ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 955 สวรรค์ช่วยข้าแล้ว
ตอนที่ 955 สวรรค์ช่วยข้าแล้ว
สายตาของฉู่หลิวเยว่จับจ้องอีกฝ่ายตาเขม็ง!
“จริงหรือ?”
ตอนแรกที่นางสั่งให้อู่เหยาทำ ความจริงแล้วนางไม่ได้คาดหวังมากเท่าไรด้วยซ้ำ
ท้ายที่สุดแล้วที่นี่ก็คือหลินโจว เป่ยหมิง เป็นสถานที่ที่นางไม่คุ้นเคย หากจะต้องการตามหาท่านพ่อ ก็ถือว่าเป็นเรื่องงมเข็มในมหาสมุทรแล้ว
ในบรรดาสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ มีเพียงอู่เหยาเท่านั้นที่เคยไปเป่ยหมิง นับว่าคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้พอสมควร
เดิมทีเมื่อสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ได้ยินข่าวคราว ก็จะกลับไปที่ซีหลิงทันที แต่เมื่อพิจารณาแล้วว่า มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าท่านพ่ออาจจะถูกจับอยู่ที่หลินโจว ฉู่หลิวเยว่จึงให้อู่เหยาเปลี่ยนทิศทาง และให้เดินทางมาที่นี่ก่อน
แต่คาดไม่ถึงว่าอู่เหยาจะเจอเบาะแสจริงๆ!
อู่เหยาพยักหน้า และสังเกตสีหน้าของฉู่หลิวเยว่ เมื่อเห็นว่านางมีปฏิกิริยาเช่นนี้ ก็อดที่จะสงสัยเล็กน้อยไม่ได้
“ฝ่าบาท คนผู้นี้…มีความสัมพันธ์อย่างใดกับท่านหรือ? คาดไม่ถึงว่าท่านจะใส่ใจเขาขนาดนี้? ปกติแล้ว ฝ่าบาทไม่ใช่คนที่แสดงอารมณ์ผ่านสีหน้า มีเพียงไม่กี่คนบนโลกนี้ที่จะทำให้ท่านรู้สึกกังวลใจได้”
ก่อนหน้านี้เขาเพียงแค่ได้รับคำสั่งมาว่าให้ตามหาคน แต่ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นคือใคร
ฉู่หลิวเยว่อธิบายขึ้น
“คนผู้นั้นคือท่านพ่อของข้าเอง ฉู่หนิง”
อู่เหยาชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจในทันที
แซ่ฉู่…ท่านพ่อของฝ่าบาท
ถ้าเช่นนั้นน่าจะต้องเป็นท่านพ่อแท้ๆ ของกายเนื้อร่างนี้
มิน่าล่ะนางถึงให้ความสำคัญขนาดนี้
ดูๆ ไปแล้ว ความสัมพันธ์ของฝ่าบาทกับฉู่หนิงผู้นี้ค่อนข้างจะสนิทสนมกันมากทีเดียว
หลังจากรู้สถานะที่แท้จริงของฉู่หนิงแล้ว ในตอนนั้นอู่เหยาก็เชื่อมโยงหลายๆ อย่างเข้ามาพร้อมกัน และเข้าใจกระจ่างแจ้งทันที
“เป็นเช่นนี้นี่เอง…”
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่า ภายในห้องทรงอักษรของไท่จื่อเป่ยหมิงนั้น มีร่องรอยของท่านพ่อของข้าหรือ?” ฉู่หลิวเยว่ไล่ถามขึ้น
“ถูกต้อง”
สีหน้าของอู่เหยาจริงจังขึ้นหลายส่วน
“ก่อนหน้านี้ที่ท่านส่งของของใต้เท้าฉู่หนิงมาให้ข้า บนนั้นมีลมปราณของเขาติดอยู่ หลังจากที่ข้าเข้าไปในห้องทรงอักษรแล้ว และเมื่อสืบหาอย่างละเอียด ก็มั่นใจได้ว่าเขาเคยปรากฏตัวที่นั่นจริงๆ”
อู่เหยาชอบกลั่นสุรา จมูกดีมาก และบังเอิญว่าได้เลี้ยงสัตว์อสูรดมกลิ่นไว้อีกตัว มันจึงสะดวกมากถ้าใช้ตามหาคน
“คำนวณตามระยะเวลาแล้ว ใต้เท้าฉู่หนิงน่าจะเคยปรากฏตัวที่นี่ภายในครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้”
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอย่างหนัก
ในเวลานั้น ท่านพ่อน่าจะเพิ่งโดนพาตัวมาที่หลินโจว
อีกทั้งหลังจากนั้นไม่นาน จวินจิ่วชิงก็ได้ส่งเทียบเชิญมา บอกเกี่ยวกับการนัดหมายภายในหนึ่งเดือน
ไม่รู้ว่าครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ท่านพ่อของนางจะต้องเจอกับอันใดมาบ้าง แล้วตอนนี้จะเป็นอย่างใดบ้าง?
