ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 927 ความฝัน
ตอนที่ 927 ความฝัน
หรงซิวหยุดชะงักทันควัน
ขนงเรียวเลิกขึ้นโดยไม่รู้ตัว พลันมองฉู่หลิวเยว่ในอ้อมแขนของเขาและถามช้าๆ ว่า
“เมื่อครู่เจ้า…พูดว่าอันใดนะ?”
ฉู่หลิวเยว่เองก็ผงะตกใจเช่นกัน
การประลองชิงอวิ๋น…
สิ่งนั้นคือกระไร?
เหตุใดจู่ๆ นางถึงพูดประโยคแบบนี้ออกมา?
มันรู้สึกราวกับว่า… เมื่อก่อนนางก็เคยพูดเช่นนี้อยู่เหมือนกัน
“ข้า… ข้าเองก็ไม่รู้…”
ฉู่หลิวเยว่พึมพำพร้อมขมวดคิ้วมุ่น และเอาแต่ขุดคุ้ยค้นหาความทรงจำเหล่านั้น
แต่ก็นึกอันใดไม่ออกอยู่ดี
หรงซิวจ้องมองใบหน้าของนางในระยะประชิด และมองเห็นความสงสัยจางๆ ในดวงตาของนาง จิตใจที่ตื่นตระหนกค่อยๆ ผ่อนคลายลงทีละนิด
เขาเบนสายตาออกไปทางอื่นนิ่งๆ แล้วหลุบตาลงปกปิดคลื่นอารมณ์ในดวงตาของเขา
“ข้าควรจะพาเจ้ากลับได้แล้ว”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างเหม่อลอย นางโอบแขนรอบคอของหรงซิวแล้วเอนตัวพิงไหล่แกร่ง ทว่าขณะเดียวกันนางก็คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่หยุด
การประลองชิงอวิ๋นหรือ…
นางพูดว่า คราวหน้านางจักต้องเอาชนะหรงซิวในงานประลองชิงอวิ๋นให้ได้?
“หรงซิว”
ทันใดนั้น ฉู่หลิวเยว่ก็โพล่งออกมา พร้อมจ้องเขาไปในดวงตาของหรงซิว
“เจ้า… เคยได้ยินเรื่องงานประลองชิงอวิ๋นหรือไม่?”
ชายหนุ่มส่ายศีรษะ แสงอัสดงยามพลบค่ำตกกระทบลงบนกายลักษณ์อันนุ่มนวลและสง่างามของเขา จนคนมองถึงกับใจสั่นรัว
แต่เขาไม่ตอบอันใด
ฉู่หลิวเยว่ค่อนข้างสับสนงุนงง
การที่หรงซิวทำท่าทางเช่นนี้ หมายความว่าเขาเองก็ไม่รู้สินะ
แต่แล้วเหตุใดครู่ก่อนนางถึงพูดเช่นนั้นกับหรงซิวล่ะ?
บางที สิ่งนี่อาจจะเกี่ยวข้องกับความทรงจำที่หายไปของนางด้วยก็ได้?
ฉู่หลิวเยว่ตกอยู่ในห้วงความคิด โดยวางแผนว่าหลังจากกลับถึงจวนแล้ว นางจะหาโอกาสคิดทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง
หรงซิวเดินกลับพร้อมประคองคนในอ้อมแขน
โชคดีที่หลังจากฉู่หลิวเยว่กลับมา เหล่าคนใช้ก็ได้ทำความสะอาดจัดเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว และตอนนี้ในตำหนักเจาเยว่ ก็แทบไม่มีคนใช้อยู่เลยสักคน
อีกทั้งสนามฝึกแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ส่วนตัวในตำหนักเจาเยว่ ทางจากตรงนี้สามารถเชื่อมไปยังห้องบรรทมของนางได้โดยตรง
ดังนั้นระหว่างทางจึงไม่พบใครเลย และหรงซิวก็พานางตรงไปยังห้องบรรทม
“เยว่เอ๋อ…”
เขาขานเรียกอีกคน แต่กลับพบว่าคนในอ้อมแขนของเขาเงียบไปแล้ว
นัยน์ตาคู่คมหลุบมองหญิงสาวในอ้อมแขนที่กำลังหลับเอนกายพิงไหล่เขา ลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกว่านางหลับไปเสียแล้ว
หรงซิวหัวเราะแกมเอ็นดู แต่ก็แอบปวดใจ
นั่นเพราะนางอาจเหนื่อยจากการฝึกซ้อมก่อนหน้านี้
แต่ความจริงแล้ว การที่นางผล็อยหลับในอ้อมแขนของเขาอย่างรวดเร็วนั้น ก็พิสูจน์ให้เห็นถึงความสบายใจขอนางเช่นกัน
และสิ่งนี้ทำให้หรงซิวโล่งใจขึ้นมาก
เขาวางนางลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง พลางเช็ดเหงื่อออกแล้วห่มผ้านวมผืนบางให้นาง
เมื่อมองไปยังใบหน้านวลที่กำลังหลับใหล แววตาของหรงซิวก็ค่อยๆ แสดงความอ่อนโยนออกมา
