ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 958 หาเจอแล้ว
ตอนที่ 958 หาเจอแล้ว
หลังจากที่ซั่งปิ่งเหอเข้าไปในห้องทรงอักษรแล้ว เขาก็ตั้งใจตรวจสอบอย่างละเอียด
แต่เมื่อสำรวจไปแล้วรอบหนึ่ง กลับไม่พบร่องรอยของความผิดปกติ เหมือนไม่เห็นร่องรอยว่าเคยมีใครมาที่นี่มาก่อน
แต่อย่างใดก็ตามสิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจยิ่งกว่าเดิม
เพราะนั่นหมายความว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจเข้ามาหยิบสิ่งของจริงๆ แต่จุดประสงค์คืออย่างอื่นมากกว่า!
เขาตั้งใจเข้ามาที่นี่ อีกทั้งระมัดระวังเพื่อไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ ใครจะรู้ว่าความในใจของเขาคืออันใดกันแน่?!
สุดท้ายซั่งปิ่งเหอก็เดินไปที่ชั้นวางหนังสือ จากนั้นก็ลูบคลำมันอยู่ครู่หนึ่ง
หลังจากนั้นด้านหลังของชั้นหนังสือก็มีช่องทางลับช่องทางหนึ่งปรากฏขึ้น
เขาหยิบของบางอย่างออกมาจากช่องทางลับ หลังจากมองมันอยู่สักพัก เขาก็ถอนหายใจออกมา แล้วเก็บมาลงไปที่เดิม
“ยังดี…”
เสียงของนั้นเบามาก แต่น้ำเสียงนั้นยังแฝงไปด้วยความสุขและความหวาดกลัว
หลังจากที่เขายืนอยู่ที่เดิมสักพัก เขาก็เดินออกมา พร้อมกลับมาลูบคล้ำที่ช่องหนังสืออีกครั้ง เหมือนว่ากำลังปิดกลไกช่องทางลับกลับไป
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง และเขามั่นใจแล้วทุกอย่างไม่มีอันใดปลอดภัย เขาจึงหมุนตัวออกไป และลงกลอนอีกครั้ง
ซั่งปิ่งเหอยืนอยู่ตรงบันไดหน้าประตู พร้อมสั่งการเสียงเย็นว่า
“รีบไปนำตัวเฉียนเต๋อโฮ่วมา!”
เขารู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดปกติไป นายทหารที่เฝ้ายามก็รีบตอบรับทันควัน
“ขะ ขอรับ!”
เมื่อพูดจบพวกเขาก็รีบไปอย่างว่องไว
ส่วนนายทหารที่โดนเขาทำร้ายก็นอนกองอยู่ที่พื้นครึ่งเป็นครึ่งตาย ใบหน้าและร่างกายเต็มไปด้วยคราบเลือด เขาอยากจะขอความเมตตา แต่เขาไม่กล้าพูดอันใดแม้แต่น้อย เขาได้แต่สั่นสะท้านเพราะความหวาดกลัว
พวกเขาต่างรู้กันดี เมื่อเกิดเรื่องขึ้น เขาจะต้องเป็นคนตายคนแรก!
สายตาของซั่งปิ่งเหอเย็นชาอย่างมาก
“ใครก็ได้! มาเอาทั้งสองคนนี้ไปขังด้วย! และเรียกให้เฉียนเต๋อโฮ่วให้มาพบข้าด้วย!”
“ขอรับ!”
…
ด้านนอกห้องทรงอักษร กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง บรรยากาศกดดันและเย็นชา จนทำให้คนแทบจะหายใจไม่ออก
แต่ฉู่หลิวเยว่ที่อยู่ภายในห้องทรงอักษรกลับสามารถหายใจได้อย่างโล่งคอแล้ว นางจึงขยับมือและคอเพื่อคลายความปวดเมื่อย
เมื่อครู่ตอนที่ซั่งปิ่งเหอเข้ามา นางก็ฉวยโอกาสเคลื่อนที่และลอบเข้ามาด้านใน
ซั่งปิ่งเหอสำรวจอยู่รอบหนึ่ง ทำให้นางจะต้องขดตัวอยู่ในพื้นที่ขนาดเล็ก ทำให้ร่างทั้งร่างของนางแข็งทื่อ
ยังดีที่ในที่สุดเขาก็ออกไปสักที อีกทั้งปิดประตูลงกลอนไปอีกครั้ง
สิ่งนี้ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับฉู่หลิวเยว่อย่างใหญ่หลวง
แม้กระทั่งตัวนางเองยังต้องยอมรับเลยว่า โชคเข้าข้างนางอย่างมาก!
