป็นเพียงแค่รอยอักษรเลือดเท่านั้น ทุกท่านคงจะไม่ยัดเยียดคำว่าฆาตกรใส่ข้าหรอกใช่หรือไม่?”
เขาตั้งใจจะกัดไม่ปล่อย!
อักษรเลือดตัวนั้นเขียนว่า “เจียง” นั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และในตอนนั้นเขาก็เป็นคนสนิทขององค์หญิงใหญ่ก็เป็นเรื่องจริง!
ไม่ว่าใครก็ตามที่มองเรื่องนี้ ก็ย่อมคิดเช่นนี้ทั้งนั้น
แต่ขอเพียงแค่พวกเขาไม่มีหลักฐานชิ้นอื่นอีก เขาก็ยังมีโอกาสรอดอยู่!
“ถูกต้อง พูดปากเปล่า พวกเจ้ากำลังจะกล่าวหาเจียงอวี่เฉิงอย่างไม่ถูกต้อง คนตระกูลเจียงของพวกเราไม่มีทางทำเรื่องเช่นนั้นอย่างแน่นอน”
เจียงลี่่จั่วยืนขึ้นมา พร้อมตะโกนขึ้นเสียงดัง
“ข้าจะขอดูสิว่าใครกันมันจะกล้าลากตระกูลเจียงของพวกเราลงน้ำ! แล้วยังสาดน้ำเน่าใส่ตัวลูกชายของข้าอีก!”
ท้ายที่สุดแล้วเจียงลี่่จั่วที่เป็นราชครู ฐานะสูงส่ง เมื่อรวมกับเจียงอวี่เฉิงที่ตอนนี้ได้แต่งงานกับองค์หญิงสามแล้ว ถือว่าตอนนี้ฐานะของตระกูลเจียงก็สูงขึ้นมาอีกขั้นแล้ว
คนทั่วไปไม่สามารถล่วงเกินตระกูลเจียงได้จริงๆ
แต่อย่างใดก็ตามอวี้ฉือซงกลับหัวเราะออกมาหนึ่งครั้ง
“น้ำเน่าที่ว่านี้เป็นของใครกันแน่ เดี๋ยวทุกคนก็จะได้รู้ ในเมื่อเจ้าต้องการหลักฐาน…เช่นนั้น ก็ต้องมอบหน้าที่ให้พวกเขาแล้ว!”
เจียงอวี่เฉิงขมวดคิ้วแน่นขึ้น
เมื่อเห็นท่าทางแน่วแน่ของอวี้ฉือซงแล้ว หรือว่าเขาจะมีหลักฐานจริงๆ
อวี้ฉือซงจ้องมองมาที่เขาแล้วพูดขึ้นอย่างช้าๆ ว่า
“ข้าเป็นคนมององค์หญิงใหญ่เติบโตขึ้นมา องค์หญิงใหญ่เองก็นับถือข้าชายชราผู้นี้ในฐานะอาจารย์ หลังจากที่องค์หญิงใหญ่เกิดเรื่องขึ้นแล้ว สำนักชงซูเก๋อของข้าก็ถูกโจมตี จนศิษย์และอาจารย์ค่อยๆ หายไปทีละคน จนกระทั่งในตอนนี้ยอดเขาของข้าก็แทบจะเหลือทนแล้ว”
“อีกทั้งสาเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้ ความจริงแล้วข้าไม่ได้อยากสืบหาสาเหตุการตายขององค์หญิงใหญ่เท่านั้น”
สีหน้าของอวี้ฉือซงเหมือนจะเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้พื้นที่โดยรอบเหมือนจะถูกแช่แข็งไป
“ไม่เพียงแต่สำนักชงซูเก๋ออย่างเดียวเท่านั้น สองปีที่ผ่านมานี้ คนที่ต้องการสืบค้นเรื่องการตายขององค์หญิงใหญ่ก็มีจำนวนไม่น้อย แต่คนเหล่านั้น ไม่ตายก็บาดเจ็บ บางคนก็ต้องหายตัวไปอย่างเงียบๆ และไม่ปรากฏตัวขึ้นมาอีกเลย เหมือนว่ามีใครบางคนตั้งใจจะปิดบังอันใดบางอย่าง ทุกท่านเองก็น่าจะมีชื่อที่อยู่ในใจแล้ว คนที่ไม่อยากเปิดเผยเรื่องในปีนั้นมากที่สุด ย่อมมีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะเป็นผู้ร้าย!”
บางคนลอบพยักหน้าเห็นด้วย
แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ต้องพูดออกมา แต่คนบางคนก็มีชื่ออยู่ในใจแล้ว
แต่เจียงลี่่จั่วกลับหัวเราะออกมา
“เหตุใดหรือ อวี้ฉือซง นี่เจ้าหมายความว่าคนที่ลงมือทำลายสำนักชงซูเก๋อนั้น คือลูกชายของข้าหรืออย่างใด?”
เจียงอวี่เฉิงขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีก
“เจ้าสำนักอวี้ฉือ ก่อนหน้านี้ข้าเคยส่งฉีต้าเหอไปให้ท่านด้วยตนเองแล้วอย่างใด เขาใช้ทรายรวมศูนย์โจมตีสำนักชงซูเก๋อเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่เรื่องนี้ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลย…”
“ใช่หรือว่าไม่ใช่ ให้เขามาที่นี่ เผชิญหน้าก็สามารถรู้ได้แล้วไม่ใช่หรือ?”
อวี้ฉือซงพูดเสียงเรียบ
เจียงอวี่เฉิงมีท่าทีตื่นตระหนกอย่างมาก จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า
“ท่านก็รู้ไม่ใช่หรือว่าฉีต้าเหอเสียสติไปแล้ว แล้วจะให้ออกมาเผชิญหน้ากันได้อย่างใด?”
“อ่า เจ้าพูดถึงเรื่องนั้นหรือ?”
ทันใดนั้นอวี้ฉือซงก็หัวเราะออกมา
“ข้ารักษาเขาจนหายดีแล้ว!”