“ถ้าตามร่องรอยนี้ไปอาจจะได้เจอกับท่านพ่อของข้าหรือไม่?”
อู่เหยาขมวดคิ้วขึ้น
“เพียงแต่เกรงว่าจะต้องใช้เวลาพอสมควร ท้ายที่สุดแล้วเรื่องนี้ก็ผ่านมานานเกินไป ลมปราณของใต้เท้าฉู่หนิงก็หายไปเกือบจะทั้งหมดแล้ว ครั้งนี้สามารถมั่นใจว่าเขาเคยไปที่ห้องทรงอักษร ข้าน้อยก็ใช้ความพยายามอย่างมากที่จะตรวจสอบความถูกต้อง ยิ่งไปกว่านั้น…”
เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย
“ยิ่งไปกว่านั้น ที่ใต้เท้าฉู่หนิงสามารถเข้าไปในห้องทรงอักษรได้ นั่นก็หมายความว่าเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับไท่จื่อแน่นอน ท่านอาจจะไม่รู้จักบุคคลผู้นี้มากนัก แต่เขาเป็นคนที่โหดเหี้ยม ทำเรื่องโดยไม่สนวิธีการ และที่สำคัญที่สุด ทั้งเมืองหลินโจวนี้เป็นถิ่นของเขา ขอเพียงแค่เขาต้องการ เขาก็สามารถลบร่องรอยได้อย่างง่ายดาย หากเขาตั้งใจจะซ่อนตัวของใต้เท้าฉู่หนิงแล้วละก็…นั่นจะต้องเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก”
“บนโลกนี้ไม่มีกำแพงใดที่ไม่มีรู ขอเพียงแค่เขาทำแล้ว เขาจะต้องทิ้งเบาะแสเอาไว้อย่างแน่นอน”
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ตอนนี้จวินจิ่วชิงได้เข้าไปในหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงแล้ว ในช่วงนี้เขาจะต้องติดอยู่ด้านในไม่สามารถออกมาได้แน่ อีกทั้งความสนใจของผู้อื่นก็หันไปอยู่ที่เรื่องนี้ทั้งหมด ขอเพียงแค่ตามหาอย่างอดทน จะต้องพบรูรั่วของอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน”
ระยะเวลาครึ่งเดือนนี้ เป็นจังหวะเวลาที่ดีที่สุด!
อู่เหยากลอกสายตา ที่แท้ที่ฝ่าบาทไม่เข้าหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวง ก็เพราะเหตุผลนี้นี่เอง…
ดูเหมือนว่าใต้เท้าฉู่หนิงผู้นี้ จะมีความสำคัญต่อฝ่าบาทไม่น้อยเลย
เมื่อตระหนักได้ถึงจุดนี้ อู่เหยาก็เพิ่มความสำคัญกับเรื่องนี้อีกด้วย เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วแน่น เขาจึงยกยิ้ม แล้วพูดขึ้นว่า
“ฝ่าบาทได้โปรดวางใจเถอะ แม้ว่าอู่เหยาจะใช้จมูกนี้จนพัง แต่ก็ต้องช่วยใด้เท้าฉู่หนิงกลับมาได้อย่างแน่นอน”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะ
“ต้องอาศัยอสูรเหวินเฟิงคอยช่วย แต่เหตุใดเจ้าถึงรับความดีความชอบไปคนเดียวเล่า?”
อู่เหยาหัวเราะแหะๆ
“มันคือสัตว์อสูรของข้าน้อย แน่นอนว่าความดีความชอบก็ต้องเป็นของข้าน้อยอยู่แล้ว”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มแล้วส่ายหน้า ไม่ได้ไปเถียงอันใดกับเขามาก
อู่เหยามีนิสัยเป็นอิสระ เรียบง่าย แต่ก็ใจกว้าง ละเอียดอ่อน เวลาทำงานก็สามารถพึ่งพาได้ตลอด
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกวางใจอย่างมาก
“ความจริงแล้วข้าน้อยคิดว่า ตอนนี้ใด้เท้าฉู่หนิงอาจจะถูกขังอยู่ในวังหลวง”
เมื่อพูดจบแล้ว สีหน้าของอู่เหยาก็จริงจังขึ้นมาหลายส่วน
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปชั่วคราว
“หมายความว่าอย่างใด?”
