ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 886 ไม่ต้องกังวล
ตอนที่ 886 ไม่ต้องกังวล
หินก้อนเดียวสร้างคลื่นนับพัน!
หากจะบอกว่าข้อพิพาททั้งหมดก่อนหน้านี้เป็นเพียงคลื่นใต้น้ำ ถ้าเช่นนั้นการปรากฏตัวของซั่งกวนโหยวก็ได้สร้างพายุขึ้นในใจของทุกคนแล้ว!
ภายในราชวงศ์เทียนลิ่งไม่มีใครไม่รู้ว่าองค์จักรพรรดิกำลังสลบไสลอยู่ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานกว่าสองปีก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา!
คนจำนวนมากได้คาดเดาไปต่างๆ นานา ว่าเขาอาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลยตลอดกาล
แต่คิดไม่ถึงว่าเขาไม่เพียงฟื้นขึ้นมา อีกทั้งยังปรากฏกายขึ้นมาในช่วงเวลานี้อีกด้วย!
เมื่อฉู่หลิวเยว่ได้ยินดังนั้น หัวใจก็กระตุกวูบ พร้อมเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่ทันรู้ตัว
แม้ว่านางจะสามารถคาดเดาได้อยู่แล้วว่าเสด็จพ่อจะมาปรากฏกายในวันนี้ แต่… เมื่อได้เห็นเขามายืนอยู่ตรงนี้ด้วยตาของตนเอง นางก็ไม่สามารถระงับความตื่นเต้นและดีใจของตัวเองได้เลย
เมื่อได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ภายในสมองของนางก็ขาวโพลนขึ้นทันที
ทุกสิ่งที่อยู่รอบข้างเหมือนว่าจะพร่าเบลอไป มีเพียงคนคนเดียวเท่านั้นที่ครอบครองการมองเห็นของนางอยู่
ฉู่หลิวเยว่อ้าปากค้าง แต่กลับไม่สามารถเปล่งเสียงใดๆ ออกมาได้ เหลือเพียงความคิดถึงและห่วงหารวมกันอยู่เต็มหัวใจ!
ในที่สุด…
ในที่สุดก็ได้เจอกันแล้ว!
ตอนแรกนางคิดว่าตนเองสิ้นไร้ไม้ตอก ซ้ำเสด็จพ่อก็ยังถูกพวกเขาควบคุมตัวเอาไว้ จนสุดท้ายนางจึงต้องเลือกที่จะจุดไฟเผาตนเอง
หลังจากกลับมาเกิดใหม่แล้ว นางก็ได้รับรู้ว่าเสด็จพ่อของนางยังไม่ตาย เพียงแต่สลบไสลไปเท่านั้น
แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดเจียงอวี่เฉิงและซั่งกวนหว่านถึงไม่ยอมลงมือสังหารเสด็จพ่อ แต่ต่อมานางก็ได้ลองพยายามปลุกเสด็จพ่อให้ฟื้นขึ้นมา แต่สำหรับฉู่หลิวเยว่ นี่เป็นเพียงความโชคดีเท่านั้น
เพราะเหตุนี้นางจึงได้แต่อดทน ไม่รู้ว่านางจะอดหลับอดนอนมากี่คืน ในที่สุดถึงได้มีวันนี้!
ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนเงียบกริบไป
แม้กระทั่งอวี้ฉือซงและคนอื่นๆ ก็คิดไม่ถึงว่าซั่งกวนโหยวจะปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทุกคนจึงมีสีหน้าตื่นตะลึงและยืนอยู่ที่เดิม
ส่วนคนที่ได้สติเร็วที่สุดนั้นคือ ซย่าโหวหรง
อาจจะเป็นเพราะคำสาบานเมื่อก่อนหน้านี้หรือเพราะว่าเขาถูกเรียกชื่อก็ตาม ดังนั้นเขาจึงได้สติขึ้นมาก่อนใครเพื่อน
เขาเงยหน้ามองชายเหนือหัวด้วยสายตาเหม่อลอย ริมฝีปากสั่นระริก
“ฝ่า…ฝ่าบาท? พระองค์…พระองค์ฟื้นแล้ว?”
