ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 963 ปกป้อง
ตอนที่ 963 ปกป้อง
ฉู่หลิวเยว่พิจารณากระบี่หลงหยวนในมือ แล้วพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มขบขัน
“แต่ว่าข้านั้นใจกว้างอยู่แล้ว จักรพรรดิไหวเหรินไม่จำเป็นต้องกล่าวขอบคุณ!”
ขอบคุณ!?
ขอบคุณก็บ้าแล้ว!
ถานไถเฉินรู้สึกเจ็บหน้าอกเล็กน้อย เขาโกรธแทบจะเป็นฟืนเป็นไฟ!
แต่ว่าตอนนี้ม่านพลังถูกเปิดออกแล้ว เขากลับเถียงไม่ออกแม้แต่ครึ่งคำ!
ใครจะไปคิดเล่าว่าฉู่หลิวเยว่จะสามารถทำได้จริงๆ!?
ไม่เพียงแต่ถานไถเฉินเท่านั้น คนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็รู้สึกตกใจมากเช่นกัน
ม่านพลังนี้จำเป็นจะต้องใช้ยอดฝีมือจำนวนหลายคนร่วมมือกันถึงจะสามารถเปิดออกได้อย่างยากลำบาก แต่ฉู่หลิวเยว่กลับสามารถทำได้อย่างง่ายดาย?
ต่อให้พละกำลังและพรสวรรค์จะเทียมฟ้า แต่มันต้องมีเหตุผลสักหน่อยสิ!?
แบบนี้ยังจะเหลือทางให้คนอื่นได้อย่างใด!?
“ด้วยความช่วยเหลือจากองค์ไท่จู่ราชวงศ์เทียนลิ่งท่านนั้น…มิน่าเล่าเจ้าถึงมั่นใจได้ขนาดนี้”
หนิงหยวนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก แต่สายตากลับมองไปที่กระบี่หลงหยวน
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วแน่น
หนิงหยวนสามารถคาดเดาเรื่องนี้ได้ นางไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิด
เพราะว่าตั้งแต่แรกเริ่ม นางก็ไม่ได้จะปิดบังอยู่แล้ว
ตั้งแต่การพยายามทดลองครั้งแรก องค์ปฐมกษัตริย์เป็นคนลงมือด้วยตนเอง
หากสังเกตอย่างละเอียด ก็จะรู้สึกได้อย่างแน่นอน
“ไท่จู่?”
กงซุนเซียวชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว
“คนที่อีกเพียงแค่ก้าวเดียวก็สามารถบรรลุถึงระดับเซียนได้ คนนั้นน่ะหรือ?”
ใช่เลย!
ก่อนหน้านี้มีข่าวลือมาไม่ใช่หรือว่า ซั่งกวนเยว่ได้เปลี่ยนกายเนื้อมาใหม่ ตอนแรกก็ไม่เป็นที่ยอมรับ แต่เมื่อองค์ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์เทียนลิ่งปรากฏกายขึ้น ก็สามารถแก้ปัญหานี้ได้โดยตรง?
บุคคลในตำนานผู้นั้นเหมือนว่าจะตายไปนานแล้ว แต่ความจริงแล้วจิตวิญญาณของเขายังอยู่!
ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่จิตวิญญาณ แต่ก็แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปมากมายนัก! จนสามารถต่อกรกับม่านพลังนี้ได้
ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นบุคคลที่ใกล้เคียงกับม่านพลังในตำนานนี้ที่สุด!
ผู้อาวุโสฮวาเซียนคนอื่นๆ ก็ตระหนักได้ถึงจุดนี้ สีหน้าจึงดูสับสนอย่างมาก
หรือว่า…
หากว่ามีท่านผู้นั้นคอยช่วย ฉู่หลิวเยว่จะทำตัวกำเริบเสิบสานและสามารถเปิดม่านพลังได้โดยตรง ก็ไม่น่าแปลกใจ
ทันใดนั้นถานไถเฉินก็รู้สึกกลัวขึ้นมา
องค์ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์เทียนลิ่ง?
คนที่ดำรงอยู่แบบกึ่งเทพนั่นน่ะหรือ!?
