ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 961 ข้าจะเอา
ตอนที่ 961 ข้าจะเอา
ในตอนนั้นเองกระดิ่งทองคำเม็ดสุดท้าย ก็ระเบิดจนแหลกละเอียดแล้ว!
นั่นหมายความว่า เจี่ยนเฟิงฉือและคนอื่นๆ ทั้งห้าคน ที่เข้าไปในหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงล้วนตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย!
ตามหลักการแล้ว หากเผชิญอันตรายจากหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวง ทางหุบเขาจะคัดคนออกมาเอง แต่ว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครออกมาเลยสักคน!
สายตาของฉู่หลิวเยว่จ้องไปที่ม่านพลังสีสันสดใสนั้นตาเขม็ง
คลื่นลมสงบ ราวกลับไม่เคยมีอันใดเกิดขึ้นมาก่อน
แต่นี่กลับทำให้นางรู้สึกกังวลใจมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของฉู่หลิวเยว่ คนที่อยู่ด้านข้างก็มามองที่นางเป็นตาเดียว
ใบหน้าของหญิงสาวยังเต็มไปด้วยความเย็นชา แววตามีประกายเยือกแข็ง
คนทั้งหลายมองหน้ากันไปมา นี่มัน…เกิดอันใดขึ้นหรือ?
ดูจากท่าทางของนางแล้ว เหมือนว่าด้านในจะเกิดอันใดบางอย่างขึ้น?
ถานไถเฉินเองก็คิดเช่นนั้น เขาก็หรี่ตาลงเล็กน้อย มุมปากยิ้มเยาะเป็นรอยยิ้มเย็นๆ ที่มองเห็นไม่ค่อยชัด
ไม่ว่าฉู่หลิวเยว่จะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ในตอนนี้นางก็ทำอันใดไม่ได้แล้ว!
ดูสิว่าครั้งนี้นางจะกำเริบเสิบสานได้อย่างใด!
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ฉู่หลิวเยว่ก็สาวเท้าเดินขึ้นไปข้างหน้า นางอยู่ห่างจากม่านพลังนั้นประมาณสิบก้าว ก่อนจะมองไปยังผู้อาวุโสฮวาเซียนที่ยืนนิ่งอยู่ตรงกลาง
“รบกวนผู้อาวุโสทุกท่านช่วยข้าด้วย ข้าต้องการเข้าไปในหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวง”
…
เงียบกริบ
คำพูดของฉู่หลิวเยว่ดังขึ้นอย่างกะทันหันราวกับสายฟ้าฟาด ทำให้ทุกคนตกใจจนตาเบิกโพลง อ้าปากค้าง
แม้กระทั่งผู้อาวุโสฮวาเซียนที่เห็นเหตุการณ์มาน้อยใหญ่ก็ยังตกใจจนชะงักไปเช่นกัน
จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วมุ่น
“ซั่งกวนเยว่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังพูดอันใดออกมา?”
เพราะว่าเขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ฐานะของเขาอยู่เหนือผู้อาวุโสทั่วไปนานแล้ว แม้กระทั่งจวินฉีจือยังต้องเคารพเขาสามส่วน ดังนั้นเขาจึงมีคุณสมบัติที่จะพูดและแสดงท่าทางเช่นนี้กับฉู่หลิวเยว่
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างแน่วแน่
“ผู้น้อยทราบ”
“ที่นี่คือหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวง พันปีถึงจะเปิดหนึ่งครั้ง ด้านบนมีม่านพลังที่แข็งแกร่งครอบอยู่ เดิมทีมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเปิด เมื่อสองสามวันก่อน เป็นช่วงเวลาที่มันอ่อนแรงที่สุด และเป็นเพราะผู้อาวุโสทั้งหมดร่วมมือกัน ถึงจะสามารถเปิดมันได้อย่างยากลำบาก! ในตอนนี้เจ้าได้พลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเข้าไปด้านในแล้ว”
ผู้อาวุโสฮวาเซียนส่ายหน้า แสดงท่าทางปฏิเสธโดยตรง
“ความคิดเช่นนี้ เจ้าล้มเลิกเสียดีกว่า!”
ฉู่หลิวเยว่กำหมัดกรอด ขมวดคิ้วแน่น
“สิ่งที่ท่านพูดมาเหล่านั้น ผู้น้อยทราบดีทั้งหมด แต่ว่าตอนนี้ผู้น้อยมีเหตุผลที่จะต้องเข้าไปให้ได้! รบกวนผู้อาวุโสทุกท่านช่วยผู้น้อยด้วย!”
