ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 907 ไม่เคยพูดแน่นอน
ตอนที่ 907 ไม่เคยพูดแน่นอน
รูม่านตาของเจียงอวี่เฉิงหดตัวลงเล็กน้อย ประกายแสงบางอย่างแล่นผ่านดวงตาของเขา พลันหายวับไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็ตอบว่า
“ไม่เคย”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วพลัน
ความจริงแล้วในคืนที่นางเปิดเผยตัวตนและขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการนั้น นางได้ฝันถึงเรื่องราวบางอย่างที่ดูยืดยาวและซับซ้อน
ทว่าเรื่องราวในความฝันทั้งหมดกลับถูกแยกส่วน และเหลือเพียงเศษเสี้ยวความทรงจำที่ไม่ประติดประต่อกัน ซึ่งหลังจากตื่นขึ้นมา ส่วนใหญ่นางก็ลืมมันไปหมดแล้ว และจำได้เพียงบางฉากที่ดูคลุมเครือเท่านั้น
นอกจากศาลาแปดเหลี่ยมริมหน้าผาในฝันที่เห็นมาตลอดตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว ก็ยังมีฉากแปลกๆ ปรากฏขึ้นมาอีกมากมาย
นางไม่เคยไปสถานที่เหล่านั้น แต่ไม่รู้เหตุใดนางถึงรู้สึกคุ้นเคยกับพวกมันมากขนาดนี้
และที่สำคัญคือ นางจำรายละเอียดบางฉากได้ชัดเจน
ราวกับว่า… นางเคยไปเยือนสถานที่เหล่านั้นมาแล้วจริงๆ
หลังจากตื่นนอน นางพยายามวาดภาพในฝันเหล่านี้ลงบนกระดาษ แต่ทันทีที่หยิบพู่กันขึ้นมา นางกลับลืมภาพเหล่านั้นไปเสียหมด แม้แต่จะร่างโครงไว้ก่อนก็ยังทำไม่ได้
เว้นเสียแต่ศาลาแปดเหลี่ยมบนหน้าผาแล้ว สุดท้ายสถานที่อื่นๆ ทั้งหมดก็กลายเป็นเพียงภาพเลือนราง
แต่หนึ่งในนั้น ก็ยังมีภาพของสวนเทพเนรมิตที่ยังคงชัดเจนไม่จางหาย
นางฝันเห็นว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ริมทะเลสาบ พร้อมกับเจียงอวี่เฉิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า
และดูเหมือนว่านางกำลังพูดอันใดบางอย่างกับเขาด้วยถ้อยคำที่ฟังดูคลุมเครือ
อย่างเช่น การหมั้น การยกเลิก การให้คำมั่นสัญญา…
หลังจากตื่นขึ้น ฉู่หลิวเยว่ก็ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่นานเพลา และรู้สึกตลอดว่ามันไม่น่าจะเป็นแค่ความฝัน
เพราะในฝันนั้นมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น และอาจเกี่ยวข้องกับความทรงจำที่หายไปของนางก็ได้!
ซึ่งถ้าสิ่งเหล่านั้นเคยเกิดขึ้นจริง… นางก็ขอเดาว่าตัวเองคงเข้าไปหาเจียงอวี่เฉิงเพราะต้องการยกเลิกงานหมั้นเป็นแน่
หลังจากรอมาสองสามวัน นางจึงตัดสินใจมาพบเขาที่นี่ เพื่อถามคำถามนี้ออกไปตรงๆ
แต่คิดไม่ถึงว่าเจียงอวี่เฉิงจะตอบว่านาง “ไม่เคย” พูด
ทว่าฉู่หลิวเยว่ก็หาได้ปักใจเชื่อไม่ นางรุดถามต่อ
“เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?”
