ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 924 กลัวฆ่าสามีไม่ได้
ตอนที่ 924 กลัวฆ่าสามีไม่ได้
ฉู่หลิวเยว่ใจอ่อนยวบ พลันโน้มตัวลงและจรดปลายนิ้วแตะริมฝีปากของเขาเบาๆ
มันเย็นและอ่อนนุ่ม
“หรงซิว จากนี้ไปข้าจะเป็นครอบครัวให้เจ้าเอง ดีหรือไม่?”
นางก้าวถอยหลังเล็กน้อยและจ้องตาเขา พร้อมพูดอย่างจริงจัง
แม้ว่าหรงซิวจะไม่ได้พูดอันใด แต่นางก็สัมผัสได้ถึงลมปราณอันโดดเดี่ยวบนร่างกายของเขา ราวกับว่ามันแผ่กระจายออกมาจากกระดูกของเขาอย่างใดอย่างนั้น
มือและริมฝีปากของเขาเย็นเฉียบ
แต่นางกลับคิดว่าหัวใจของเขานั้นอบอุ่น
หากเขาต้องอยู่อย่างเดียวดายบนโลกอันแสนกว้างใหญ่นี้ นางก็ยินดีที่จะอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป
ด้วยรักสุดหัวใจจะไขว่หา
นางจะไม่ซักไซ้ใดๆ อีก เพราะนางรู้ว่าอย่างใดเสียเขาก็คือเขา
เราสองคนไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องอื่น
ไม่ว่าเขาจะเป็นองค์ชายเจ็ดจากแคว้นเย่าเฉิน หรือโอรสสวรรค์จากแห่งหนใด ก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว
เพราะสิ่งสำคัญก็คือ การมีอยู่ของกันและกันเฉกเช่นตอนนี้
หรงซิวจ้องมองนางและใช้มือข้างหนึ่งกระชับกอดร่างบางในอ้อมแขน พลันใช้มืออีกข้างเชยใบหน้ามนขึ้นมาแล้วบดจูบลงไป
มือหนาข้างหนึ่งกอดกระชับเสียเต็มแรงบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งอันทรงพลัง เสมือนต้องการบดขยี้คนๆ นั้นให้แหลกเป็นเนื้อเดียวกัน ทว่ามืออีกข้างกลับสัมผัสเรียวคางของนางอย่างระมัดระวัง ราวกับว่ากำลังถือสมบัติล้ำค่าหายาก และจะพลอยทำมันแตกสลายเข้า
ท่ามกลางรสจูบอันบ้าคลั่งอันไร้ที่สิ้นสุดและเต็มไปด้วยความต้องการ แต่เขาก็พยายามอดทนและควบคุมอารมณ์ปรารถนาของตนไว้อย่างสุดความสามารถ
ก่อนจะกระซิบตอบเสียงอื้ออึงเบาๆ ว่า
“… ดีที่สุด”
…
ข่าวที่หรงซิวเอาชนะจ้าวจื่อเฉิงได้นั้น สร้างผลกระทบมากกว่าที่คาดไว้
เพราะนอกเหนือจากจ้าวจื่อเฉิงแล้ว ภายในเมืองซีหลิงก็ยังมีคุณชายมากความสามารถโดดเด่นอีกหลายคน และพวกเขาทั้งหมดล้วนแอบมีใจให้ฉู่หลิวเยว่กันทั้งนั้น
ไม่ว่าจะในแง่ของยศถาบรรดาศักดิ์ รูปลักษณ์ หรือพรสวรรค์ แน่นอนว่าฉู่หลิวเยว่ย่อมเป็นสาวงามในอุดมคติอันดับต้นๆ ของคุณชายทั้งหลาย
ครั้นย้อนกลับไปยามที่ยังเป็นองค์หญิงใหญ่เอง ก็มีผู้คนมากมายชื่นชมนางไม่ขาดสาย ทว่าในตอนนี้ ยิ่งพวกเขารู้ว่านางจัดการเจียงอวี่เฉิงกับซั่งกวนหว่านได้ และก้าวขึ้นสู่บัลลังก์แห่งจักรพรรดิอย่างสง่าผ่าเผย พวกเขาก็ยิ่งสนใจในตัวนางมากกว่าเดิม
แต่การปรากฏตัวของหรงซิว ทำให้คนเหล่านี้หยุดชะงักไม่กล้าไปต่อทันที
ขนาดทัพหน้าอย่างจ้าวจื่อเฉิงยังโดนซัดเสียเลือดตกยางออกไปแล้ว ทัพหลังที่เหลือจึงพลันสงบเสงี่ยมเจียบตัวลงทันตา อย่างใดเสียก็ต้องชั่งน้ำหนักความเสี่ยงนี้ให้ดี
หรงซิวสามารถจัดการปรมาจารย์ระดับแปดได้ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน!
จะบอกว่าไม่กลัวก็คงไม่ได้
ทว่าแม้จะกลัวเพียงใด ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่ยังกล้าลองดีอยู่
จ้าวจื่อเฉิงเป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงโด่งดังในซีหลิง เรียกได้ว่าเป็นบุรุษที่ฝีมือดีที่สุดในบรรดาคนรุ่นใหม่เลยก็ว่าได้
ฉะนั้นแล้ว เขาจะแพ้ให้กับองค์ชายจากแค้วนเย่าเฉินได้อย่างใด?