ผู้อาวุโสฮวาเซียนมองหน้านาง ดวงตาของชายชราเหมือนจะมองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง แต่ทว่าน้ำเสียงกับเย็นชาและเฉยเมย
“เจ้าต้องการเข้าไปเพราะว่าคนที่อยู่ด้านในกำลังมีอันตรายสินะ? หากเป็นเหตุผลนี้ เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ต้องพูดแล้ว เดิมทีการเข้าไปในหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงก็อันตรายมากอยู่แล้ว หากเจ้าต้องการได้รับโอกาสที่คนทั่วไปไม่มีทางได้รับ เช่นนั้นก็ต้องรับความเสี่ยงและแรงกดดันเหล่านี้!”
“ไม่ต้องพูดเรื่องความยากในการเปิดม่านพลังในตอนนี้เลย ต่อให้จะพยายามเปิดมันออกมาจนได้ และเจ้าเข้าไปได้แล้ว แล้วคนอื่นล่ะ? หรือว่าจะต้องเข้าไปพร้อมกับเจ้าด้วย?”
ในเมื่อเป็นการแข่งขัน ก็ต้องมีความยุติธรรม
เมื่อพูดถึงข้อนี้แล้ว ถึงจะเริ่มเข้าใจ!
ฉู่หลิวเยว่กำหมัดแน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม จนข้อนิ้วขึ้นสีขาว
สิ่งที่ผู้อาวุโสฮวาเซียนพูดนั้น นางย่อมเข้าใจดี
แต่ประเด็นสำคัญเลยก็คือ สถานการณ์ของเจี่ยนเฟิงฉือและคนอื่นๆ มันผิดปกติอย่างมาก!
หุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงเป็นหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ของราชวงศ์เป่ยหมิง เป็นสถานที่ๆ ในปีนั้นมีผู้แข็งแกร่งก้าวข้ามสู่แดนเซียน แม้ว่ามันจะมีอันตราย แต่เป็นไปไม่ได้ที่คนเหล่านั้นจะถูกบีบบังคับไม่ให้เหลือทางเดินภายในไม่กี่วัน!
อาจจะเป็นเพราะหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงนี่แปลกจริงๆ หรือไม่ก็อาจจะมีคนลอบโจมตีพวกเขา!
แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็เป็นเรื่องเร่งด่วนทั้งนั้น!
หรือว่าจะต้องให้นางลืมตารออยู่ด้านนอกแบบนี้น่ะหรือ?
เมื่อเห็นแววตาไม่ยินยอมของฉู่หลิวเยว่ ผู้อาวุโสฮวาเซียนก็ส่ายหน้า
“ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างใด รออีกเก้าวันหลังจากนี้ ทุกอย่างจะถูกเปิดเผยขึ้นเอง”
เก้าวัน?
แค่วันเดียวนางก็รอไม่ได้แล้ว!
เดิมทีที่นางให้กระดิ่งทองคำพวกเขาไป เพราะว่าเป็นห่วงความปลอดภัยของพวกเขา
คนหรือสองคนบีบจนแตกก็ช่างเถิด แต่ตอนนี้มันแตกทั้งหมดห้าอัน!
ไม่ว่าอย่างใดวันนี้นางจะต้องเข้าไปด้านในให้ได้!
“เช่นนั้นก็หมายความว่าผู้อาวุโสฮวาเซียนไม่ยินยอมให้ความช่วยเหลือใช่หรือไม่?”
น้ำเสียงของฉู่หลิวเยว่เย็นยะเยือก พร้อมถามขึ้นอย่างช้าๆ
ผู้อาวุโสฮวาเซียนขมวดคิ้วแน่น
ฉู่หลิวเยว่ผู้นี้ เหตุใดถึงดื้อรั้นขนาดนี้นะ?
เขารู้สึกกรุ่นโกรธขึ้นมาในใจเล็กน้อย จากนั้นจึงพูดว่า
“ในเมื่อเจ้าอยากเข้าไป ก็ใช่ว่าจะไม่มีหนทาง! เพียงแต่เจ้าต้องเปิดม่านพลังของหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงด้วยตนเอง แล้วเจ้าจะเข้าหรือออกก็ตามสบาย! เมื่อถึงตอนนั้น ข้าจะไม่ขวางเจ้าเลยแม้แต่น้อย!”
นี่มันไม่ใช่ทางตันของฉู่หลิวเยว่หรอกหรือ?
ต่อให้เป็นผู้อาวุโสฮวาเซียนก็ยังจำเป็นต้องใช้ยอดฝีมือจากแคว้นต่างๆ ทั้งหมดยี่สิบห้าคนมาร่วมมือกันถึงจะเปิดม่านพลังนี้ได้
ถ้าให้ฉู่หลิวเยว่ทำคนเดียวล่ะก็…
นางจะทำได้อย่างใด!?
