ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 929 จดหมายมาถึงแล้ว
ตอนที่ 929 จดหมายมาถึงแล้ว
ในเดือนนี้ทั้งเดือน นางต่อสู้กับหรงซิวเกือบทุกวัน และความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของนาง ก็เพิ่มขึ้นด้วยความเร็วที่พิสูจน์ได้ด้วยตาเปล่า
ทว่าทุกครั้งที่ความแข็งแกร่งของนางพัฒนาขึ้น ความแข็งแกร่งของหรงซิวก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นเขาจึงเอาชนะนางได้เสมอ
แต่เหมือนว่าเขาจะรู้ตัวดีว่าควรรักษาระดับพลังปราณไว้ในระดับใด ที่เขาจะสามารถใช้ล้มนางได้ โดยไม่ทำให้นางได้รับอันตราย
แต่ความจริงแล้ว นี่คือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด
เพราะแค่นี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่า หรงซิวสามารถควบคุมพลังปราณดั้งเดิมได้ถึงระดับที่เหลือเชื่อ!
เดิมทีฉู่หลิวเยว่ไม่เชื่อเรื่องพรรค์นี้ แต่แล้วนางก็ต้องพบกับความสิ้นหวัง หรงซิวผู้นี้…นางไม่อาจตรวจจับความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาได้เลย!
เมื่อใดก็ตามที่นางคิดว่าพบจุดอ่อนของเขาและสามารถเอาชนะมันได้ ก็พลันค้นพบว่าเขายังมีวิธีรับมือนางอีกหลากหลาย
ดังนั้นฉู่หลิวเยว่จึงค่อยๆ ตระหนักได้ว่ากว่านางจะเอาชนะเขาได้อย่างสมบูรณ์นั้น เกรงว่าคงต้องใช้เวลาอีกมากโข
ทว่าสิ่งนี้หาได้ทำให้นางเจ็บปวดไม่ แต่มันกลับทำให้จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของนาง พลุ่งพล่านกว่าเดิมหลายเท่า! และนางก็ค่อยๆ ค้นพบว่า “การแลกเปลี่ยนความรู้” แบบนี้ มีประสิทธิภาพมากกว่าการฝึกหนักในทะเลทรายจันทราสีชาดเสียอีก
เมื่อเทียบกับหุ่นเชิดเหล่านั้น หรงซิวดีกว่ามากในทุกด้าน และเพราะเขาสามารถใช้พลังปราณดั้งเดิมได้ มันจึงมีประโยชน์ในการต่อสู้มากกว่า
ฉู่หลิวเยว่คิดเรื่องนี้ทั้งวันทั้งคืน และมักจะคิดเกี่ยวกับวิธีเอาชนะเขาด้วยกำลังที่ด้อยกว่าหนึ่งขั้นของตน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ความแข็งแกร่งของนางพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดโดยไม่รู้ตัว และตลอดการฝึกฝนก็ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น!
ดังนั้น หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ในที่สุดพลังปราณของนางก็มาถึงเกณฑ์ที่สามารถทะลวงได้แล้ว!
เมื่อก่อนตอนอยู่ในทะเลทรายจันทราสีชาด นางได้ทะลวงผ่านไปสู่ระดับหกขั้นกลางแล้ว
ตอนนี้นางทะลวงได้อีกครั้ง มันจะขยับขึ้นสู่ระดับหกขั้นสูงสุด!
ฉู่หลิวเยว่รอการไหลเวียนของพลังปราณ และมองเข้าไปในส่วนลึกของจิตใจอย่างเงียบๆ
ในจุดตันเถียน เหนือไข่มุกธารา มีเส้นอักขระหกเส้นลอยอยู่นิ่งๆ
ห้าเส้นแรงนั้นส่งประกายสวยงาม แต่มีเพียงเส้นสุดท้ายที่หม่นแสงกว่าใคร
พลังปราณดั้งเดิมที่หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของนาง ได้ชะล้างชีพจรดั้งเดิมตามแขนขาและกระดูกของนางออกไป และในที่สุดทั้งหมดก็มารวมกันที่นี่!
ดั่งท้องทะเลและแม่น้ำที่เต็มไปด้วยคลื่นพลังที่ถาโถมเข้ามาเรื่อยๆ!