ในอดีตเวลาที่นางฝึกซ้อมเช่นนี้ แม้ว่านางจะเหนื่อยล้าอยู่บ่อยครั้ง แต่นางก็แทบจะไม่ค่อยผล็อยหลับใส่กันเช่นนี้
การกลับมาซีหลิงเพื่อล้างแค้นในครั้งนี้ คงจะทำให้นางสูญเสียพลังปราณและแรงใจไปเยอะมาก
ให้นางได้พักผ่อนเสียหน่อย ย่อมดีต่อตัวนางที่สุดแล้วในตอนนี้
หรงซิวจับข้อมือของนางไว้
ก่อนจะค่อยๆ ถ่ายเทพลังปราณที่บริสุทธิ์และอ่อนโยนเข้าสู่ร่างกายของนาง
นางหลับลึกและละเมอฝันถึงบางสิ่ง
หรงซิวตั้งใจฟัง และจับคำได้ว่ามันน่าจะเกี่ยวกับงานประลองชิงอวิ๋น
เขาพลันขมวดคิ้ว
ปัจจุบันนางยังไม่ทะลวงถึงจอมยุทธ์ระดับเจ็ด และเจ้าสิ่งนั้นก็ยังถูกผนึกอยู่ในร่างกายของนางอย่างดี ฉะนั้นนางจึงยังไม่น่าจะนึกถึงเรื่องเหล่านี้ได้
แต่ดูเหมือนว่ามันจะเร็วกว่าที่เขาคิดไว้มาก
ด้วยความอบอุ่นจากพลังปราณของหรงซิว ส่งผลให้ขนงเรียวที่กำลังขมวดพัวพันของฉู่หลิวเยว่ ค่อยๆ คลายตัวลง และหลับสนิทในที่สุด
หรงซิวยืนอยู่เงียบๆ ครู่หนึ่ง พลางเห็นถวนจื่อที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นแบบไม่พูดพร่ำทำเพลง
“ดูแลนางให้ดี”
ถวนจื่อพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง และยากที่จะเห็นมันทำเช่นนี้
จากนั้นหรงซิวก็หันหลังและจากไป
พร้อมกับเสวี่ยเสวี่ยที่ตามหลังเขาไปติดๆ
…
เมื่อออกมาจากตำหนักเจาเยว่แล้ว หรงซิวก็ทอดสายตามองไปไกลบริเวณทิศทางหนึ่ง
ถ้าจำไม่ผิด ตรงนั้นน่าจะเป็นที่ตั้งของตำหนักฮวาหยาง
อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่ซั่งกวนหว่านและเจียงอวี่เฉิงถูกคุมขังไว้ด้วย
หรงซิวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็หันหลังกลับและเดินออกจากวังไป
…
ในฝันของฉู่หลิวเยว่นั้นช่างยาวนานและวุ่นวาย
ในห้วงนิมิตนั้นมันดูราวกับว่านางกำลังแข่งกับใครบางคน เพื่อชิงตำแหน่งที่หนึ่งในการประลองชิงอวิ๋น
ใบหน้าและรูปร่างของอีกฝ่ายนั้นพร่าเลือน
หากแต่กลับเต็มไปด้วยพละกำลังมหาศาล…
นางพ่ายแพ้ให้เขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
และทุกครั้งที่แข่งขัน บ้างก็เงียบสงัด บ้างก็มีเสียงโห่ร้องดังกึกก้อง ราวกับว่ามีคนจำนวนมากกำลังดูและส่งเสียงให้กำลังใจพวกเขาอยู่
นางอยากจะเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆ แต่ก็ทำไม่ได้
ไม่รู้ว่าล่วงเลยไปนานเท่าใด แม้แต่นางเองก็จำไม่ได้ว่าแข่งไปแล้วกี่ครั้ง
ทว่าในที่สุดก็ถึงคราวที่นางชนะ
นางมีความสุขมาก และคนที่อยู่ตรงข้ามนางเองก็ดูจะมีความสุขเช่นกัน
เหล่าผู้คนรอบข้างร้องตะโกนอันใดบางอย่าง
นางได้ยินไม่ชัด แต่เหมือนเสียงนั้นจะตะโกนว่า “เยว่”
และจู่ๆ คนที่อยู่ตรงข้ามนางก็ก้าวออกมาด้านหน้า
ราวกับชั้นของหมอกที่คอยบังตาสลายตัวอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น รูปลักษณ์ของเขาก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น
อีกฝ่ายเป็นบุรุษที่สวมชุดคลุมสีดำ และห้อยสร้อยหยกคาดเอวไว้ ซึ่งมันรับกับรูปร่างสูงโปร่ง ลาดไหล่กว้างและเอวคอดของอีกฝ่ายได้อย่างดี
ดูเหมือนเขาจะพูดบางอย่างกับนาง
ผู้คนรอบข้างพลันเงียบเสียงลงไปพักหนึ่ง และจากนั้นเสียงเชียร์และเสียงกรีดร้องอันดุเดือด ก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง!