หากก่อนหน้านี้ถ้านางเรียกอีกฝ่ายออกมาช่วยแล้วล่ะก็…
ถานไถเฉินรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
ถ้าซั่งกวนเยว่รู้เรื่องที่พวกเขาทำลงไปแล้วละก็…
ในตอนนั้นเขาถึงได้ตระหนักได้ว่า ไม่สามารถไปยั่วยุผู้หญิงคนนี้ได้จริงๆ!
เมื่อคิดไปคิดมาเขาก็รีบหุบปากฉับ
…
“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะคิดว่าข้าช่วย เจ้าถึงจะสามารถเปิดม่านพลังนี้ออกมาได้…”
น้ำเสียงขององค์ปฐมกษัตริย์ดังขึ้นแผ่วเบา
“ฮึ ช่างไม่รู้อันใดเลยสินะ หากพวกเขารู้ว่า ความจริงแล้วข้าแค่สนับสนุนเท่านั้น คนที่ลงมือจริงๆ คือเจ้า…พวกเขาคงไม่ได้มีสีหน้าเช่นนี้กันหรอก?”
การลงดาบครั้งที่หนึ่งเขาเป็นคนลงมือก็จริง แต่ตอนนั้นผลการต่อสู้ก็คือเสมอกันเท่านั้น
ท้ายที่สุดแล้วระดับพลังของเขา ก็ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าองค์ปฐมกษัตริย์ของเป่ยหมิงในตอนแรก
แต่การลงดาบครั้งที่สอง คนที่ออกแรงมากกว่ากลับเป็นไข่มุกธาราที่อยู่ในตันเถียนของฉู่หลิวเยว่!
เรียกได้ว่าเป็นการทำลายล้างเลยทีเดียว!
กระบี่หลงหยวนมีพลังบดขยี้สิ่งต่างๆ ที่กีดขวาง ในตอนนั้นเมื่อมันปะทะเข้ากับม่านพลัง ก็สามารถทำลายอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย!
ต่อให้ก่อนหน้านี้องค์ปฐมกษัตริย์จะรู้แล้วว่าของสิ่งนี้ไม่สามารถทำลายได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้เขาก็ต้องตกใจขึ้นอีกครั้งหนึ่ง!
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะในใจ
“แค่โชคช่วยเท่านั้น”
บางครั้งไพ่ใบนี้ก็มีประโยชน์เหมือนกัน!
องค์ปฐมกษัตริย์ไม่ได้พูดอันใด
สิ่งที่เขาไม่ได้บอกฉู่หลิวเยว่ก็คือ ตอนแรกที่พลังนั้นไหลทะลักออกมา แม้กระทั่งเขาก็ยังรู้สึกหวาดกลัวด้วยเช่นกัน!
นั่นเป็นความรู้สึกที่ต้องเผชิญหน้ากับพลังที่แข็งแกร่ง ในใจย่อมมีความหวาดกลัวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้!
เหมือนว่านังหนูคนนี้ยังไม่รู้ซึ้งถึงพลังที่ซ่อนอยู่ในร่างกายตัวเอง ว่ามันเป็นพลังที่น่าตกใจขนาดไหน…
…
ฉู่หลิวเยว่ไม่เสียเวลาไปกับพวกเขามากนัก นางหันหน้ากลับไปมองผู้อาวุโสฮวาเซียน จากนั้นก็ถามขึ้นมาโดยตรงว่า
“ผู้อาวุโสฮวาเซียน ตอนนี้ ข้าเข้าไปได้แล้วใช่หรือไม่?”
ริมฝีปากของผู้อาวุโสฮวาเซียนขยับเล็กน้อย รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าเหมือนว่าจะผูกกันเป็นปมแน่นขึ้น
เขายังจะพูดอันใดได้อีกเล่า?
เรื่องมันก็มาถึงขนาดนี้แล้ว!
เขาจะยังผิดสัญญาได้อีกหรือ?!
สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องพยักหน้าอย่างลำบากใจ
“ข้าพูดแล้วไม่คืนคำ เจ้า…เข้าไปได้!”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มออกมา
“เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านมาก!”
เมื่อพูดจบนางก็สาวเท้าเข้าไปด้านใน
“ช้าก่อน!”
