ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 884 หมัดแล้วหมัดเล่า
ตอนที่ 884 หมัดแล้วหมัดเล่า
อวี้ฉือซงกดดันอย่างหนัก คำถามเหล่านี้เกือบจะทำให้เจียงอวี่เฉิงหยุดหายใจ!
เดิมทีเขาคิดว่าหลังจากที่ฉีต้าเหอไปถึงสำนักชงซูเก๋อไม่นานก็จะตายแล้ว ต่อให้เขาไม่ตายเอง สำนักชงซูเก๋อก็จะต้องฆ่าเขาให้ตายเพราะความเกลียดชังอย่างแน่นอน
ต่อให้อวี้ฉือซงยังสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ เขาก็ไม่มีทางฟื้นฝอยหาตะเข็บได้อีกแล้ว และเรื่องนี้ก็จะได้จบไปแบบนี้!
แต่เขาก็นึกไม่ถึงเลยว่าอวี้ฉือซงจะไม่เพียงไม่ฆ่าฉีต้าเหอ แต่กลับช่วยชีวิตของเขากลับมาด้วย!
แต่เมื่อคิดไปคิดมาแล้ว เขากลับสร้างปัญหาให้ตัวเองแล้ว!
เจียงอวี่เฉิงรู้สึกเสียใจอย่างมาก หากรู้ว่ามันจะเป็นเช่นนี้ เขาจะไม่ทำมันตั้งแต่แรก!
ต่อให้ปล่อยอวี้ฉือซงสงสัยไปตลอดชีวิต พวกเขาก็ไม่สามารถหาหลักฐานอันใดมาได้ และมันจะไร้ประโยชน์ทั้งหมด
ถ้าตอนนั้นเขาคิดให้รอบคอบอีกสักหน่อย เขาก็ไม่มีวันขุดหลุมดักตัวเองอย่างนี้แน่นอน
ตอนนี้ระยะเวลาของฉีต้าเหอที่โดนแรงสะท้อนกลับของทรายรวมศูนย์ไม่ตรงกัน และนั่นกลายเป็นหลักฐานที่ดีที่สุดในการมัดตัวเขา!
เจียงอวี่เฉิงเข้าใจดี ถ้าเรื่องนี้เขาไม่สามารถอธิบายเหตุผลที่มันสมเหตุสมผลขึ้นมาได้ หลังจากนี้ต่อไป เขาจะต้องคลุกตัวกับมลทินเหล่านี้แน่นอน!
“เจ้าสำนักอวี้ฉือ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่านี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ ฉีต้าเหอเคยเป็นลูกน้องใต้บังคับบัญชาของข้าจริง แต่หลังจากกลับมาจากชายแดนใต้แล้ว ข้าก็เลิกจ้างพวกเขาแล้ว เดิมทีข้าไม่จำเป็นต้องไปตามหาเขาเลย เวลาผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ไม่มีใครรู้เลยว่าพวกเขาทำอันใดอยู่ และไปติดตามใครอีกบ้าง ไม่แน่ว่าตอนนี้เขาอาจจะเปลี่ยนหัวหน้าไปแล้วก็ได้ จากนั้นก็มาโจมตีที่ข้าโดยเฉพาะ!”
เจียงอวี่เฉิงกัดฟันกรอด เขาบอกได้เพียงว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย
“ยังมีอีกเรื่องบางเรื่อง บางทีอาจจะมีคนจำนวนน้อยที่จำได้ ก่อนหน้านี้ที่ข้าเคยโดนคนลอบทำร้ายในจวน อีกทั้งยังได้รับบาดเจ็บ ด้วยเหตุนี้ข้าจึงส่งคนสืบที่อยู่ของไอ้สารเลวนั้นอยู่ตลอดเวลา และบังเอิญมากที่ได้พบว่า คนผู้นั้นคือสหายที่สนิทชิดเชื้อของฉีต้าเหอ!”
“ขอพูดอย่างไม่ปิดบังนะขอรับ คนผู้นั้นมีชื่อว่าเซี่ยมู่ เป็นพี่น้องร่วมสาบานของฉีต้าเหอ หลังจากที่แยกย้ายกันไปในปีนั้นแล้ว พวกเขาทั้งสองคนก็ไม่มีญาติสนิทที่อื่นอีก ดังนั้นพวกเขาจึงกลายมาเป็นเพื่อนบ้านกัน ดูแลซึ่งกันและกัน มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เซี่ยมู่คนนั้นสามารถลอบสังหารข้าได้ แล้วจะรับประกันได้อย่างใดว่าฉีต้าเหอจะไม่ได้มีเป้าหมายเช่นเดียวกัน?”