คำพูดหนึ่งประโยคที่เปล่งออกมา ทำให้สามารถเรียกสติทุกคนได้
ซั่งกวนโหยวเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ก่อนจะหลับตาลงแล้วถอนหายใจออกมา
“ใช่! ข้าตื่นแล้ว! เหตุใดหรือ ใต้เท้าซย่าโหวผิดหวังหรืออย่างใด?”
“หม่อมฉันไม่กล้า!”
ซย่าโหวหรงรีบคุกเข่าลงพื้นเสียงดังตุ๊บ
“ฝ่าบาทฟื้นแล้ว หม่อมฉันย่อมต้องมีความสุข จะผิดหวังได้อย่างใดเล่าพ่ะย่ะค่ะ!”
การแสดงออกของเจียงอวี่เฉิงก็สมบูรณ์แบบเช่นกัน เขาคุกเข่าพร้อมทำความเคารพและกล่าวว่า
“ขอแสดงความยินดีกับฝ่าบาท! ขอฝ่าบาทจงทรงพระเจริญ!”
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ ทำให้ทุกคนทำตามอย่างพร้อมเพรียง
ทุกคนที่อยู่หน้าตำหนัก ล้วนคุกเข่าเป็นการใหญ่!
เสียงตะโกนโห่ร้องด้วยความยินดีดังลั่น!
“ขอจงทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นๆ ปี!”
ซั่งกวนโหยวหลุบสายตาลงต่ำ พร้อมมองไปยังผู้คนที่กำลังคุกเข่าอยู่ด้านล่างด้วยแววตามืดมน
“ลุกขึ้นเถิด!”
ดังนั้นทุกคนจึงค่อยๆ ทยอยลุกขึ้น แต่เมื่อมีซั่งกวนโหยวอยู่ที่นี่ บรรยากาศในตอนนี้จึงต่างจากเมื่อก่อนลิบลับคนส่วนใหญ่เลือกที่จะเงียบ เพราะเกรงว่าจะพูดอันใดผิดๆ ออกมา แล้วสร้างความเดือดร้อนให้ตนเอง
แต่ใครก็ตามที่มีสมอง ก็ต่างรู้สึกกันได้ว่า วันนี้มันเป็นวันแต่งงานและขึ้นครองราชย์ที่ไหนกัน?
นี่มันมีคนวางหมากเอาไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว! เพียงแต่รอการแสดงเกิดขึ้นเท่านั้น!
ภายนอกดูสงบแต่ความจริงแล้วเป็นคลื่นใต้น้ำที่เชี่ยวกราก!
เจียงอวี่เฉิงมองไปทางซั่งกวนหว่านแล้วพูดเตือนขึ้นมาว่า
“หว่านเออร์ ฝ่าบาทฟื้นแล้ว ความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดของเจ้า นับว่าไม่เปล่าประโยชน์แล้ว”
ซั่งกวนหว่านชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ตระหนักได้ทันทีว่ามันคือเรื่องอันใด ใบหน้าของนางเปลี่ยนสี แววตาแดงก่ำขึ้นมาทันที
“เสด็จพ่อ…”
นางรีบวิ่งไปด้านหน้าด้วยความรวดเร็ว น้ำตาไหลรินราวกับสายน้ำ มองดูแล้วเหมือนหยาดน้ำตาที่ไหลรินออกมาด้วยความดีใจ
“หว่านเออร์คารวะเสด็จพ่อ! เสด็จพ่อท่านฟื้นแล้ว ดีจริงๆ เลย!”
ขณะที่พูดนางก็ลูบใบหน้าของตนเองไปด้วย พร้อมพึมพำด้วยความสมเพชตนเองว่า
“เมื่อเห็นท่านพ่อปลอดภัย บาดแผลของหว่านเออร์…ก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว”
ซั่งกวนโหยวมองนางด้วยความเงียบ แต่ใบหน้ากลับไม่มีความรักใคร่เลยแม้แต่น้อย เหมือนกับว่าเขาไม่ได้แยแสมันเลย
ตอนนั้นเองเขาก็ถามขึ้นเสียงเรียบว่า
“ดูจากบรรยากาศแล้ว ดูเหมือนเจ้าต้องการจะขึ้นครองราชย์ใช่หรือไม่?”