พร้อมโครงหน้าของอีกฝ่าย ที่ค่อยๆ เผยออกมา…
“เฮือก…”
ฉู่หลิวเยว่ลืมตาโพล่ง!
ร่างกายของนางชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ หัวใจดวงน้อยเต้นรัวเร็วจนหูของนางชาไปหมด!
นางสงบสติอารมณ์อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะรู้ตัวว่าแค่ฝันไป
ถวนจื่อบินมาคลอเคลียใบหน้าของนางอย่างรักใคร่
ฉู่หลิวเยว่กอดถวนจื่อไว้ในอ้อมแขน ความวุ่นวายใจเหล่านั้นถึงค่อยๆ บรรเทาลง
หลังจากตื่นขึ้น นางก็ลืมทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในฝันอย่างรวดเร็ว
รูปร่างของชายผู้นั้นช่างคุ้นตานัก
แต่จนแล้วจนรอดนางก็ไม่ได้เห็นใบหน้านั้น
ทว่าในใจของนางกลับมีความคิดไร้สาระผุดขึ้นมา
…นางแอบสัมผัสได้ว่า จริงๆ แล้วชายที่แข่งกับนางในฝันนั้นช่างเหมือน… บุรุษที่อยู่ในศาลาแปดเหลี่ยมบนหน้าผานั่น!
ยิ่งกว่านั้น เขาคล้ายกับเถ้าแก่ใหญ่มากด้วย!
…
ตกกลางคืน
หอร้อยโอสถปิดทำการแล้ว และเย่ว์หลิงกำลังเก็บสินค้าคงคลังที่ชั้นสาม
ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินอันใดบางอย่าง และพอหันไปมองก็ถึงกับตกใจสุดขีด จนหัวใจแทบกระดอนออกมากจากร่าง
“นายท่าน!”
เขาทักทายอย่างรวดเร็ว
“นายท่าน เหตุใดท่านถึง…”
หรงซิวโบกมือ
“ข้าแค่มาหาอันใดนิดหน่อย”
เย่ว์หลิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
สวรรค์รู้ดีว่าเขารู้สึกอย่างใดเมื่อหันกลับมาแล้วเห็นเจ้านายของตัวเองยืนอยู่ตรงนั้น
“ขอรับ!”
เย่ว์หลิงตอบอย่างรวดเร็ว พลางมองหรงซิวเดินเข้าไปข้างใน ด้วยความประหลาดใจอย่างมาก
ตอนนี้ชื่อเสียงของเจ้านายเขาดังกระฉ่อนไปทั่วซีหลิง
ทุกคนต่างรู้ว่าตอนนี้จักรพรรดิองค์ใหม่มีคู่หมั้นแล้ว แม้ว่าเขาจะเกิดที่เย่าเฉิน แต่กลับสามารถเอาชนะจ้าวจื่อเฉิงได้
“ท่านมา…หาของให้ฮูหยินหรือ?”
เย่ว์หลิงติดตามเขาไปและถามอย่างระมัดระวัง
ในความเป็นจริง พอรู้ว่าแท้จริงแล้วฉู่หลิวเยว่คือซั่งกวนเยว่ เขาเองก็ตกใจเหมือนกัน
และสาเหตุที่เจ้านายกลับไปยังแคว้นเย่าเฉินในตอนนั้น…
ที่แท้ก็เพราะแบบนี้นี่เอง!
หรงซิวพยักหน้าและเดินไปที่ชั้นวางของที่ดูไม่โดดเด่น
บนนั้นมีกล่องหยกสีเขียวขุ่นขนาดเท่ากำปั้นไม่สะดุดตาวางอยู่
และอาจเป็นเพราะไม่ได้ถูกจับต้องมานาน มันจึงถูกปกคลุมด้วยชั้นฝุ่นสีเทาอ่อนๆ
แต่หรงซิวกลับไม่สนใจและยกมือขึ้นจับมัน
เย่ว์หลิงตกใจ ที่แท้นายท่านก็ต้องการสิ่งนี้นี่เอง!