แม้ว่าคำอธิบายของเจียงอวี่เฉิงจะเบาบางไปเสียหน่อย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถเชื่อได้ทั้งหมด
ท้ายที่สุดแล้วเรื่องที่จวนตระกูลเจียงมีคนลอบเข้ามาสังหารนั้น เป็นเรื่องที่ดังมากในหมู่คณบดีและผู้มีอำนาจ
ถ้าหากจะบอกว่าเป็นเพียงละคร การแสดงของเขาก็สมบูรณ์เกินไปแล้ว…
“ข้าควบคุมกักขังตัวฉีต้าเหอในระยะเวลาหนึ่งจริง แต่ตอนแรกข้ากักขังตัวเขาเพื่อสอบสวนเรื่องเซี่ยมู่ แต่ใครจะรู้เล่าว่า หลังจากนั้นข้าก็ได้พบรอยบาดแผลของการสะท้อนกลับของทรายรวมศูนย์เข้า ข้าจึงคิดว่าเขาเป็นคนที่เจ้าสำนักอวี้ฉือตามหา หลังจากสอบปากคำเรียบร้อยแล้ว ข้าก็ได้ส่งตัวของเขาไปให้ท่าน ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้น ข้าไม่รู้เรื่องจริงๆ “
เมื่อเจียงอวี่เฉิงพูดจบ ก็พุ่งเข้าไปจับมืออวี้ฉือซง
“พูดไปแล้วก็นับว่าเป็นความประมาทของข้าเอง ยังหวังว่าเจ้าสำนักอวี้ฉือจะไม่กล่าวโทษกัน แต่ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าจริงๆ ในตอนนั้นผู้แข็งแกร่งในสำนักชงซูเก๋อก็มีมากมาย ข้าจะมีปัญญาฆ่าทุกคนในคืนเดียวได้อย่างใด? เจ้าสำนักอวี้ฉือ ท่านประเมินค่าข้าสูงเกินไปแล้ว”
เมื่อได้ยินเจียงอวี่เฉิงพูดเช่นนั้น ทุกคนก็แสดงสีหน้าแปลกประหลาดขึ้นมา
สายตาของคนจำนวนไม่น้อยเกิดความวูบไหวขึ้นทันที
ฉู่หลิวเยว่ที่ยืนอยู่ด้านข้างก็อดหัวเราะเสียงเย็นขึ้นมาไม่ได้
เจียงอวี่เฉิงนี่เป็นคนที่พูดเก่งมาตลอดเลยนะ
กลับดำเป็นขาว พูดเรื่องที่ผิดให้กลายเป็นถูกต้อง
เมื่อครู่อวี้ฉือซงได้แสดงหลักฐานออกมาอย่างชัดเจนจนแทบจะไม่สามารถมีอันใดมาหักล้างได้แล้ว
คาดไม่ถึงว่าเขาจะพลิกสถานการณ์ให้ตัวเองได้โดยอาศัยฝีปากจัดจ้าน
นางประเมินอีกฝ่ายต่ำไปจริงๆ
“คุณชายใหญ่เจียง”
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็เปล่งเสียงขึ้น
“หากคิดตามที่ท่านพูดแล้ว คำว่า “เจียง” ที่อยู่หลังฉินหางเฟิ่งนี้ก็ไม่มีความหมายเกี่ยวข้องกับท่านเลย ทรายรวมศูนย์ก็เช่นกัน ถูกต้องหรือไม่?”
สีหน้าของเจียงอวี่เฉิงราบเรียบ ท่าทางตรงไปตรงมา
“ถูกต้อง ในปีนั้นข้ากำลังจะแต่งงานกับองค์หญิงใหญ่แล้ว เหตุใดข้าถึงต้องทำเรื่องเช่นนั้นด้วย?”
ทุกคนมองหน้ากันไปมา
ความจริงแล้วนี่เป็นเรื่องนี่เขาประหลาดใจมากที่สุดแล้ว
สถานะของเจียงอวี่เฉิงในตอนนั้นย่อมสูงมาก เมื่อเทียบกับเหล่าองค์หญิงแล้วก็นับว่าสูงกว่าแน่นอน
สำหรับเขาแล้วเรื่องงานแต่งงานนี้ล้วนเป็นเรื่องที่ดี ไม่มีข้อเสีย
สำหรับคนทั่วไปแล้ว เขาไม่น่าจะทำลายความสุขและอนาคตของตนเองไปเช่นนั้น
ต้องบอกก่อนว่าในปีนั้นมีชายหนุ่มรูปงามมากมายที่ต้องการโอกาสนั้น แต่ว่าก็ไม่สามารถทำได้
เนื่องจากเจียงอวี่เฉิงได้มีการหมั้นหมายกับองค์หญิงใหญ่เป็นเวลานานมากแล้ว ดังนั้นคนที่อยู่ในเมืองซีหลิงล้วนอิจฉาริษยาเขาเป็นอย่างมาก
และในตอนนั้นเหมือนว่าเขาจะสนใจองค์หญิงใหญ่ด้วยใจจริง แน่นอนว่าเขาต้องไม่มีเหตุผลที่จะทำเช่นนี้อยู่แล้ว
ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างใดอยู่ ขอเพียงแค่งานแต่งงานขององค์หญิงใหญ่สำเร็จลุล่วง แบบนั้นมันจะไม่สมเหตุสมผลกว่าหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้นเหตุใดต้องใช้สมองเพื่อฆ่าองค์หญิงใหญ่แล้วขุดรากถอนโคนของอีกฝ่ายด้วย!
