ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 890 ข้าคือ...ซั่งกวนเยว่
ตอนที่ 890 ข้าคือ…ซั่งกวนเยว่
“นางเป็นคนฉลาดมาก หากไม่ใช่คนที่สนิทมาก นางจะตกหลุมพรางได้อย่างใด แต่สุดท้ายนางก็เลือกที่จะตายเอง!”
ซั่งกวนหว่านหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เพราะทั้งโมโหระคนโกรธแค้นองค์ประกอบใบหน้าทั้งห้าบิดเบี้ยวน่ากลัว แววตาแดงก่ำราวกับปีศาจร้าย
“อย่าลืมโทษทัณฑ์ก่อนที่นางจะตายสิ มันไม่มีทางสำเร็จถ้าขาดพวกเจ้า”
เสียงแหลมปรี๊ดแหวกอากาศ ทำให้ทุกคนรู้สึกหนาวสั่นสะท้านอย่างมาก
ทันใดที่เสียงของนางจบลง ทุกคนที่อยู่ในสถานการณ์ก็แสดงใบหน้าสยดสยองออกมา
เมื่อครู่นี้…ซั่งกวนหว่านพูดว่าอย่างใดนะ?
นางพูดว่า…ในปีนั้นเจียงอวี่เฉิงเป็นคนฆ่าองค์หญิงใหญ่ด้วยตนเองอย่างนั้นหรือ!
แล้วยังใช้เวลาวางแผนมานานกว่าสามปี!
อีกทั้งองค์หญิงใหญ่ไม่ได้ตายเพราะฝึกฝนจนธาตุไฟเข้าแทรก แต่เป็นพวกเขาที่บังคับให้นางนั้นหมดหนทาง จนต้องเลือกที่จะฆ่าตัวตายแทน!
เพียงแค่คำพูดสั้นๆ ไม่กี่คำ แต่ได้เปิดเผยความลับที่น่าตกใจออกมา!
ต่อให้ก่อนหน้านี้พวกเขาสามารถเดาได้อยู่แล้วว่าเจียงอวี่เฉิงเป็นคนที่ทำร้ายอวี้ฉือซงและคนอื่นๆ แต่เมื่อมาได้ยินความจริงพวกเขาก็ยังรู้สึกตกใจอย่างมาก!
ทันใดนั้นซั่งกวนโหยวก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาที่หน้าอก เขาถอยหลังลงไปเล็กน้อย
อวี่เหวินเว่ยและเจี่ยนเฟิงฉือรีบพุ่งเข้าไปพยุงทันที
“ฝ่าบาท…ท่าน…ท่านจงรักษาสุขภาพก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ!”
อวี่เหวินเว่ยอยากจะปลอบใจสักประโยคสองประโยค แต่คำพูดเหล่านั้น เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดมันออกมาอย่างใด
องค์หญิงใหญ่เป็นบุตรีที่ฝ่าบาทรักใคร่มากที่สุด ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่รู้ว่าฝ่าบาททุ่มเทให้กับองค์หญิงใหญ่มากเท่าใด
ในวันปกติ ต่อให้องค์หญิงใหญ่บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่เขามักจะรู้สึกทุกข์ใจอยู่เสมอ
ไม่ว่าจะเป็นพิธีบรรลุนิติภาวะ หรือว่าประชุมเช้า หรือแม้จะเป็นงานมหามงคลสมรส
เขาก็ยังประคองเด็กคนนั้นอยู่ในฝ่ามือ เพราะเกรงว่าจะทำให้นางได้รับความไม่สบายใจ แต่ว่าตอนนี้ นางกลับถูกผู้อื่นลอบวางแผนปลงพระชนม์!
แล้วเขาจะรับได้อย่างใด?
เจี่ยนเฟิงฉือเฝ้ามองจากด้านข้าง รอยยิ้มที่เคยมีได้หายไปตั้งนานแล้ว
แม้ตอนที่พระองค์รู้ว่าซั่งกวนหว่านและคนอื่นๆ ได้ทำร้ายตนเอง ฝ่าบาทก็ยังไม่ได้แสดงกิริยาเช่นนี้เลย
แต่เมื่อได้ยินถึงการตายของซั่งกวนเยว่ กลับส่งผลกระทบต่อเขาอย่างมาก
“ฝ่าบาท…”
ซั่งกวนโหยวโบกมือจากนั้นก็ดึงตัวออกจากการพยุงของทั้งสองคน ในตอนนั้นร่างกายของเขาเหมือนจะแก่ขึ้นมาหลายปีเลยทีเดียว ใบหน้าซีดขาว
เขาหันไปมองทางซั่งกวนหว่านและเจียงอวี่เฉิง ก่อนจะระงับโทสะที่เดือดพล่านอยู่ในใจ พร้อมถามขึ้นมาว่า
“ข้าขอถามว่า เยว่เอ๋อนาง…ทำเรื่องอันใดให้พวกเจ้าขุ่นข้องใจหรือ? เหตุใดพวกเจ้าถึงได้ทำร้ายนางเช่นนี้!”
เมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าในตอนนั้นตอนที่เยว่เอ๋อถูกลอบปองร้าย สุดท้ายกลับมาพบว่าคนที่ปองร้ายนางไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคนที่นางให้ความเชื่อใจมากที่สุดถึงสองคน…
หัวใจของนางคงจะเจ็บปวดเกินจะทนรับ!
จนถึงวันนี้ แค่พูดออกมาเพียงประโยคสองประโยค แต่ความเจ็บปวดที่เยว่เอ๋อต้องประสบและเก็บงำเล่า! ตอนที่นางถูกฝังนางจะทุกข์ทรมานใจขนาดไหน!
คนเหล่านี้ต่อให้ตายเป็นหมื่นครั้งก็ยากจะลบล้างความผิดที่เขาก่อ!
เมื่อซั่งกวนหว่านได้ยินดังนั้น ประสาทสัมผัสของนางก็ถูกกระตุ้นขึ้นมาอีกครั้ง!
นางกรีดร้องเสียงแหลม
“ข้ารู้อยู่แล้ว! ข้าคิดเอาไว้อยู่แล้ว! พูดไปพูดมา ทุกคนก็จะพูดแต่คำพูดเดิมๆ! ราวกับว่าข้ามีเรื่องที่ต้องรู้สึกผิดกับนางอย่างใดอย่างนั้น! แต่ตัวข้าแล้ว สำหรับนางก็เป็นแค่การทำทาน! ใครมันจะมาสนใจข้ากัน!?”
“เสด็จพ่อ ข้าก็เป็นบุตรีของท่านเช่นกัน ตั้งแต่เล็กจนโต ท่านเคยหันมาสนใจข้าสักนิดหรือไม่?! ตอนที่ข้ากินไม่อิ่มนอนไม่หลับ ตอนที่ข้าถูกกลั่นแกล้งจากคนในวัง ท่านเคยคิดถึงลูกสาวอย่างข้าบ้างหรือไม่! ในสายตาของท่านมีแต่ซั่งกวนเยว่คนเดียวเท่านั้น!”
น้ำเสียงของซั่งกวนหว่านสั่นสะท้าน ราวกับว่าต้องการระบายความแค้นที่สั่งสมมาในหลายปี
“นางแค่โบกมือ นางก็จะได้ของที่นางต้องการมาครอบครองแล้ว! ตำหนักที่งดงามหรูหรา ตำแหน่งที่สูงส่งเหนือใคร! แม้กระทั่งผู้ชายที่ข้าแอบรักมาหลายปี นางแค่พูดว่าต้องการคำเดียว นางก็สามารถแย่งไปอย่างง่ายดาย! ข้ามีอันใดบ้าง?! ถ้าข้าไม่ไปประจบประแจงนาง ไม่ไปพึ่งพิงนาง ข้าก็จะไม่มีอันใดเลย ไม่มีอันใดสักอย่างเลย!”
ชีวิตที่ต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจ นางใช้มันมามากพอแล้ว!
ดังนั้นตำหนักฮวาหยางก็ต้องแย่งมา ตำแหน่งก็ต้องแย่งมา แม้กระทั่งเจียงอวี่เฉิง…นางก็ต้องแย่งมา!
ซั่งกวนโหยวมองใบหน้าของซั่งกวนหว่านที่คล้ายจะเสียสติ ใบหน้าเย็นชา สายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“ในเมื่อข้ามองข้ามเจ้าไป เช่นนั้นเจ้าก็มาทำร้ายข้าสิ! เอาเรื่องทั้งหมดมาลงที่ข้า! เหตุใดต้องไปลงกับเยว่เอ๋อ! เจ้าบอกเรื่องนี้นางทำทาน แต่หากเจ้าไม่ต้องการ มันก็สามารถทำได้! แต่เจ้ากลับใช้โอกาสนี้รับความใจดีที่เยว่เอ๋อมีต่อเจ้า และเจ้าก็ยังริษยานางอยู่เนี่ยนะ! เจ้าคิดอันใดอยู่!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ก็เห็นว่าทั้งหัวใจของนางเต็มไปด้วยความเคียดแค้นระคนริษยาซั่งกวนเยว่ ดังนั้นจึงไม่สามารถมองนางดีได้ จึงต้องพยายามหาร้อยพันหนทางเพื่อทำร้ายนาง!
เมื่อทำเรื่องเลวร้ายมามากขนาดนี้ ก็ยังปัดความผิดเรื่องการหักหลังนี้ไปยังซั่งกวนเยว่อยู่ดี ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลอย่างมาก!