แต่ข่าวนี้ส่งตรงมาจากสำนักพระราชวังเชียวนะ แถมยังลือกันว่ามีเพียงไม่กี่คนที่ได้เห็นมันด้วยตาตนเอง…
ประชาชนในเมืองต่างถกเถียงเรื่องนี้กันพักหนึ่ง แต่หลายๆ คนกลับใคร่รู้เรื่องหรงซิวมากกว่าสิ่งอื่นใด
เพราะพวกเขาอยากเห็นกับตาให้ชัดๆ ไปเลยว่า แท้จริงแล้วหรงซิวผู้นี้เป็นคนแบบใดกันแน่!
…
เดิมทีฉู่หลิวเยว่วางแผนที่จะสารภาพทุกอย่างกับหรงซิวหลังจากเรื่องราชวงศ์เทียนลิ่งยุติลง และนำเรื่องการอภิเษกสมรสเข้าสู่วาระการประชุม
แต่กลับไม่คาดคิดว่าฉู่หนิงจะถูกลักพาตัวไปเช่นนี้
ซึ่งหลังจากเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ก็เกรงว่าคงต้องงดหารือเรื่องงานอภิเษกไว้เท่านี้
ถึงในจดหมายนั่นจะบอกว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำร้ายฉู่หนิง แต่ฉู่หลิวเยว่ก็ยังกังวลมากอยู่ดี
ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้ อีกฝ่ายรู้จักตัวตนของนางดี และมุ่งเป้ามาที่นางอย่างชัดเจน
แต่นางไม่รู้อันใดเกี่ยวกับฝ่ายนั้นเลย
หลังจากคิดทบทวนแล้ว นางก็ขอถามความเห็นจากหรงซิว
และคราวนี้หรงซิวพยักหน้าตอบโดยไม่ลังเล
เขารู้ว่าจดหมายนั่นมาจากไหน
แต่พอฉู่หลิวเยว่ทำท่าจะถามต่อ หรงซิวกลับไม่ตอบ และบอกแค่ว่านางในตอนนี้ ยังไม่เหมาะที่จะรับรู้เรื่องเหล่านี้
ฉู่หลิวเยว่สับสนเล็กน้อยกับคำตอบนี้
“แล้วเมื่อไหร่ข้าถึงจะได้รู้?”
หรงซิวชะงักไปนิด
ฉู่หลิวเยว่ในปัจจุบันยังเป็นเพียงจอมยุทธ์ระดับหกอยู่ ต่อให้นางรู้เรื่องพวกนี้ นางก็ทำอันใดไม่ได้ และมีแต่จะเพิ่มความกังวลให้นางเท่านั้น
“หลังจากนี้หนึ่งเดือน ถ้าเจ้าก้าวขึ้นจอมยุทธ์ระดับเจ็ดได้ ข้าจะบอกเจ้า”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วฉับ
แค่ทะลวงผ่านให้ถึงจอมยุทธ์ระดับเจ็ดนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่สิ่งที่ยากก็คือการบรรลุเป้าหมายในเดือนเดียวนี่สิ!
หลังจากที่นางกลับมาจากทะเลทรายจันทราสีชาดได้ไม่นาน ในตอนนั้นนางถึงระดับขั้นกลางแล้ว!
แค่นี้มันก็ถือว่าเร็วมากกว่าปกติแล้ว และถ้าให้นางทะลวงถึงระดับเจ็ดอีกล่ะก็…เกรงว่ามันจะแย่เอาได้!
ราวกับมองออกว่านางกำลังกังวลเพียงใด หรงซิวจึงยิ้มและพูดว่า
“ถ้าเยว่เอ๋อวางใจ เช่นนั้นตลอดหนึ่งเดือนนี้ข้าจะเป็นคู่ฝึกให้เจ้าเอง เจ้าว่าอย่างใด?”
ฉู่หลิวเยว่มองดูรอยยิ้มมั่นอกมั่นใจของเขา พลันจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ในใจของนางก็ลุกโชนขึ้น
“ข้าตกลง!”