ทันใดนั้นเสียงของกงซุนเซียวก็ดังขึ้น
ฉู่หลิวเยว่ชะงักฝีเท้า แล้วหันกลับไปมอง
กงซุนเซียวตกใจกับสายตาที่เย็นชาของนาง จึงรีบเบี่ยงสายตาออกไปทันที แล้วหัวเราะเสียงดัง
“คือว่า…คือว่า…ซั่งกวนเยว่ เจ้าดูสิ ท้ายที่สุดแล้วนี่ก็คือการแข่งขัน หากเจ้าเข้าไปเช่นนี้ มันคงไม่ยุติธรรม…สำหรับคนอื่นละมั้ง”
ฉู่หลิวเยว่คาดเดาได้อยู่แล้วว่าเขาจะพูดเช่นนี้ จึงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“อ่า? ถ้าเช่นนั้นตามความหมายของผู้อาวุโสกงซุน ท่านคิดว่าจะต้องทำอย่างใดหรือ?”
กงซุนเซียวกระแอมไอหนึ่งครั้ง
ความจริงแล้วเขาก็รู้สึกกระดากอายเล็กน้อย แต่ว่ามันก็ไม่มีหนทางอื่นแล้ว…
“เจ้าดูสิ ในเมื่อเจ้าเข้าไปแล้ว เช่นนั้น…พวกเราก็ส่งคนเข้าไปกลุ่มละหนึ่งคนดีหรือไม่? หนึ่งครั้งสามารถเข้าไปได้ห้าคนพอดี…”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างครุ่นคิด
“ที่ท่านพูดมาก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล หากข้าเข้าไปคนเดียวมันคงจะไม่สนุกอันใด”
แม้กระทั่งถานไถเฉินและคนอื่นๆ ก็ยังมองมาทางนี้
ฉู่หลิวเยว่ลูบคางของตัวเองเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างสดใส
“ถ้าเช่นนั้น…ข้าจะปิดม่านพลังนี้ก่อน จากนั้นขอเชิญให้แต่ละราชวงศ์ส่งคนออกมาเปิดม่านพลังนี้ทีละคน แล้วค่อยเข้าไปด้านใน เมื่อเป็นเช่นนี้ค่อยยุติธรรมขึ้นมาหน่อย ข้ารอได้”
“อันใดนะ? จะ จะทำเช่นนั้นได้อย่างใด?”
กงซุนเซียวเถียงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“ก็เจ้าเปิดม่านพลังได้แล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดต้อง…”
ฉู่หลิวเยว่คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“ท่านเองก็รู้นี่ว่าข้าเป็นคนเปิดม่านพลังนี้ด้วยตัวเอง? แล้วพวกท่านมีสิทธิ์อันใดมาต่อรองกับข้าเช่นนี้?”
ทันใดนั้นกงซุนเซียวก็ตระหนักขึ้นมาได้ ใบหน้าเขียวคล้ำ และรีบหุบปากทันที
สถานการณ์เปลี่ยนเป็นเงียบกริบ
ฉู่หลิวเยว่กวาดสายตามองไปโดยรอบ
“ขอโทษด้วยจริงๆ ข้าคนนี้ เป็นคนไม่ชอบเป็นหนี้ใคร แต่ก็ยิ่งเกลียดยิ่งกว่าถ้าใครต้องมาเป็นหนี้ข้า!”
อยากจะเอาเปรียบข้าน่ะหรือ ฝันไปเถอะ!?
ครั้งนี้คนรอบข้างเงียบไปแล้ว
นางถึงได้หมุนตัวเดินออกไป แต่ทันใดนั้นเองนางก็นึกขึ้นมาได้ จึงหันหลังกลับ แล้วมองไปทางหนิงหยวน
“จริงสิ ข้าลืมพูดเรื่องหนึ่งไป”
เหมือนว่าหนิงหยวนจะรู้สึกตัว จึงเงยหน้าขึ้นมามอง
ในตอนนั้น ตรงหน้าของเขาคือหญิงสาวรูปงาม ลมปราณเข้มข้น ดวงตาเปล่งประกายราวกลับมีดวงดาวอยู่ภายใน นางยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย “เรื่องของคนอื่นข้านั้นไม่สนใจ แต่ถ้าเป็นคนของข้า ข้าจะปกป้องให้ถึงที่สุด”