ซั่งกวนหว่านจนมุมพูดอันใดไม่ออกอีกแล้ว หน้าอกของนางกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง แต่หลังจากนั้นไม่นานนางก็หัวเราะออกมา
“ดูสิ เมื่อถึงตอนนี้แล้วคนที่ท่านคิดถึงยังคงเป็นนาง น่าเสียดาย…ที่นางตายแล้ว! นางตายไปแล้ว! ฮ่าๆ!”
ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเจ็บปวดขนาดไหน แต่ซั่งกวนเยว่ก็ไม่สามารถฟื้นคืนชีพมาได้อีกแล้ว!
ต่อให้เรื่องทุกอย่างจะถูกเปิดเผยขึ้นในวันนี้ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเกิดขึ้น มันก็ไม่สามารถย้อนไปแก้ไขได้อีกแล้ว!
นางหันไปมองเจียงอวี่เฉิง แววตามีแต่ความบ้าคลั่ง!
“อวี่เฉิง ข้ายอมรับแล้ว เจ้าก็ยอมรับเสียสิ! ไม่ว่าอย่างใดเรื่องนี้พวกเขาก็ทำมันด้วยกันไม่ใช่หรือ? เจ้าดูสิ มีคนตั้งมากมายที่ชอบนาง รักนาง ปกป้องนาง ต่อให้นางตายมานานขนาดนี้แล้ว ก็ยังมีคนวิ่งตามหาความจริงให้นาง ส่วนข้า พวกเรา ต่างไม่มีอันใดเลยมีแค่ข้าที่ชอบเจ้า เจ้ารู้หรือไม่? มีแค่ข้า!”
เมื่อพูดจบนางก็ยื่นมือออกไปหมายจะคว้ามือของเจียงอวี่เฉิง
แต่เจียงอวี่เฉิงกลับเดินถอยหลังอย่างไร้เสียงไปหนึ่งก้าว เบี่ยงตัวหลบมือของนาง พร้อมพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“ซั่งกวนหว่านเจ้าบ้าไปแล้วจริงๆ อาเยว่ปฏิบัติตัวต่อเจ้าเหมือนเจ้าเป็นน้องสาวแท้ๆ นะ แต่เจ้ากลับทำกับนางเช่นนี้น่ะหรือ! ข้ามองเจ้าผิดไปแล้ว!”
ซั่งกวนหว่านชะงักไป คาดไม่ถึงว่าเขาจะยังไม่ยอมรับสารภาพอีก นางจ้องเขาอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเยาะตัวเอง
“…ข้านี่มันโง่จริงๆ …ข้าไม่ควรเชื่อใจเจ้าเลย…เจ้าอยู่กับนางมาสิบปี สุดท้ายก็ยังหักหลังนางได้อย่างไม่ลังเล แล้วข้านับเป็นตัวอันใดล่ะ?”
เจียงอวี่เฉิงผู้นี้กับผู้หญิงที่เขารักมาตั้งหลายปี เขายังสามารถลงมือได้
แล้วคนอื่นล่ะ?
ความจริงแล้วซั่งกวนหว่านเป็นเพียงเบี้ยของเจียงอวี่เฉิงเท่านั้น!
เมื่อนึกย้อนไปถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในช่วงสองปีกลายเป็นเรื่องน่าขันไปเลย!
เจียงอวี่เฉิงประสานหมัดแล้วหันไปทางซั่งกวนโหยวแล้วพูดขึ้นว่า
“ฝ่าบาท ข้านั้นรู้ดีว่าคำอธิบายของข้านั้นช่างไร้น้ำหนัก แต่เรื่องราวเหล่านี้ ข้าไม่รู้…”
“เจียงอวี่เฉิง ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าก็ยังจะไม่ยอมรับมันใช่หรือไม่?”
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็ถามขึ้นมา
เจียงอวี่เฉิงชะงักไป แล้วหันไปมองทางนาง
“ข้าไม่ได้ทำ เหตุใดข้าจะต้องยอมรับด้วย? ตอนนี้สติของซั่งกวนหว่านไม่อยู่กับร่องกับรอย คำพูดของนางนั้นล้วนเชื่อถือไม่ได้”
“หา?”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“คำพูดของนางเชื่อถือไม่ได้…แล้วคำพูดของข้าล่ะ?”
เจียงอวี่เฉิงมึนงงไป
จากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็สาวเท้าไปยังตรงหน้าของเขา แววตาราวกับมีประกายไฟลุกโชน
พรึ่บ…
คทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งพุ่งสูงขึ้น แล้วก็ร่วงลงมา ดวงตามังกรสว่างวาบ ชี้ตรงไปด้านหน้า แรงกดดันมหาศาล!
“ข้าลืมแนะนำตัวไป”
“ข้าคือ…ซั่งกวนเยว่”