ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 953 หยั่งเชิง
ตอนที่ 953 หยั่งเชิง
หลังจากคำนวณเวลาคร่าวๆ แล้ว พวกเขาเพิ่งเข้าไปในหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงได้แค่หกชั่วโมงเท่านั้นเอง!
แต่กระดิ่งทองคำของอู่หมิงก็แตกเสียแล้ว ดังนั้นค่ายกลป้องกันระดับแปดก็จะปรากฏขึ้นมา อีกทั้งมันไม่มีทางให้ถอยได้อีกแล้ว!
ภายในช่วงเวลาสั้นๆ เขาได้เจออันใดบ้างกันแน่?
แล้วคนอื่นๆ เล่า?
ฉู่หลิวเยว่เบนสายตาออกมาอย่างสงบ นางขยับข้อมือขึ้นเล็กน้อย และเก็บกระดิ่งทองคำซ่อนลงไป แต่ในใจกลับตื่นตระหนกขึ้นมา
ยังดีที่นางนั่งรอคอยอย่างสงบมาโดยตลอด ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีคนมาสังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยนี้
ในที่สุดกลุ่มของราชวงศ์ไท่อวี่ก็เข้าไปหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงเป็นกลุ่มสุดท้าย สถานที่นั้นเงียบลงทันที
จากการคาดการณ์เดิม จะต้องใช้เวลาสิบห้าวันหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงถึงจะเปิดขึ้นได้อีกครั้ง
ภายในครึ่งเดือนต่อมา สามหยวนรวมยอดและพลังที่สะสมอยู่ภายในมากว่าพันปีก็ระเบิดออกมา เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างในหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงกลับสู่สมดุล ดังนั้นมันจึงสร้างวงจรถัดไปโดยอัตโนมัติ
ซึ่งนั่นก็หมายความว่าพวกเขาจะต้องรออยู่ด้านนอกเป็นเวลาครึ่งเดือน
และแน่นอนว่ากลุ่มคนในนั้นจะมีส่วนหนึ่งที่ไม่รออยู่ที่นี่เพราะว่าทนแรงกดดันของม่านพลังไม่ไหว หรือได้รับบาดเจ็บ หรืออาจจะเป็นสาเหตุอื่นๆ
แต่ทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่สภาพความแข็งแกร่งของแต่ละคน!
เมื่อฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมองม่านพลังที่กลับสู่สภาพเดิม สีหน้าของนางก็สงบนิ่งขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะออกมาเร็วกว่าที่คาด…
…
ในตอนนั้นเอง ภายในวังหลวงหลินโจว ทุกอย่างก็ดูเป็นปกติอย่างมาก
เนื่องจากจวินฉีจือ จวินจิ่วชิงและคนอื่นๆ ล้วนไปอยู่ที่หุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวง ในตอนนั้นท้องฟ้าเพิ่งจะสว่างขึ้น แต่วังหลวงกลับเย็นและเงียบอย่างมาก
ตำหนักตะวันออก
ทหารลาดตระเวนกลุ่มหนึ่งเพิ่งจะส่งต่อเวรยามให้กับอีกกลุ่มได้สำเร็จ
“แม้ว่าช่วงนี้ไท่จื่อจะไม่ได้อยู่ที่วังหลวง แต่เราก็ไม่สามารถคลายความระมัดระวังได้ ต้องจับตาดูแลอย่างเข้มงวด ห้ามให้ใครก็ตามเข้ามาในบริเวณนี้เด็ดขาด เข้าใจหรือไม่?!”
ชายผู้หนึ่งที่มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าก็ตะโกนขึ้นมาด้วยเสียงดังลั่น
“ขอรับ! ท่านไว้ใจได้เลย เรื่องนี้พวกเราล้วนทราบดี เรื่องราวเช่นนี้ พวกเราจะกล้าประมาทได้อย่างใด?”
เหมือนว่าทหารคนที่มารับช่วงต่อจะกลัวคนผู้นั้นอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว จากนั้นก็ตอบรับด้วยความเคารพ
“เข้าใจก็ดีแล้ว!”
เมื่อเห็นว่าพวกเขา “เชื่อฟัง” ขนาดนี้ ชายผู้นั้นก็พยักหน้าด้วยความพอใจ ก่อนจะส่งสัญญาณไปยังนายทหารที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“ไปกันเถิด!”
เมื่อพูดจบคนกลุ่มนั้นก็เดินจากไปทันที
หลังจากเงาร่างของคนเหล่านั้นหายไปจนลับตาแล้ว ชายสองสามคนที่รับช่วงต่อก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“พี่ใหญ่เฉียน ผู้ชายคนนั้นทรงพลังมากเลย ทุกคนล้วนเป็นทหารลาดตระเวน แล้วเหตุใดเขาถึงดูสูงกว่าคนอื่นหนึ่งขั้นเล่า?”
