ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 957 เม็ดที่สอง
ตอนที่ 957 เม็ดที่สอง
ร่างของฉู่หลิวเยว่หายไปต่อหน้าต่อหน้าเขาอย่างรวดเร็ว รอยแยกบนม่านพลังนั้น ค่อยๆ สมานตัวอย่างรวดเร็ว
แค่เวลาชั่วพริบตาเดียว ค่ายกลทั้งสองที่ถูกบังคับให้แยกออกจากกัน จากนั้นก็เชื่อมต่อกันอีกครั้ง
ลำแสงสีเงินกะพริบปริบๆ หลังจากนั้นมันก็ค่อยๆ ดับแสงลง ม่านพลังกลับคืนสู่สภาพปกติแล้ว กลายเป็นรูปร่างที่โปร่งแสงอีกครั้ง
เหมือนว่า…ทั้งหมดมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
อู่เหยาหลับตาลง แต่ยังรู้สึกมึนงงอยู่เช่นเดิม
หลังจากนั้นเขาก็อดที่จะหยิกหน้าตัวเองไม่ได้
“โอ๊ย…”
ความรู้สึกเจ็บปวดทำให้เขาได้สติ และรีบหยุดมือ
แต่ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้เขารู้อย่างชัดเจนว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น เป็นความจริง!
คาดไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะสามารถทะลวงค่ายกลของพระราชวังเป่ยหมิงได้จริง!
“ให้ตายเถอะ…”
อู่เหยาอดที่จะอุทานเสียงต่ำออกมาไม่ได้
“หรือว่าสองปีที่ผ่านมา ฝ่าบาทหาสถานที่ที่ฝึกฝนต่อไปได้นะ?”
ถ้าไม่เช่นนั้นแล้วฝ่าบาทจะทำเรื่องเช่นเมื่อครู่นี้ได้อย่างใด?
แต่เมื่อคิดอย่างละเอียดแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น
ก่อนหน้านี้ที่พี่ใหญ่ส่งข่าวมา กล่าวว่าฝ่าบาทได้เปลี่ยนกายเนื้อแล้ว และได้เล่าเรื่องตัวตนของฉู่หลิวเยว่ของแคว้นเย่าเฉินจนกลับมาถึงเมืองซีหลิงทีละขั้นตอน
เหมือนว่ากายเนื้อร่างเก่าของนางนั้นจะเป็นเพียงขยะที่ไม่มีเส้นชีพจรลมปราณ…
แต่ว่าตอนนี้…
มิน่าล่ะก่อนหน้านี้ฝ่าบาทถึงตรัสอย่างหนักแน่นว่าคืนนี้จะต้องไปที่ตำหนักตะวันออกให้ได้
ไม่แน่ว่านางอาจจะมีไพ่ไม้ตายใบอื่นอยู่?
อู่เหยาลูบขมับของตัวเองรู้สึกปวดหัวอย่างมาก
มีนายท่านที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ พวกเขาที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาก็รู้สึกลำบากใจอย่างมาก!
…
ร่างเงาของฉู่หลิวเยว่กลืนไปกับความมืดอย่างสมบูรณ์แบบ
การเคลื่อนไหวที่ปราดเปรียว การสาวเท้าอย่างรวดเร็ว กอปรกับก่อนหน้านี้ได้สลักแผนที่พระราชวังเอาไว้ในสมองอย่างแม่นยำแล้ว ดังนั้นการเดินทางของนางในครั้งนี้นั้นราบรื่นอย่างมาก และตรงดิ่งไปทางพระราชวังตะวันออกอย่างรวดเร็ว!
ระหว่างทางได้เจอกับทหารที่มาลาดตระเวนอยู่ แต่นางก็ได้ซ่อนกลิ่นอายลมปราณของตนเองเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจะไม่มีใครหาตัวนางเจอ
ด้วยวิธีการเช่นนี้ นางใช้เวลาเพียงหนึ่งเค่อ ในที่สุดก็มาถึงพระราชวังตะวันออกแล้ว
บางทีอาจจะเป็นเพราะไท่จื่อไม่อยู่ อีกทั้งนี่เป็นเวลากลางดึก การป้องกันของตำหนักตะวันออกก็ไม่ได้เข้มงวดนัก
และน่าจะไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ว่าจะมีคนใจกล้าเทียมฟ้าบุกเข้ามาถึงที่นี่ด้วยตนเองในเวลากลางค่ำกลางคืน
แต่สิ่งที่พวกเขาคิดไม่ถึงยิ่งกว่านั้นก็คือ ม่านพลังที่ทรงพลังนั้นไม่สามารถขวางทางคนผู้นี้ได้
ฉู่หลิวเยว่เข้าไปในตำหนักอย่างไร้เสียง
ทันทีที่นางก้าวเข้ามาด้านในตำหนัก นางก็สามารถสัมผัสได้เลยในทันทีว่าภายในตำหนักกับด้านนอกนั้น แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!