เจียงอวี่เฉิงมองดูท่าทางที่สงสัยใคร่รู้ของนาง และด้วยเหตุผลบางอย่าง จู่ๆ ก็มีรอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
“ขนาดนี้แล้ว ข้ายังจักต้องโกหกเจ้าไปไย”
ย้อนกลับไปตอนนั้น เดิมทีนางไม่ได้จะพูดเรื่องยกเลิกงานหมั้น
เนื่องจากตอนนั้นพวกเขาเพิ่งหารือกันเพื่อเลือกเวลาทำสัญญาการหมั้นหมาย แต่ยังไม่ทันจะได้ไปตามวันนัด นางกลับเป็นฝ่ายบุกมาหาเขาแล้วพูดเรื่องยกเลิกสัญญาเสียเอง
เพียงเพราะว่านางมีคนที่ชอบแล้ว
แต่สุดท้าย การหมั้นหมายก็ยังดำเนินต่อไปอยู่ดี
ทว่านั่นก็เป็นเพียงเรื่องในอดีต
ซึ่งการที่นางถามเขาเช่นนี้ เป็นเรื่องบ่งบอกว่านางสูญเสียความทรงจำในตอนนั้นโดยสิ้นเชิง
ส่วนเจียงอวี่เฉิงเองก็ไม่ได้อยากชี้แจงนัก ยิ่งเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น เขายิ่งไม่อยากพูดถึงมันเข้าไปใหญ่
สำหรับเขาแล้ว ภาพในอดีตเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่ควรค่าแก่การจดจำ
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองเจียงอวี่เฉิงอย่างระมัดระวัง นางแอบคิดซ้ำๆ ว่าที่เขาพูดมานั้นจริงหรือไม่
“เมื่อวาน จวนตระกูลเจียงถูกปิดตายแล้ว”
จู่ๆ นางก็เปลี่ยนเรื่อง
สีหน้าของเจียงอวี่เฉิงแข็งทื่อไปชั่วขณะ แต่มันก็หายวับไปในทันที และมีเพียงสีแดงจางๆ ปรากฏขึ้นในดวงตาคมคาย
แต่เขาก็ยังควบคุมการแสดงออกโดยรวมได้ดี ประหนึ่งว่าเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา
ทว่าความจริงแล้ว เนื่องจากสองวันก่อนเขาถูกพาตัวไปดูการประหารตัดหัวคนตระกูลเจียง เขาจึงคาดเดาเรื่องทั้งหมดนี้ไว้แล้ว
หรือจะพูดว่า เขาวาดภาพนี้ไว้ตั้งแต่วันที่เขาตัดสินใจหักหลังนางแล้วก็ว่าได้
เพียงแต่ที่ผ่านมาเขามั่นใจมาตลอด และคิดว่าตัวเองจะไม่มีวันพลาด แต่ก็ดันคิดไม่ถึงว่านางจะกลับชาติมาเกิดใหม่เสียนี่
“พวกเขาทั้งหมดตายเพราะเจ้า”
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองเขา
“เจียงอวี่จือ น้องสาวของเจ้า ก่อนตายนางก็ยังตะโกนเรียกชื่อเจ้า เจ้าน่าจะได้ยินเหมือนกันใช่หรือไม่?”
เส้นเลือดบนหน้าผากของเจียงอวี่เฉิงเต้นตุบๆ
แน่นอนว่าเขาได้ยิน แถมยังได้ยินเต็มสองหูเลยด้วย!
ในตอนนั้น โลหิตสีแดงฉานสาดกระเซ็นเจิ่งนองไปทั่วทุกบริเวณ และไม่กี่ชีวิตที่เคยมีลมหายใจ ก็พลันไร้เงาหัวกันทั้งโคตรตระกูล เหลือเพียงหายนะอันน่าสลดหดหู่ไว้เบื้องหลัง
เจียงอวี่เฉิงหลับตาลงอย่างช้าๆ และเมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ห้วงอารมณ์ในดวงตาของเขาก็สลายไปจนหมด เหลือเพียงความเย็นเยียบ
“ชนะเยี่ยงราชา ปราชัยเยี่ยงโจร นี่คือการแก้แค้นของเจ้าที่ข้าจักต้องได้รับ และข้ายอมรับมัน”
ไม่ว่าเขาจะร้องขอความเมตตามากแค่ไหน เขาก็มิอาจเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้
ทั้งแสวงหาอำนาจ เหิมเกริมคิดแย่งชิงบัลลังก์และก่ออาชญากรรมต่างๆ อย่าว่าแต่ฉู่หลิวเยว่เลย ผู้ได้รับผลกระทบจากการกระทำของเขาก็ตาม ย่อมไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ แน่นอน!
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้หยวนตันของเขาก็แตกสลายแล้วด้วย ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลและอาการบาดเจ็บ สภาพโดยรวมนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าคนทั่วไปเสียอีก แต่นอกจากแอบแค้นใจและเสียใจกับตัวเองแล้ว เขาจะทำอันใดได้อีก?
แถมความจริงแล้วสิ่งเหล่านี้ล้วนไม่มีประโยชน์ และมีแต่ทำให้เขาเจ็บปวดมากขึ้น
ทว่าหลังจากเจ็บปวดจนชินชา มันกลับทำให้เขารู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มเยาะ
กลายเป็นว่าเจียงอวี่เฉิงใจกว้างกลับเรื่องแบบนี้เสียอย่างนั้น
หรือพูดอีกอย่างก็คือ เขามันคนใจเหี้ยมเห็นแก่ตัว
ทั้งๆ ที่เห็นกันอยู่ว่าเป็นเพราะเขา คนตระกูลเจียงถึงต้องจบชีวิตกันทั้งชั่วโคตร แต่สุดท้ายเขากลับดูไม่แยแสเลยสักนิด
นั่นเพราะเขาไม่เคยสนใจคนพวกนั้นเลยไงล่ะ!