เสียงร้องไห้ของซั่งกวนหว่านขาดช่วงไปทันที ราวกับถูกตัดขาดหายไป
ใบหน้าของนางมีร่องรอยความตื่นตระหนกตกใจอยู่ นางไม่แม้แต่จะซับน้ำตา แล้วรีบพูดขึ้นว่า
“ไม่ ไม่ใช่นะเพคะ…เพราะว่าเสด็จพ่อไม่ยอมฟื้นมาเสียที ดังนั้น…ข้าจึง…”
ในฐานะที่เขาเป็นจักรพรรดิ สิ่งที่เขาหวาดกลัวที่สุดคือการมีคนมาแย่งตำแหน่ง!
เห็นได้ชัดว่าซั่งกวนหว่านกำลังฝ่าฝืนข้อห้ามที่ยิ่งใหญ่แล้ว!
แม้จะบอกว่าราชวงศ์ไม่สามารถเป็นมังกรไม่มีหัวได้ ดังนั้นเรื่องที่นางจะเลื่อนตำแหน่งจะเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้วก็ตาม
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าซั่งกวนโหยวแล้ว คำพูดของนางดูเหมือนมีอันใดบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง
…เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังไม่ตาย!
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ที่เขาฟื้นขึ้นมาแล้ว!
“ทะ…ท่านฟื้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใดหรือ? เหตุใดลูกถึงไม่รู้เรื่อง ลูกละเลยแล้ว…”
ซั่งกวนหว่านพยายามควบคุมสถานการณ์ของตนเองให้ดีที่สุด
แต่เห็นได้ชัดว่าลูกไม้นี้ใช้กับซั่งกวนโหยวไม่ได้ผล
“ต้องขอบคุณใต้เท้าจั่วที่คอยดูแลข้าอย่างดี จึงทำให้ข้าสามารถฟื้นคืนมาอย่างราบรื่นเช่นนี้”
ซั่งกวนหว่านชะงักไป
ใต้เท้าจั่ว?
ในตอนนั้นเอง ด้านหลังของซั่งกวนโหยวก็มีชายคนหนึ่งปรากฏขึ้น
คนผู้นั้นคือ จั่วหมิงซี!
ทุกคนต่างรู้สึกสับสนอย่างมาก!
เหตุใดถึงมีสองคน…
“เจ้า…เจ้าเป็นใคร!?“
ซั่งกวนหว่านหน้าเปลี่ยนสี พร้อมตะโกนออกมาด้วยเสียงดังก้อง!
“จั่วหมิงซี” ที่ยืนอยู่ตรงหน้านางก็หัวเราะออกมาทันที
“ตะโกนอันใด พวกท่านก็รู้จักคุณชายเช่นข้าอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?”
เมื่อพูดจบ เขาก็ถอดหน้ากากออก
ใบหน้าหล่อเหลา แววตาเย็นชาดุจน้ำแข็ง รอยยิ้มดูกะล่อน!
นั่นคือเจี่ยนเฟิงฉือ!
เมื่อมองเห็นเจี่ยนเฟิงฉือ ร่างกายของซั่งกวนหว่านแข็งค้างไปราวกับโดนฟ้าผ่า!
เหมือนว่าเจียงอวี่เฉิงเจะนึกอันใดขึ้นมาได้ แววตาจึงฉายแววประหลาดใจ!
หรือว่า…
ซั่งกวนโหยวที่ยืนอยู่บนบันไดสูงกว่าขั้นที่เก้าก็เบนสายตาไปมองทางฉู่หลิวเยว่ ก่อนจะยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“แม่นางฉู่สินะ? ไม่ต้องกังวล ข้ามาเป็นพยานให้เจ้าแล้ว…”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกแสบจมูกขึ้นมา ทันใดนั้นน้ำตาก็ร่วงเผาะ
————————————————————–