ขณะนั้นเองอวัยวะตันทั้งห้า[1]ก็เชื่อมต่อกัน และลมปราณที่บรรจุอยู่ในนั้นก็เพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ชั่วขณะหนึ่ง ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็สัมผัสได้ว่ามันถึงเวลาแล้ว นางรวบรวมพลังปราณทั้งหมดในจุดตันเถียน แล้วปล่อยกระแทกเข้ากับไข่มุกธาราอย่างแรง!
ตูม!
พลังปราณทั้งสองปะทะกันอย่างดุเดือด!
เสียงคำรามดังกึกก้องข้างในกายของฉู่หลิวเยว่!
ก่อนจะมีเสียงแตกร้าวดังขึ้นมา!
แกรก!
ราวกับมีบางสิ่งที่มองไม่เห็นทะลุทะลวงออกมา!
และเพียงพริบตา ฉู่หลิวเยว่ก็มองเห็นว่าเส้นอักขระเส้นที่หกนั้น สลัดความหม่นหมองบนตัวมันออกไปเรียบร้อยแล้วก่อนจะค่อยๆ เผยให้เห็นสีที่งดงามและแข็งแกร่งของมัน!
หึ่ง!
คลื่นความผันผวนแผ่กระจายออกมาจากด้านบน!
ฉู่หลิวเยว่ลืมตาขึ้นทันที!
ดวงตากลมที่แต่เดิมมันวาวเสมือนหยกดำ บัดนี้ได้กลายเป็นลูกไฟสองดวงที่กำลังลุกโชติช่วงก็มิปาน!
แดงเดือดดั่งแสงตะวันแผดเผา!
สุกสกาวดั่งดวงจันทร์อันเย็นเยียบ!
พลังปราณทั้งสองหลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์ และลมปราณอันไร้เทียมทานก็ปะทุออกมา!
ในยามนี้…นางมาถึงระดับหกขั้นสูงสุดแล้ว!
…
ทันทีที่ซั่งกวนโหยวเดินมาถึงด้านนอกตำหนักเจาเยว่ เขาก็สัมผัสได้ถึงลมปราณอันน่าสะพรึงกลัว ที่ปะทุออกมาจากข้างใน!
เขาเร่งฝีเท้าแล้วพุ่งตัวเข้าไปข้างในอย่างเร็ว
เหมือนว่าพลังนั่นจะมาจากห้องบรรทมของเยว่เอ๋อ…
และบริเวณด้านหน้าประตูบานใหญ่ที่ปิดอยู่ ก็มีร่างโปร่งยืนอยู่ตรงนั้น
หรงซิวนั่นเอง!
ในตอนนั้นเอง เขาก็ยกมือขึ้นแล้วสร้างค่ายกลกั้นระหว่างห้องบรรทมและด้านนอกไว้ เพื่อปิดกั้นคลื่นความผันผวนทั้งหมดไม่ให้ลอดออกมา
เปรียบดั่งน้ำฝนที่ตกลงสู่มหาสมุทรโดยไร้คลื่นน้ำ
รูม่านตาของซั่งกวนโหยวหดตัวลง!
แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีพรสวรรค์เท่าเยว่เอ๋อ แต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่เลวเลย หลังจากพักฟื้นมาสักระยะหนึ่ง ตอนนี้เขาก็ดึงพลังปราณของตัวเองกลับสู่ระดับแปดได้แล้ว
มิฉะนั้นสมัยก่อนเขาคงไม่ได้ครองบัลลังก์จักรพรรดิหรอก
แต่เมื่อได้เห็นฉากนี้ เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าความแข็งแกร่งของหรงซิวนั้น เหนือกว่าเขาอย่างแน่นอน!
และนี่ทำให้เขามั่นใจมากกว่าการคาดเดาครั้งก่อนเสียอีก!
เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหว หรงซิวก็หันกลับมามองทันที ครั้นเห็นซั่งกวนโหยว ร่างสูงโปร่งก็พลันแย้มยิ้มและทำความเคารพ
ซั่งกวนโหยวมองเขาด้วยสายตาซับซ้อน
“นี่เจ้า… ทำเพื่อปกป้องเยว่เอ๋อหรือ?”
หรงซิวพยักหน้า
“นางเพิ่งทะลวงสู่ระดับหกขั้นสูงสุดพ่ะย่ะค่ะ”
ถึงก่อนหน้านี้เขาเดาได้อยู่แล้ว แต่ซั่งกวนโหยวก็ยังตื่นเต้นเมื่อได้ยินคำยืนยันจากหรงซิวอยู่ดี
“จริงหรือ?”