ไม่ว่าจะเป็นบิดามารดาของเขา หรือน้องสาวสุดที่รัก แม้เขาจะรู้สึกเสียใจอยู่หน่อยๆ แต่สุดท้ายเขาก็ห่วงแต่ตัวเอง
ถ้าเป็นคนอื่นคงจะทนแรงกดดันจากคนภายนอกไม่ไหว และตำหนิตัวเองอย่างหนักถึงขั้นฆ่าตัวตายตาม
แต่เจียงอวี่เฉิงไม่ทำเช่นนั้น
จากมุมมองนี้ เขามันก็ไม่ต่างจากคนไร้หัวใจคนหนึ่ง
แต่ถ้าเขาไร้หัวใจและสำนึกคิดจริงๆ ในตอนนั้นเขาจะแอบเตรียมการทั้งหมดนี้แล้วหักหลังนางในบัดดลได้เยี่ยงไร!?
“ข้าพบสิ่งนี้ในห้องทรงงานของเจ้า”
ทันใดนั้น ฉู่หลิวเยว่ก็หยิบกล่องไม้สี่เหลี่ยมออกมา
เนื่องจากยังกังวลว่าเจียงอวี่เฉิงอาจจะทิ้งของอันตรายไว้ในจวนตระกูลเจียง ยามที่นางออกไปตรวจสอบ ระหว่างนั้นฉินอีจึงติดตามนางออกไปด้วย
จากนั้นเขาก็ส่งสิ่งนี้มาให้นาง
เมื่อเห็นกล่องไม้ ท่าทางของเจียงอวี่เฉิงก็ถึงกับตะกุกตะกักไปแวบหนึ่ง
ฉู่หลิวเยว่ชำเลืองมองเขา พลางเปิดกล่องไม้และหยิบม้วนภาพวาดออกมา
ด้วยการสะบัดข้อมือเบาๆ ภาพวาดนั่นก็ยืดออกทันที!
บนภาพนั้นปรากฏโครงร่างของสตรีนางหนึ่ง ซึ่งก็คือซั่งกวนเยว่!
ฉู่หลิวเยว่ประหลาดใจเมื่อเห็นภาพนั้น
และพอพิจารณาจากรูปลักษณ์ของภาพนี้และถ้อยคำที่จารึกบนนั้น ถึงได้รู้ว่าเจียงอวี่เฉิงวาดมันขึ้นในวันฉลองพิธีปักปิ่นของนาง
ก่อนหน้านี้ซั่งกวนหว่านก็พูดไว้ว่า เจียงอวี่เฉิงชมชอบในตัวนางมาเป็นสิบปีแล้ว และสิ่งนี้ก็อาจจะเป็นสาเหตุที่นางพูดออกมาเช่นนั้น
ฉู่หลิวเยว่เผยยิ้มที่เหมือนไม่ยิ้ม
“ข้าไม่รู้เลยว่า คนที่ทำร้ายข้าอย่างเลือดเย็นเช่นเจ้าในตอนนั้น จักเก็บภาพแบบนี้ไว้ด้วย”
ใบหน้าของเจียงอวี่เฉิงพลันซีดเผือด ประหนึ่งว่าความลับที่ฝังกลบไว้นานแรมถูกเปิดเผยในพริบตา แววตาคู่คมเต็มไปด้วยความลำบากใจ
เขายอมรับว่าเขาชอบนาง มิฉะนั้นคงไม่มีการเตรียมงานหมั้นตั้งแต่แรก
แต่ภาพวาดที่นางหยิบออกมากะทันหันนั้น ทำให้เขาอับอายอย่างพูดไม่ถูก
“อย่าห่วงเลย ข้าไม่สนใจเรื่องความรักสิบปีของเจ้าหรอก”
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยปากอย่างเกียจคร้าน แต่ดวงตาของนางนั้นเชือดเฉือนราวกับมีด
“ที่ข้าอยากจะถามก็คือ เจ้าวางแผนทรยศข้าตั้งแต่เมื่อใด และเพราะอันใดถึงทำเช่นนั้น?”
บนโลกนี้ไม่มีใครรักกันหรือเกลียดกันโดยไร้เหตุผลหรอก
และถ้าจะบอกว่าเจียงอวี่เฉิงทำสิ่งนี้ เพื่อชิงราชบัลลังก์ของนางล่ะก็ ฉู่หลิวเยว่ไม่เชื่อ
เพราะอย่างใดเสีย ถ้าเขาแต่งงานกับนาง เขาก็ย่อมได้สิทธิ์ขาดในอำนาจตามต้องการอยู่แล้ว
เมื่อก่อนเขารักนางมาก ทว่าหลังจากได้ระเบิดความแค้นที่ฝังรากลึกเข้ากระดูกออกมา ก็ยิ่งเผยให้เห็นตัณหาและความโลภที่เพิ่มพูนขึ้นกว่าเดิม!
————————————————————–