ท้ายที่สุดแล้วเขาต้องเปลี่ยนมาแต่งงานกับองค์หญิงสามแทน
เมื่อเทียบกับองค์หญิงใหญ่แล้ว ฐานะยังห่างชั้นอีกมาก
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างใช้ความคิด ราวกับว่าประทับใจในคำพูดของเขาเช่นกัน
“ที่พูดมานั้นก็ถูก…ได้ยินว่าตอนนั้นองค์หญิงใหญ่ปฏิบัติต่อท่านอย่างดี อีกทั้งมันก็เป็นเรื่องยาก
มากว่าท่านจะได้รับความโปรดปรานจากองค์หญิงใหญ่ เดิมทีเรื่องทั้งหมดน่าจะเป็นไปอย่างราบรื่น…ท่านก็คงไม่มีเหตุผลอันใดที่จะหักหลังนางใช่หรือไม่?”
นางค่อยๆ พูดอย่างช้าๆ ราวกับว่ากำลังแถลงการณ์ แต่ก็ยังมีท่าทางมึนงงด้วยเล็กน้อยเช่นกัน
ไม่รู้ว่าเหตุใด เมื่อเจียงอวี่เฉิงมองหน้าของฉู่หลิวเยว่เช่นนี้แล้ว เขารู้สึกตื่นตระหนกอย่างมาก
คำพูดของนางนั้น เหมือนว่าจะมีความหมายแฝงบางอย่าง…
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็ยิ้มขึ้นมา ใบหน้าที่งดงามปิดบังความอยากรู้อยากเห็นและประชดประชันเอาไว้ไม่มิด
เจียงอวี่เฉิงมองไปที่รอยยิ้มของนางแล้วรู้สึกมึนงงเล็กน้อย
แววตาสีดำขลับเหมือนหยก ราวกับมีแสงสว่างวาบ และเหมือนปลายดาบที่คมกริบจะพุ่งเข้ามาแทงร่างของเขา!
“ในเมื่อคุณชายใหญ่เจียงรักใคร่องค์หญิงใหญ่ด้วยความลึกซึ้ง แล้วเหตุใดในปีนั้นถึงต้องร่วมมือกับซย่าโหวหรงในการปลอมแปลงเอกสารบีบเสือให้ออกจากถ้ำ โดยการหลอกลวงให้สิบสามผู้พิทักษ์เยว่
ออกจากซีหลิงด้วยเล่า?”
คำพูดนี้ ฉู่หลิวเยว่พูดได้อย่างฉะฉานชัดเจน!
ในตอนนั้นเองทุกคนในสถานที่นั้นแทบจะหยุดชะงักไป
สิบสามผู้พิทักษ์เยว่?
ในปีนั้นเป็นพวกเขาไม่ใช่หรือที่หักหลังองค์หญิงใหญ่?
ด้วยเหตุนี้เจียงอวี่เฉิงจึงต้องออกคำสั่งจับตายกับพวกเขา จนถึงวันนี้คำสั่งนั้นก็ยังไม่ถูกยกเลิกไปเลย
แต่คำพูดของฉู่หลิวเยว่ที่พูดว่า “ปลอมแปลงเอกสาร บีบเสือให้ออกจากถ้ำ” นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?
ทุกคนหันไปมองเจียงอวี่เฉิง แม้กระทั่งซย่าโหวหรงที่ยืนอยู่ในกลุ่มคนก็กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนทันที!
ซย่าโหวหรงคิดไม่ถึงเลยว่าฉู่หลิวเยว่จะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา พร้อมเปิดโปงเรื่องราวในปีนั้นออกมาจนหมดจด ตัวของเขานิ่งค้าง ใบหน้าซีดขาว
เขาโต้เถียงออกมาแทบจะทันที
“ฉู่หลิวเยว่! เจ้าพูดบ้าอันใดของเจ้าน่ะ!”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะออกมาเบาๆ
“ข้าพูดความจริงเท่านั้นเอง”
“เจ้า! บังอาจ! เจ้าอย่าคิดว่ามีสำนักชงซูเก๋อคอยสนับสนุนแล้ว เจ้าจะกำเริบเสิบสานอย่างใดก็ได้นะ! หากสิ่งที่เจ้าพูดมาในวันนี้ไม่มีหลักฐาน ก็อย่าหาว่าข้า…”
เขาพูดยังไม่ทันจบ ฉู่หลิวเยว่ก็สะบัดแขนเสื้อเบาๆ
จดหมายลับฉบับหนึ่งก็ปรากฏขึ้นแก่สายตาของทุกคน
“ด้านในนั้น คือพระราชกฤษฎีกาที่ใต้เท้าซย่าโหวเขียนขึ้นมาด้วยตนเอง ใต้เท้าซย่าโหวจะลองดูหน่อยดีหรือไม่?”
————————————————————–