เด็กหนุ่มรูปร่างผอมบางอ่อนแอถามขึ้นเสียงเบาด้วยความประหลาดใจ
“หึ เสี่ยวซ่ง เจ้าเพิ่งมาทำหน้าที่แทนเหล่าซื่อ ดังนั้นวันนี้จึงเป็นวันแรกที่เจ้าเข้ามาทำงาน และยังมีเรื่องบางเรื่องที่เจ้ายังไม่รู้ ผู้ชายคนนั้นน่ะ มีนามว่าซั่งปิ่งเหอ แต่เขาเป็นคนที่ไม่สามารถยั่วโมโหได้เอย่างเด็ดขาด อย่าว่าแต่พวกเราเลย ต่อให้เป็นนางกำนัลที่รับใช้ในตำหนักตะวันออก ส่วนใหญ่แล้วต้องไว้หน้าเขาสามส่วน!”
“หา? เขาแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยหรือ?” เสี่ยวซ่งเบิกตากว้าง ราวกับว่าตกใจอย่างมาก “หรือว่าเขามีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่จนไม่สามารถยั่วโมโหได้?”
“ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก ที่เขาสามารถทำตัวกำเริบเสิบสานได้นั้น ความจริงแล้วก็เป็นเพราะว่าเขาเป็นคนสนิทของไท่จื่อ! เขาได้พาตัวคนผู้นี้กลับมาตั้งแต่ไท่จื่อกลับมาจากการฝึกฝนเมื่อสองปีก่อนอย่างไร้สาเหตุ อีกทั้งยังเชื่อใจคนผู้นี้อย่างมาก เรื่องสำคัญบางอย่างก็ยกหน้าที่ให้เขาเป็นคนทำ และมอบหมายอำนาจให้เขาดูแลตำหนักตะวันออกอย่างเต็มที่”
“นั่นสิ มีไท่จื่อคุ้มกะลาหัว เขาจึงสามารถกำเริบเสิบสานแบบนี้ได้ หึ!”
คนที่อยู่ด้านข้างก็พูดแทรกขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
เสี่ยวซ่งพยักหน้าเห็นด้วยแล้วบ่นพึมพำเสียงเบาว่า
“อย่างนี้นี่เอง…ต่อไปนี้หากเจอเขา ข้าจะต้องระวังตัวหน่อยแล้ว…”
“ฮ่าๆ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก! เจ้ามาแทนที่เหล่าซื่อไม่กี่วันเท่านั้น หลังจากที่เหล่าซื่อหายดีแล้ว เจ้าก็จะถูกย้ายกลับไปในตำแหน่งเดิม และไม่จำเป็นจะต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก!”
คนที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่เฉียน ตบไหล่ของเสี่ยวซ่งเบาๆ
เสี่ยวซ่งอดที่จะเม้มริมฝีปากไม่ได้
“พี่ใหญ่เฉียน ข้าไม่ได้อยากจะพูดมากนะ แต่ท่านทำงานอยู่ที่ตำหนักตะวันออกมานานหลายปี และมีคุณสมบัติมากกว่าเขาตั้งเยอะ ตำแหน่งของท่านควรจะสูงกว่าเขาด้วยซ้ำ แต่ทว่า…”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ใบหน้าของเฉียนเต๋อโฮ่วและคนอื่นๆ ก็แข็งค้างไปทันที
เหมือนว่าเสี่ยวซ่งจะสัมผัสได้ว่าคำพูดของเขานั้นมีอันใดบางอย่างผิดไป เขาจึงรีบพูดขึ้นว่า
“ดูปากข้าสิ ข้าพูดไม่เป็นเลยจริงๆ ! พี่ใหญ่เฉียน อย่าถือสาข้าเลยนะขอรับ! เมื่อครู่ข้าเพิ่งได้สุราดีมากาหนึ่ง…ข้าแบ่งให้ท่านดีหรือไม่?”
คนที่อยู่ใกล้ชิดต่างก็รู้ว่าเฉียนเต๋อโฮ่วไม่มีความชอบด้านอื่น มีเพียงแค่ชอบดื่มสุรามากก็เท่านั้นเอง!
และเป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อเฉียนเต๋อโฮ่วได้ยินดังนั้น สีหน้าของเขาก็ผ่อนคลายลงทันที
แต่เขาก็ยังขมวดคิ้วแล้วพูดเสียงเข้มว่า
“พูดบ้าอันใดของเจ้าน่ะ! จะให้ข้าดื่มตอนนี้เลยหรือ!?”
เสี่ยวซ่งหัวเราะแหะๆ
“พี่ใหญ่เฉียน ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้เชิญให้ท่านดื่มตอนนี้ แต่ว่าให้ท่านนำสุรากานี้กลับไปดื่มที่บ้าน ท่านเป็นคนที่ชิมสุราเป็นมากที่สุดแล้ว พอดีเลยเมื่อชิมแล้วก็ช่วยข้าประเมินหน่อยว่าสุรานี้เป็นอย่างใด? ถ้านำของเช่นนี้มาไว้กับข้า เกรงว่ามันจะเปล่าประโยชน์แล้ว!”