คนที่อยู่ด้านนอกยังคงรอจับตัวเฉียนเต๋อโฮ่วมาอยู่ ฉู่หลิวเยว่จึงรู้สึกวางใจได้เล็กน้อย และเดินไปที่ชั้นวางหนังสืออย่างไร้เสียง
เมื่อครู่นางเห็นเพียงเลือนรางเท่านั้น ว่าซั่งปิ่งเหอยืนอยู่ตรงนี้แล้วสามารถเปิดประตูห้องลับได้ แต่นางไม่สามารถมองอย่างชัดเจนว่าวิธีการเปิดนั้นมันทำอย่างใดกันแน่
ดังนั้นตอนนี้นางจึงต้องหาวิธีเปิดให้ได้เร็วที่สุด ชั้นวางหนังสือนี้ หากมองผ่านๆ ก็จะเห็นว่ามันเป็นเพียงชั้นหนังสือทั่วไปเท่านั้น ไม่มีความแตกต่างจากชั้นหนังสืออื่นเลยแม้แต่น้อย
ไม่มีม่านพลัง ไม่มีค่ายกล แม้กระทั่งสัญลักษณ์พิเศษก็ไม่มี
ปกติ ธรรมดา
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองมันไปสักพักหนึ่ง จากนั้นก็ลงมืออย่างลังเล
ก่อนหน้านี้นางเคยเรียนรู้เรื่องกลไกกับเฉินอี จึงสามารถมองเห็นกลไกได้บางอย่าง
แต่นางก็ไม่มั่นใจว่าสามารถเปิดได้อย่างราบรื่นหรือไม่
หลังจากนั้นนางพยายามหาวิธีหลายอย่าง แต่ไม่ว่าอย่างใดประตูช่องทางลับก็ยังไม่ยอมเปิดสักที
“ใต้เท้าซั่ง นำตัวเฉียนเต๋อโฮ่วมาแล้วขอรับ!”
ทันใดนั้นที่ด้านหน้าก็มีเสียงกรีดร้องดังลั่นขึ้นมา
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกตกใจอย่างมาก
เวลาของนางเหลือไม่มากแล้ว!
นางต้องรีบเปิดกลไกนี้ให้ได้เร็วที่สุดแล้ว!
ภายในความเร่งด่วน นางต้องพยายามอีกครั้งอย่างรวดเร็ว!
และในที่สุดชั้นหนังสือก็มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว!
พื้นผิวกระดานที่เรียบเนียนถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วนอย่างกะทันหัน มีทั้งขึ้นและลง มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา!
น่าเสียดายที่ช่องทางลับนั้นไม่ปรากฏออกมา
“เฉียนเต๋อโฮ่ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าให้เจ้ามาที่นี่?”
นี่เป็นเสียงของซั่งปิ่งเหอ!
เม็ดเหงื่อบนหน้าผากของฉู่หลิวเยว่ผุดพรายขึ้นมา นางรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมาก และลองหาทางอีกครั้ง!
“ข้าน้อย…ข้าน้อยไม่ทราบ…”
น้ำเสียงของเฉียนเต๋อโฮ่วเต็มไปด้วยความมึนงง และยังแฝงไปด้วยความหวาดกลัว
เดิมทีเขานอนหลับไปแล้ว แต่ใครจะรู้เล่าว่าจะมีคนมาอุ้มเขาออกจากเตียงแล้วพามาที่วังหลวงเช่นนี้!
และยังเป็นหน้าห้องทรงอักษรของไท่จื่ออีกด้วย!
เมื่อมองไปยังใบหน้าของซั่งปิ่งเหอ เขาก็รู้ว่านี่มันเรื่องยาแน่นอน!
แต่ตัวเขาเองไม่รู้จริงๆ ว่านี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่!
“พวกเขาบอกว่า วันนี้เจ้าเข้ามาที่ห้องทรงอักษรของไท่จื่อ?” ซั่งปิ่งเหอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะตะโกนขึ้นมาว่า “เจ้ากล้าหาญเชียวนะ!”
ผัวะ!
เสียงตบหน้าดังลั่น!
หัวใจของฉู่หลิวเยว่ถูกบีบรัดจนแน่น นางจึงรีบพยายามขึ้นอีกครั้ง!
ตารางไม้เปลี่ยนแปลง แต่ช่องทางลับก็ยังไม่ปรากฏออกมา!