“ไท่จื่อเป่ยหมิงอยู่ที่ตำหนักตะวันออกตลอดเวลา แม้ว่าพระองค์จะถึงวัยสวมกว้านแล้ว แต่เหมือนว่าพระองค์จะยังไม่มีแผนการที่จะย้ายจวนออกไปที่นอกพระราชวัง อีกทั้งการตรวจตราของตำหนักตะวันออกนั้น ก็เข้มงวดอย่างมาก เหมือนว่าจะเข้มงวดกว่าตำหนักอื่นอย่างมาก ข้าน้อยจะต้องเปลืองแรงมากกว่าจะสามารถเข้าไปในห้องทรงอักษรครั้งนี้ได้ เดิมทีข้าน้อยอยากจะไปที่อื่นด้วย แต่ว่ามันไม่สำเร็จ”
ภายในตำหนักตะวันออก ห้องทุกห้องล้วนมีองครักษ์ยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้าประตูโดยเฉพาะ
นอกจากจวินจิ่วชิง ไม่ว่าใครก็เข้าไปโดยพละการไม่ได้
เพียงแค่จุดนี้จุดเดียว ก็น่าสงสัยมากแล้ว
อู่เหยาอยู่ที่เป่ยหมิงมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง ชื่อเสียงของไท่จื่อพระองค์นี้ก็ดังลั่นฟ้าอย่างมาก
ถึงจะเป็นอย่างนั้น แต่เขาก็ไม่เคยคิดเลยว่าตำหนักตะวันออกจะมีการป้องกันที่เข้มงวดและแน่นหนาขนาดนี้
หากบอกว่าด้านในนี้ไม่มีเรื่องลับลมคมใน ผีก็คงไม่เชื่อ
แต่ว่าพฤติกรรมของจวินจิ่วชิงก็ล้วนจะเอาแต่ใจอยู่เสมอ ดังนั้นแม้กระทั่งจวินฉีจือก็ไม่ได้ออกความเห็นอันใด
ฉู่หลิวเยว่ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ ราวกับกำลังใช้ความคิด
ในตอนนั้นเองนางก็เงยหน้าขึ้นมา
“ถ้าอยากรู้คำตอบ ก็ไปสืบค้นเสียสิ้นเรื่อง คืนนี้ข้าจะไปสำรวจตำหนักตะวันออก!”
อู่เหยาตกใจอย่างมาก รีบพูดขึ้นว่า
“ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ที่นั่นมีการป้องกันที่หนาแน่น อีกทั้งมีม่านพลังจำนวนนับไม่ถ้วน ตอนท่านเข้าไป หากไม่ระวังเพียงเล็กน้อยก็จะถูกจับได้ทันที!”
แม้กระทั่งเขา หลังจากทรมานอยู่หลายวัน ก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวตน และเข้าไปอย่างยากลำบาก
หากฝ่าบาทจะบุกเข้าไป มันจะอันตรายอย่างมาก นี่เปรียบเทียบกับการเข้าถ้ำเสือได้เลย
ฉู่หลิวเยว่กลับหัวเราะขึ้น
“เจ้าคิดว่า ด้วยระดับพลังของข้าในตอนนี้ หากเข้าไปก็จะมีคนพบตัวได้ อีกทั้งยังเอาตัวรอดออกมาไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”
อู่เหยาสำลัก น้ำเสียงเบาลงหลายส่วน
“ไม่ใช่ คือว่า คือว่า ข้าน้อยแค่เป็นห่วงท่าน!”
เขามองออกได้ว่า ระดับจอมยุทธ์ของฝ่าบาทในตอนนี้คือระดับหกขั้นสูง
สำหรับคนทั่วไปแล้วนี่นับว่าโดดเด่นอย่างมาก แต่ถ้าหากแค่ฝีมือระดับนี้แล้วบุกเดี่ยวเข้าไปที่วังหลวงเป่ยหมิง มันไม่ได้จริงๆ!
“คือว่า ข้าน้อยรู้ว่าระดับฝีมือของท่านในตอนนี้ไม่อ่อนแอ อีกทั้งยังผูกพันธสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์ แต่ที่พระราชวังเป่ยหมิงนี้ มีผู้แข็งแกร่งมากมายดุจเมฆา! แม้ว่าท่านจะรอดพ้นสายตาการตรวจจับของคนเหล่านั้น แต่พระราชวังก็มีค่ายกลระดับเก้าวางเอาไว้อยู่ ท่านปลดผนึกมันไม่ออกหรอก!”
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“เจ้าบอกว่า พระราชวังเป่ยหมิงได้วางค่ายกลระดับเก้าไว้อย่างนั้นหรือ? เหมือนกับแนวชายแดนพวกนั้น?”
อู่เหยาชะงักไป
“เหมือนว่า…จะมีส่วนคล้ายกันเล็กน้อย…เหตุใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ไม่เหตุใด”
ริมฝีปากของฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มขึ้น แสงสว่างเปล่งประกายในดวงตาของนางอย่างรวดเร็ว
“สวรรค์ช่วยข้าแล้ว!”