พูดจบเขาก็หยิบสุราออกมาจากในแหวนมิติกาหนึ่ง
แต่เหมือนว่าเขาถือได้ไม่มั่นคง ทำให้สุราที่อยู่ในกากระฉอกออกมาเล็กน้อย
แววตาของเฉียนเต๋อโฮ่วเปล่งประกายขึ้นมา
นี่มันเป็นสุราชั้นเลิศ!
นั้นทำให้เขาลังเลใจในทันที ภายใต้การคะยั้นคะยอของเสี่ยวซ่ง เขาจึงต้องรับสุรากานั้นมาอย่างไม่เต็มใจ
“เอาล่ะๆ พอได้แล้ว! ไปทำงานกันได้แล้ว!”
เฉียนเต๋อโฮ่วตะโกนขึ้นมา
“ตอนนี้ไท่จื่อไม่อยู่ตำหนัก จะต้องตรวจตราให้ละเอียดขึ้นกว่าเดิม เข้าใจหรือไม่!”
“ขอรับ!”
…
ครึ่งชั่วยามต่อมา เสี่ยวซ่งยืนอยู่ที่มุมหนึ่ง เขาหาตัวเฉียนเต๋อโฮ่วที่ร่างกายเต็มไปด้วยกลิ่นสุรา เขากำลังหลับอยู่เพราะความเมา
เขาหัวเราะขึ้นมา ในตอนนั้นเองใบหน้าอ่อนเยาว์ก็มีประกายความเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย
“เฮ้ ท่านเซียนเมาแล้ว ด้วยส่วนผสมที่นายน้อยใส่ลงไป แม้กระทั่งเซียนทองคำต้าโหลวก็ยังต้านทานไม่อยู่!”
เมื่อพูดจบเขาก็สาวเท้าก้าวขึ้นมาด้านหน้าพร้อมพูดว่า
“ในเมื่อดื่มสุราของนายน้อยก็เอาเสื้อผ้ามาให้นายน้อยยืมเสียดีๆ!”
…
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างของเฉียนเต๋อโฮ่วก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูตำหนักตะวันออกด้านใน พร้อมกับป้ายแสดงตัว
“ไท่จื่อมีคำสั่ง ให้ข้ามาหยิบของบางอย่างในห้องทรงอักษร”
เมื่อเห็นว่าคนที่มาเป็นใครนั้น ทหารยามรักษาการณ์หน้าประตูก็ประหลาดใจอย่างมาก
ตำหนักตะวันออกนี้ แบ่งเป็นส่วนด้านในและด้านนอก และมีการแบ่งเขตการรักษาการณ์อย่างชัดเจน โดยเฉพาะคนที่รับผิดชอบอยู่ข้างนอก พวกเขาแทบจะไม่เข้ามาข้างในเลย
แล้วเฉียนเต๋อโฮ่วมาทำอันใดที่นี่?
ทั้งสองคนมองหน้ากัน และพบว่าอีกฝ่ายต่างมีสีหน้างุนงง
“หัวหน้าเฉียน ท่านบอกว่าไท่จื่อมีรับสั่งให้มาเอาของหรือ? แต่ว่าในตอนนี้ไท่จื่อน่าจะเข้าไปในหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงแล้วไม่ใช่หรือ?”
เฉียนเต๋อโฮ่วพยักหน้า
“ไท่จื่อสั่งเอาไว้ก่อนที่พระองค์จะออกเดินทาง เหตุใดหรือ พวกเจ้าสงสัยในตัวข้า หรือว่าเจ้าจะสงสัยในตัวของไท่จื่อ?”
“ไม่กล้า!”
เฉียนเต๋อโฮ่วนับได้ว่าเป็นคนเก่าแก่ของตำหนักตะวันออก ไม่ว่าอย่างใดก็ต้องไว้หน้าเขาอยู่หลายส่วน
ยิ่งไปกว่านั้น ไท่จื่อมักจะทำอันใดตามใจชอบอยู่แล้ว…
“เชิญ…ท่านต้องการให้ข้าน้อยส่งคนไปกับท่านด้วยหรือไม่?”
เฉียนเต๋อโฮ่วเหลือบสายตามองพวกเขาอย่างราบเรียบ
“นี่เป็นคำสั่งลับของไท่จื่อ คนรู้น้อยมากเท่าไรยิ่งดีมากเท่านั้น เข้าใจหรือไม่?”
ทั้งสองคนจึงไม่กล้าถามมาก และรีบตอบรับ
“ขอรับ!”
เฉียนเต๋อโฮ่วขยับปกเสื้อให้ตรง จากนั้นก็สาวเท้าเดินเข้าไปด้านใน
**********************************