…
ที่ด้านหลังตำหนักเจาเยว่เองก็มีสนามฝึกซ้อมอยู่แห่งหนี่ง
และความจริงแล้วสนามนี้ใหญ่กว่าและมีคุณภาพกว่าสนามก่อนหน้าที่อยู่ในตำหนักหยวนเหอเสียอีก
เพราะมันคือสถานที่ที่ฉู่หลิวเยว่เคยใช้ฝึกฝน
และนอกจากพื้นผิวของมันจะถูกปูด้วยแผ่นหินอ่อนสีน้ำเงินแข็งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แล้ว รอบๆ สนามยังมีค่ายกลระดับเก้าคอยป้องกันอยู่ ซึ่งสามารถรับประกันได้ว่าความผันผวนของพลังปราณในสนาม จะไม่แพร่กระจายออกไปภายนอกและส่งผลกระทบร้ายแรงต่อผู้อื่น
ฉู่หลิวเยว่ยืนประจันหน้ากับหรงซิว
เนื่องจากก่อนหน้านี้นางได้สั่งการณ์ไว้แล้ว ยามนี้จึงไม่มีข้ารับใช้ออกมาเพ่นพ่านเลยสักคน
และมีเพียงคนสองที่ยืนอยู่ในสนามฝึกขนาดใหญ่
ฉู่หลิวเยว่มองหรงซิวที่อยู่ตรงข้าม พลางคิดว่าทั้งๆ ที่รู้จักกันมานานแล้ว แต่พวกเขากลับไม่เคยสู้กันเลยสักครั้ง ดังนั้นนางจึงอยากลองสู้กับเขาดูจริงๆ จังๆ ซักครั้ง
นางรู้มานานแล้วว่าพลังปราณของหรงซิวนั้นแข็งแกร่งมาก และหลังจากที่รอคอยมาจนถึงตอนนี้ ในที่สุดนางก็สามารถฟื้นฟูพลังปราณได้แล้วบางส่วน ไม่แน่ว่า… นางอาจจะประมือกับเขาก็ได้นะ!?
ดวงตาของหรงซิวทอประกายแวววับยามคิดถึงสิ่งนี้
และเมื่อเห็นสีหน้าตื่นเต้นของนาง หรงซิวก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ภาพที่ดูคุ้นเคยนี่… ช่างคิดถึงเสียจริงเชียว
“หรงซิว เจ้าไม่ต้องออมมือให้ข้า แค่ปล่อยพลังออกมาก็พอ!”
คนที่เก่งกาจเหนือปรมาจารย์อย่างเขา ฉู่หลิวเยว่มั่นใจว่านางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหรงซิวแน่นอน
แต่จอมยุทธ์ผู้นี้…จะไม่มีวันยอมแพ้!
แม้จะเหมือนว่านางอยู่ระดับหกขั้นกลาง แต่พลังในการต่อสู้ของนางนั้น ถึงขั้นของจอมยุทธ์ระดับเจ็ดแล้ว!
การฝึกฝนอย่างหนักที่ได้จากทะเลทรายจันทราสีชาดนั้นไม่ได้ไร้ประโยชน์!
หรงซิวตอบรับด้วยรอยยิ้ม
“ตกลง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสวี่ยเสวี่ยที่นอนอยู่บนพื้นก็พลันหันไปมองเจ้านายของมันด้วยสายตาเย้ยหยัน
โกหกไม่เก่งเอาเสียเลย หึหึ!
หรงซิวสังเกตเห็นการจ้องมองของเสวี่ยเสวี่ย พลันมองกลับไปอย่างเย็นชา
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาอาจตอบกลับไปตามตรง ทว่าเยว่เอ๋อในตอนนี้ยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ หากเขาโจมตีโดยไม่คิดไตร่ตรองให้ดี เขานั้นแหละที่จะเป็นคนทำร้ายนางและเป็นทุกข์เสียเอง
ฮูหยินที่เขาไล่ตามมาตลอด นอกจากทำได้เพียงพะเน้าพะนอแล้วจักทำอันใดนางได้อีก
ทันใดนั้นเอง ฉู่หลิวเยว่ก็เคลื่อนไหวแล้วพุ่งใส่หรงซิวทันที!
ความเร็วของนางเร็วมาก!
การต่อสู้กับหุ่นเชิดเหล่านั้นทีละตัวในทะเลทรายจันทราสีชาด ทำให้ฉู่หลิวเยว่มีการพัฒนาขึ้นอย่างมาก และทักษะที่พัฒนาได้เด่นชัดที่สุดก็คือ การต่อสู้ในระยะประชิด!
แม้จะมีความเร็วเท่านี้ แต่ก็พัฒนาขึ้นมาก!
อีกทั้ง ร่างกายของนางในตอนนี้ก็ได้รับการฟื้นฟูแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่ต้องซ่อนเคล็ดวิชาที่แอบฝึกฝนมาเหมือนเมื่อก่อน และใช้มันได้อย่างอิสระแล้ว
เพียงพริบตา เงาร่างเพรียวบางก็พุ่งไปหยุดอยู่ตรงหน้าหรงซิวแล้ว!
นางกำหมัดแล้วชกออกไป!
แต่ไม่ทันจะได้เห็นการเคลื่อนไหวของหรงซิว ร่างของเขาก็หายไปต่อหน้าต่อตา!
ฉู่หลิวเยว่ไม่สนใจหมัดที่พลาดเป้า พลันหมุนตัวตวัดขาเตะด้านข้าง!
พรึบ!
แต่หรงซิวกลับจับข้อเท้าของนางไว้ได้ง่ายๆ ด้วยมือข้างเดียว ฉู่หลิวเยว่สะดุ้งตกใจ และฉวยโอกาสบิดตัวออกแล้วกระโดดขึ้นไปบนอากาศพลันฟาดขาเตะลงมา!
หรงซิวปล่อยมืออย่างไวเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของนาง
“จิ๊ เยว่เอ๋อ กลัวฆ่าสามีตัวเองไม่ได้หรือไรกัน?”