เขามองไปยังประตูที่ปิดสนิทด้วยสายตาที่กระตือรือร้นและภาคภูมิใจ
เขาจำได้ว่าเมื่อเยว่เอ๋อกลับมา นางดูเหมือนจะอยู่แค่ระดับหกขั้นกลางเท่านั้น
และเขาไม่ได้คาดหวังว่านางจะทะลวงถึงจุดสูงสุดได้เร็วขนาดนี้
“จังหวะนี้ข้าต้องขอบใจเจ้าสินะ?”
ซั่งกวนโหยวมองหรงซิวแล้วเอ่ยถาม
เขารู้ว่าหรงซิวเข้าวังเป็นประจำทุกวันเพื่อฝึกฝนกับเยว่เอ๋อ
ซึ่งเห็นได้ชัดว่าหรงซิวมีส่วนช่วยให้เยว่เอ๋อเลื่อนระดับได้อย่างราบรื่น
หรงซิวอมยิ้มเล็กน้อย
“นางมีพรสวรรค์ที่โดดเด่น มันจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนาง”
ภายในคำพูดและการกระทำของเขา ไม่ได้มีการยกความดีความชอบให้ตัวเองแฝงอยู่เลยสักนิด
ซั่งกวนโหยวไม่ได้พูดอันใดต่ออีก
การทะลวงจากระดับหกขั้นกลางสู่ขั้นสูงสุดนั้น แม้จะเป็นเพียงช่วงสั้นๆ แต่แท้จริงแล้วมีช่องว่างขนาดใหญ่ขวางอยู่ตรงกลาง
ถึงพวกเขาจะเป็นผู้ฝึกตนที่มีชีพจรตี้จิงก็ตาม แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทะลวงผ่านขึ้นสู่ระดับนั้น ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งปีเช่นนี้
ความเร็วของเยว่เอ๋อในตอนนี้ เกือบจะเทียบได้กับตอนที่นางมีชีพจรเทียนจิงอยู่กับตัว
ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เขาแอบไปสืบหาข่าวคราวก่อนหน้านี้ของเยว่เอ๋อเป็นจำนวนมาก
และได้รู้ว่านางได้สูญเสียชีพจรดั้งเดิมไปและกลายเป็นสตีที่ไม่มีอันใดเลย แต่นางกลับมาถึงจุดนี้ได้ภายในเวลาเพียงหนึ่งปี
เมื่อลองเปรียบเทียบกันแล้ว นี่มันเร็วกว่าความเร็วในการฝึกฝนของนางในอดีตอีก!
ขณะเดียวกัน ก็มีเสียง “แอด” ดังขึ้น พร้อมประตูบานใหญ่ที่ค่อยๆ เปิดออก
หรงซิวสะบัดแขนเสื้อ ค่ายกลรอบๆ พลันพังลงทันที! ก่อนจะเปลี่ยนเป็นจุดแสงจำนวนนับไม่ถ้วน แล้วระเบิดกลางอากาศ!
ซั่งกวนโหยวอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองหรงซิวอีกครั้ง และเริ่มสงสัยเกี่ยวกับตัวตนและภูมิหลังของเขามากขึ้น
สิ่งมีชีวิตอันทรงพลังชนิดใดที่สามารถเลี้ยงดูปลูกฝังคนประเภทนี้ได้…
ความคิดเหล่านี้แวบเข้ามาในหัวของเขา และฉู่หลิวเยว่ก็เดินออกมา
นางตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นซั่งกวนโหยว
“ท่านพ่อ?”
ซั่งกวนโหยวมองนางด้วยความปิติยินดี
“ขอแสดงความยินดีกับเยว่เอ๋อของเราที่ทะลวงผ่านอีกครั้ง!”
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่เปล่งประกายสดใส ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว
“ขอบพระทัยท่านพ่อ ว่าแต่วันนี้ท่านมีธุระอันใดกับข้าหรือ?”
ซั่งกวนโหยวพยักหน้าแล้วหยิบจดหมายเชิญที่ซ่อนอยู่ในหลืบเสื้อออกมา
“ราชวงศ์เป่ยหมิงส่งจดหมายมา”
หัวใจของฉู่หลิวเยว่พลันเต้นระรัว!
มาแล้วสินะ!
[1] อวัยวะตันทั้ง 5 ในทางการแพทญ์แผนจีนจะหมายถึง หัวใจ ตับ ปอด ม้ามและไต