นี่เท่ากับเป็นการปฏิเสธเงื่อนไขของนางอย่างชัดเจน
หลังจากได้ยินดังนั้น นางก็ยืนอยู่ที่เดิมพร้อมเงียบไปครู่หนึ่ง แววตาคลุมเครือ
หนิงหยวนที่ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจกับทุกสิ่งรอบตัวกลับกวาดสายตามองแล้วพูดขึ้นเสียงเบาว่า
“ทุกคนต่างมีชีวิตของตัวเอง ผู้อาวุโสฮวาเซียนพูดได้ถูกต้อง ในเมื่อพวกเขาเข้าไปแล้ว ก็จำเป็นจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม ไม่เช่นนั้นเจ้าคิดจะปกป้องพวกเขาไปตลอดหรือ?”
บนโลกนี้มีเหตุผลแบบนั้นที่ไหนกัน
ยิ่งไปกว่านั้นตัวนางเองก็ยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง
ต่อให้เป็นห่วงและเป็นกังวลแต่ก็ต้องพิจารณาถึงความเป็นจริงด้วย
คิดจะบุกเข้าไปในหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงในตอนนี้ ถือว่าเป็นเรื่องไร้สาระมาก
กงซุนเซียวกลอกตาขึ้นแต่ไม่ได้พูดอันใด เขาเพียงยืนบนป้อมปราการ*เท่านั้น
แต่ถานไถเฉินกลับไม่สามารถกลั้นเอาไว้ได้ เขาหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งราวกับต้องการประชดประชัน
“ก่อนหน้านี้ตอนเข้าได้ก็ไม่เข้า พอตอนนี้จะมาบุกเข้าไป หรือว่าหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงคือเทียนลิ่งของเจ้าอย่างนั้นหรือ ทุกคนจึงจะต้องเชื่อฟังเจ้า?”
เอาแต่ใจตัวเองเช่นนี้ ช่างน่าขันเสียจริง!
นางคิดว่าหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงคือที่ไหน? ถึงจะสามารถทำตัวพาลพาโลได้ตามอำเภอใจได้?
“บนโลกใบนี้ ผู้แข่งแกร่งเป็นใหญ่! บางคนเข้าใจผิดเอาของที่ไม่ใช่ของตนมา แน่นอนว่ามันมีราคาที่จะต้องจ่าย”
กลุ่มคนไม่กี่คนของเทียนลิ่งนั้น เหมือนว่าจะเป็นกลุ่มที่อ่อนแอที่สุดแล้วไม่ใช่หรือ?
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จะไม่ล้มเหลวได้หรือ?
หึ
ฉู่หลิวเยว่หมุนตัวกลับ สายตาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง พร้อมจดจ้องไปที่ถานไถเฉินตาเขม็ง
“ราคา? เหมือนว่าจักรพรรดิไหวเหรินจะรู้อันใดบางอย่างมาสินะเจ้าคะ?”
สีหน้าของถานไถเฉินแข็งค้างไปทันที แต่หลังจากนั้นไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ
“เรื่องอื่นข้าไม่รู้ ข้ารู้เพียงแต่ว่า ผู้ชนะคือราชา ผู้แพ้คือโจร! คนที่ไม่มีฝีมือ ก็ไม่ควรออกมาทำให้ตัวเองขายหน้าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว!”
คำพูดนี้เป็นคำพูดประชดประชันอย่างโจ่งแจ้ง!
ทุกคนตรงนั้นจึงหันไปมองฉู่หลิวเยว่อย่างอดไม่ได้
ไม่ว่าใครที่ได้ยินคำพูดนี้ ก็จะต้องโมโหจนระเบิดแน่นอน…
แต่ทว่าสีหน้าของฉู่หลิวเยว่นั้นราบเรียบจนน่ากลัว
มุมปากของนางยกยิ้มขึ้นเพียงเล็กน้อย
รอยยิ้มส่งไปไม่ถึงดวงตา เพียงแค่มองก็ทำให้คนรู้สึกใจสั่นได้อย่างไม่รู้ตัว
“จักรพรรดิไหวเหรินพูดได้มีเหตุผล บนโลกใบนี้ มีเพียงคนแข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์พูด”
นางหมุนตัวกลับแล้วหันไปมองทางผู้อาวุโสฮวาเซียน
ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮวาเซียนก็รู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นมา! ความไม่สบายใจพวยพุ่ง!
ฉู่หลิวเยว่เอียงศีรษะ
“ผู้อาวุโสฮวาเซียน เมื่อครู่นี้ท่านพูดว่าหากข้าสามารถเปิดม่านพลังได้ด้วยตัวเอง ข้าก็จะสามารถเข้าออกได้ ใช่หรือไม่?”
ผู้อาวุโสฮวาเซียนขมวดคิ้วแน่น แต่ก็ยังพยักหน้า
“ถูกต้อง!”
“ดี!”
ฉู่หลิวเยว่ตอบกลับอย่างชัดเจน
“เช่นนั้นวันนี้ข้าจะเปิดม่านพลังเอง!”
*ยืนบนป้อมปราการ แปล การยืนบนป้อมปราการ เฝ้าสังเกตสองฝ่ายรบกัน แต่ไม่สนใจความหมายตรงกับของไทย คือ นิ่งดูดาย