“ข้าน้อย ข้าน้อยเปล่า…อ๊าก!”
“พูด! นี่มันเรื่องอันใดกันแน่!”
ในตอนนี้ข้อโต้แย้งของเฉียนเต๋อโฮ่วดูขาดพลังอย่างมาก ใบหน้าของเขาซีดขาว
“หรือจะบอกว่าทุกคนที่อยู่ในเรือนนี้นั้นพูดปดมดเท็จหรือและสร้างข่าวลือให้เจ้าหรือ?! หรือว่าต้องให้ข้าพาเจ้าเข้าไปเพื่อทวนความทรงจำ?!”
เมื่อซั่งปิ่งเหอพูดจบ เสียงวุ่นวายภายหน้าเรือนก็ดังขึ้น
เสียงฝีเท้าขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ!
เหมือนว่าพวกเขาต้องการจะเข้ามาด้านในนี้จริงๆ!
แผ่นหลังของฉู่หลิวเยว่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ!
แกร๊ก!
เสียงปลดกลอนประตู!
ฉู่หลิวเยว่กัดฟันกรอด สองมือไล่ผ่านไปยังชั้นหนังสืออย่างรวดเร็ว และพยายามลองเป็นครั้งสุดท้าย!
หากครั้งนี้ยังไม่ได้เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นอย่างใดนางก็คงต้องยอมแพ้แล้ว!
“ตึก”
เสียงแผ่วเบาดังขึ้นมา ในที่สุดก็ช่องทางลับก็ปรากฏขึ้นมาแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่สาวเท้าขึ้นไปด้านหน้าแล้วหยิบของชิ้นนั้นออกมา!
เมื่อนางหยิบขึ้นมาถือในมือ นางก็รู้สึกถึงความเย็นและหนัก
หลังจากที่นางมองของที่อยู่ในมืออย่างชัดเจนแล้ว ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่ก็เต็มไปความตกใจ
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นกระจกทองสัมฤทธิ์!
เพียงแต่ว่านี่ไม่ใช่กระจกทองสัมฤทธิ์ธรรมดา เพราะมันไม่ได้สะท้อนใบหน้าของคนที่ถือกระจก แต่ด้านในนั้นกลับเต็มไปด้วยเลือด!
เมื่อมองแว๊บแรกจะนึกว่าทะเลโลหิต มันน่าตกใจอย่างมาก!
ลมปราณที่น่ากลัวแผ่กระจายออกมาอย่างท่วมท้น จนทำให้เกือบจะหายใจไม่ออก!
ไอเย็นที่ยากจะพรรณนากระจายออกมาจากฝ่าเท้า ทำให้ร่างของฉู่หลิวเยว่หนาวสั่นอย่างรุนแรง!
ไม่รู้ว่าเหตุใด แค่มองเพียงครู่เดียว นางกลับสามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่กระจายออกมาอย่างรุนแรง!
นางพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ขว้างกระจกบานนี้ออกไป จากนั้นก็เริ่มจ้องตาเขม็ง
กลิ่นคาวเลือดที่อยู่ด้านบนนั้นค่อยๆ จางหายทีละนิด จากนั้นก็มีภาพเหตุการณ์ที่เลือนรางปรากฏขึ้น
เหมือนว่ามันเป็นกรงขังกรงหนึ่ง รอบด้านเต็มไปด้วยความมืดมิด ไม่สามารถมองได้อย่างชัดเจน
ภายในกรงขังนั้นมีเงาคนร่างหนึ่งที่อยู่ด้านใน
เขานั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ที่คอมีโซ่พันล้อมรอบ เขาก้มหน้าลงต่ำ ร่างกายเต็มไปด้วยคราบเลือด และไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย
หัวใจของฉู่หลิวเยว่กระตุกวูบ!
นางสามารถจดจำได้ทันทีว่าร่างร่างนั้นคือ ร่างของฉู่หนิง!
นางขบริมฝีปากแน่น พยายามควบคุมตัวเองอย่างถึงที่สุด ที่จะไม่ตะโกนออกเสียงมา
ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เหมือนว่าเขาจะผอมลงไปเยอะทีเดียว ข้อมือที่โผล่พ้นชายเสื้อของเขานั้น ผอมแห้งเหลือแต่กระดูก
ความโกรธของนางพลุ่งพล่านขึ้นมา เหมือนกับว่าต้องการจะระเบิด!
ทันใดนั้นเอง เสียงดัง “ปัง!” ก็เกิดขึ้น มีคนเปิดประตูเข้ามาแล้ว!