ท่ามกลางความมืด มีพลังปราณที่แข็งแกร่งได้ซ่อนเร้นความมืดหลายมุม!
…นอกจากทหารยามที่ยืนเฝ้าอย่างชัดเจนแล้ว ภายในตำหนักยังมีผู้ที่แข็งแกร่งจำนวนไม่น้อยที่คอยเฝ้ายามอยู่ในความมืดด้วย!
ยังดีที่ฉู่หลิวเยว่ได้เตรียมตัวอย่างรอบคอบแล้ว ขอเพียงแค่ไม่ได้ปะทะกันซึ่งๆ หน้า คนเหล่านี้ก็ไม่มีทางพบตัวนางได้อย่างง่ายดายเด็ดขาด
ฉู่หลิวเยว่ซ่อนตัวในความมืด นางหลับตาลง กลั้นลมหายใจ และลองค้นหาลมปราณของฉู่หนิง
ตอนแรกที่นางอาศัยอยู่ในแคว้นเย่าเฉิน เพราะว่านางมีเรื่องอยู่เป็นประจำ จึงทำให้ฉู่หนิงเป็นกังวล ดังนั้นหลังจากนั้นเป็นต้นมา นางจึงตั้งใจทิ้งของบางอย่างไว้ที่ร่างกายของเขา และเมื่ออยู่รัศมีที่กำหนดมันก็สามารถสื่อถึงกันได้
ตอนนี้ ไม่รู้ว่านางสามารถใช้ของสิ่งนี้ค้นหาได้อยู่หรือไม่?
รอบข้างเงียบงันไร้เสียง ฉู่หลิวเยว่รออยู่ด้วยใจจดใจจ่อ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานขนาดไหนแล้ว ระลอกคลื่นที่อ่อนแอที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้น!
ฉู่หลิวเยว่ลืมตาขึ้นมา! แล้วมองไปยังทิศหนึ่ง!
เหมือนว่าจะอยู่ภายในห้องทรงอักษร!
…
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้อู่เหยาบอกว่า ท่านพ่อน่าจะเคยมาที่นี่เมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว แต่ลมปราณที่หลงเหลืออยู่ภายในนั้นอ่อนแรงอย่างมาก เขาน่าจะออกไปนานแล้ว
แต่ว่าระลอกคลื่นนี้ เหตุใดถึงลอยออกมาจากด้านในนั้น!
บางที…อาจจะเป็นช่องทางลับที่ซ่อนเอาไว้อยู่ในห้องทรงอักษรหรือ? หรือว่าอาจจะมีห้องตำแหน่งอื่นที่นางไม่รู้?
ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม นางจะต้องไปดูเสียก่อน!
แต่น่าเสียดายที่ด้านนอกของห้องทรงอักษรมีทหารยามหลายคน หากต้องการจะเข้าไปอย่างไร้เสียงนั้น เกรงว่าจะเป็นเรื่องที่ยาก
ในตอนที่ฉู่หลิวเยว่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นเอง เสียงฝีเท้าคู่หนึ่งก็ดังขึ้นจากสถานที่ไม่ไกล
นางรีบหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว จากนั้นนางก็เห็นว่ามีชายคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาที่ด้านนอกเรือน!
จากนั้นนางก็รีบซ่อนตัวตนในเงามืดอย่างสมบูรณ์แบบทันที!
เสียงฝีเท้าขยับเข้าใกล้มาเรื่อยๆ รูปร่างและหน้าตาของชายผู้นั้น ค่อยๆ ปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ
ยามราตรีนี้มีเพียงความมืดมิด มีเพียงแสงดาราที่พร่างพราว สอดสว่างริบหรี่
ทำให้ฉู่หลิวเยว่มองเห็นโครงร่างเลือนรางเท่านั้น
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็พบว่าคนผู้นั้นต้องการจะเข้าไปในห้องทรงอักษร!
เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องแล้ว ทหารยามที่อยู่ตรงนั้นก็ทำความเคารพอย่างพร้อมเพรียง
“คารวะใต้เท้าซั่ง!”
ซั่งปิ่งเหอพยักหน้า
“วันนี้มีอันใดผิดปกติหรือไม่?”
“ไม่มีขอรับ”
นายทหารส่ายหน้าโดยพร้อมเพรียง
“อื้อ งั้นก็ดี”
ซั่งปิ่งเหอพยักหน้า มือข้างหนึ่งเอามือไพล่หลัง ท่าทางดูกดดันอย่างมาก
“ไท่จื่อไม่อยู่ แต่เรื่องทั้งหมดต้องไม่หย่อนยาน!”
“ขอรับ!”
นายทหารคนหนึ่งอดถามขึ้นอย่างลังเลไม่ได้ว่า
“ใต้เท้าซั่ง วันนี้ตอนกลางวันท่านมาลาดตระเวนไปแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดตอนกลางคืนก็มาอีกแล้วล่ะ?”
ซั่งปิ่งเหอมองไปที่ห้องทรงอักษรที่ปิดสนิทอยู่
ไม่รู้ว่าเหตุใด สองวันที่ผ่านมานี้เขาถึงรู้สึกกระสับกระส่ายอย่างมาก เดิมทีเขาตั้งใจจะพักผ่อน แต่หัวใจของเขาก็สั่นไหวขึ้นมา ไม่ว่าอย่างใดก็ไม่สามารถสงบใจลงมาได้ ดังนั้นเขาจึงต้องมาดูอีกครั้ง
“ไม่มีอันใด ไท่จื่อไม่อยู่ จึงอยากมาดูให้มากหน่อย เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีอันใด”
นายทหารทั้งสองคนพยักหน้าอย่างเข้าใจ
ไม่ว่าจะทำเรื่องอันใดก็ตามซั่งปิ่งเหอล้วนจัดการงานอย่างละเอียดรอบคอบ การที่จะทำเรื่องเช่นนี้ไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลก
หรือจะบอกว่าเหมือนว่าไท่จื่อนั้นให้ความเชื่อใจกับเขาตลอดมา อีกทั้งยังมอบอำนาจให้สูงสุด ทำให้เขาสามารถเดินเข้ามาที่ด้านในได้
เขาให้ความสำคัญเยอะมาก และแน่นอนว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาล้วนให้ความเคารพกับเขามาก
เมื่อมั่นใจแล้วว่าที่นี่ไม่มีปัญหาอันใด ซั่งปิ่งเหอก็จะเตรียมตัวเดินจากไป
และในตอนที่เขาเพิ่งจะสาวเท้าออกไป เขาก็ชะงักฝีเท้าเล็กน้อย สายตาหันไปจ้องที่กลอนประตูตาเขม็ง
เมื่อสัมผัสได้ถึงลมปราณที่เปลี่ยนแปลงไป นายทหารทั้งสองคนก็มึนงงและสับสนไปเล็กน้อย
“ใต้เท้าซั่ง เหตุใด…”
“วันนี้ตอนกลางวันมีคนเข้ามาในห้องทรงอักษรนี้หรือ?” ซั่งปิ่งเหอถามขึ้นด้วยเสียงเคร่งเครียด
“ใช่ ใช่ขอรับ เป็นเฉียนเต๋อโฮ่วที่มาที่นี่ขอรับ…เขาบอกว่าเขาได้รับคำสั่งจากไท่จื่อ…”
ผัวะ!
ผัวะ!
เขายังพูดไม่ทันจบ นายทหารทั้งสองคนก็ถูกซั่งปิ่งเหอตบศีรษะอย่างแรง! จนกระเด็นออกไป!
ทั้งสองคนนั้นล้มลงพื้นอย่างแรง! จนกระอักเลือดออกมา!
“ไอ้โง่!”
สีหน้าของซั่งปิ่งเหอเคร่งเครียดอย่างมาก
“เฉียนเต๋อโฮ่วคนนั้นเป็นใครกัน ไท่จื่อจะมอบหมายคำสั่งให้เขาแต่เพียงผู้เดียวได้อย่างใด! พวกเจ้าไม่มีสมองหรือ!”
นายทหารทั้งสองโดนทำร้ายจนพูดอันใดไม่ออก พวกเขาล้มไปกองที่พื้นแล้วกระอักเลือดออกมา ลมหายใจรวยริน
ซั่งปิ่งเหอฝีมือแข็งแกร่ง เขาลงมือด้วยความโมโห จนไม่ได้ยั้งมือ แล้วคนเหล่านี้จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างใด?!
เขากระโดดเข้าไปในห้องทรงอักษรอย่างรวดเร็วราวกับดาวตก จากนั้นก็ปลดล็อกแล้วพุ่งตัวเข้าไป!
ฉู่หลิวเยว่มองไปที่ประตูใหญ่ แววตาขยับเล็กน้อย
ในตอนนั้นเอง กระดิ่งทองคำก็มีระลอกคลื่นเกิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน!
นางหลุบสายตามองต่ำ และรู้สึกตกใจอย่างมาก
คาดไม่ถึงว่ากระดิ่งทองคำของอวี่เหวินจิงหงจะถูกบดขยี้ไปแล้ว!
นางกัดฟันกรอดแล้วโคจรลมปราณ!
รอยผลึกดอกท้อที่อยู่ข้อมือก็สว่างขึ้นทันที
วินาทีถัดมา เงาร่างของนางก็หายไปจากจุดเดิมแล้ว!
**********************************