ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 965 เรื่องบางอย่างไม่ควรพูดซี้ซั้ว
ตอนที่ 965 เรื่องบางอย่างไม่ควรพูดซี้ซั้ว
“ฉงฉง!”
มู่หงอวี่ตะโกนขึ้นเสียงดัง หมีแผงคอทองคำตัวน้อยก็ปรากฏขึ้นตรงหน้านาง ทันใดนั้นมันก็พุ่งตัวตรงไปที่ฝ่ามือนั้น!
ตอนนี้หมีแผงคอทองคำตัวน้อยเกือบจะโตเต็มวัยแล้ว ร่างกายของมันมีขนาดเกือบจะเทียบเท่าหมีแผงคอทองคำตัวใหญ่ ฝีมือก็แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มาก
การวิ่งแต่ละก้าวของมัน แม้กระทั่งพื้นยังสั่นสะเทือน!
วินาทีต่อมา มันก็ใช้ร่างกายของมันเองปะทะเข้ากับพลังนั้น!
ตู้ม!
พลังสายนั้นสลายหายไปในทันที อีกทั้งตอนนี้ร่างกายของฉงฉงก็กระเด็นปลิวออกไป ก่อนจะกระแทกตกลงพื้นอย่างแรง!
ขนสีน้ำตาลประกายทองมีเลือดปะปนเป็นหย่อมๆ!
“ฉงฉง!”
หัวใจของมู่หงอวี่เหมือนมีอันใดมาบีบรัดจนแน่นไปหมด!
“หมีแผงคอทองคำ?”
ถานไถรั่วหลีเหลือบสายตาไปมอง จากนั้นก็หัวเราะเยาะเย้ยออกมาทันที
“ข้าคิดว่าจะเป็นสัตว์อสูรระดับสูงอันใดเสียอีก! ก็แค่หมีแผงคอทองคำตัวหนึ่ง ยังกล้าจะนำออกมา?”
มู่หงอวี่ดวงตาแดงก่ำ กัดฟันกรอด และรีบวิ่งออกมา
ตัวของมันกระแทกเข้ากับเศษหินที่แหลมคมทำให้ร่างกายมีรอยกรีดยาว ดูแล้วน่าตกใจอย่างมาก
มือของมู่หงอวี่สั่นระริกไปหมด
นางอยากจะกอดตัวฉงฉงเอาไว้ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มจับตรงไหน
อวี่เหวินจิงหงเดินกะโผลกกะเผลกขึ้นมาด้านหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
“เหตุใดพวกเจ้าถึงทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าเช่นนี้ ไม่กลัวว่าจะถูกคนอื่นล่วงรู้หรืออย่างใด!?”
ทุกราชวงศ์ที่เข้ามาที่นี่ เดิมทีมันควรจะเป็นการแข่งขันอย่างยุติธรรม แต่ว่าตั้งแต่ที่คนของราชวงศ์ไท่อวี่เข้ามา พวกเขาก็เริ่มไล่ฆ่าพวกเราอย่างดุเดือด!
ราวกับว่าต้องการบีบให้พวกเขาตาย ไม่ตายไม่เลิก!
“เรื่องนี้พวกเจ้าไม่ต้องกังวลเลย”
อวี๋เจ๋อเฟิงที่ยืนอยู่ด้านข้างก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ
“ขอเพียงแค่พวกเจ้าอยู่ที่นี่ตลอดไป จะมีใครรู้เรื่องนี้กันเล่า?”
หัวใจของอวี่เหวินจิงหงจมดิ่งสู่ก้นบึ้งอย่างสมบูรณ์แบบ!
คนเหล่านี้…กำเริบเสิบสาน ไร้การควบคุม ต้องการจะฆ่าพวกเขาทั้งหมดให้ตายอยู่ที่นี่!
อีกฝ่ายมีห้าคน พวกเขาตอนนี้มีแค่สามคน อีกทั้งหนึ่งคนยังสลบไสล สองคนบาดเจ็บสาหัส แล้วจะสู้ได้อย่างใด?
ความจริงแล้วหลังจากพวกเขาทั้งหมดเข้ามาที่นี่ ก็ถูกกระจายตัวไปตามที่ต่างๆ
พวกเขาทั้งสามคนอาศัยกระดิ่งทองคำทำให้มาเจอกันเดิมทีตั้งใจจะรวมกลุ่มกับเจี่ยนเฟิงฉือและเชียงหว่านโจวก่อน คาดไม่ถึงเลยว่าจะเจอเฉิงเหย่าจิน**ตายกลางทาง* คนของราชวงศ์ไท่อวี่ห้าคนมาล้อมพวกเขาเอาไว้ตั้งแต่ในตอนแรก
พวกเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายใช้วิธีอันใดถึงสามารถรวมตัวกันได้ด้วยในระยะเวลาอันสั้น
ห้าต่อสาม จะชนะได้อย่างใด?
เมื่อผ่านการต่อสู้มาหลายวัน สถานการณ์ของพวกเขาทางด้านนี้ก็ย่ำแย่มากขึ้น
จนกระทั่งตอนนี้ พลังการต่อสู้ขั้นพื้นฐานแทบจะไม่เหลือแล้ว
มีจุดหนึ่งที่เขาพูดได้ไม่เลว…ขอเพียงแค่พวกเขาตายอยู่ที่นี่ทั้งหมด ใครเล่าจะรู้ว่าสถานที่แห่งนี้เกิดอันใดขึ้นบ้าง?
ถานไถรั่วหลีโบกมือขึ้นอย่างหมดความอดทน “ไม่ต้องพูดจาไร้สาระกับเขา จัดการเขาไปทันทีเลยนั่นแหละ! หลังจากนี้ยังเหลืออีกสองคนนะ”
อวี๋เจ๋อเฟิงยิ้มขึ้นอย่างกระตือรือร้น
“สำหรับคนเหล่านี้แล้ว ไม่จำเป็นให้เจ้าลงมือเลย เจ้ายืนดูอยู่ข้างๆ ก็พอแล้ว ให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเอง”
ถานไถรั่วหลีอดที่จะยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจไม่ได้
“จะว่าไปแล้วก็ใช่ มือขององค์หญิงเช่นข้าจะได้ไม่ต้องสกปรก เช่นนั้นก็ลำบากพวกเจ้าแล้ว”
“วางใจได้เลย”
อวี๋เจ๋อเฟิงพูดจบ เขาก็เดินสาวเท้าขึ้นไปด้านหน้าหนึ่งก้าว ใบหน้าปรากฏจิตสังหารขึ้นมา!
คนที่อยู่ด้านหลังของเขา ก็เดินตามขึ้นมาด้วยเช่นกัน ทั้งสามคนก็เดินมาล้อมตัวมู่หงอวี่เอาไว้!
สถานการณ์เช่นนี้ เดิมทีมันคือจุดจบ!
อวี่เหวินจิงหงเหลือบสายตามองมู่หงอวี่ครู่หนึ่ง พร้อมพูดด้วยเสียงเบาว่า
“หงอวี่ เดี๋ยวข้าจะถ่วงเวลาพวกมันไว้ เจ้ารีบฉวยโอกาสหนีออกไปนะ!”
มู่หงอวี่เป็นร่างซวี่หยวน ต่อให้สู้ไม่ได้ แต่เรื่องหนีต้องไม่เป็นปัญหาอย่างแน่นอน
“แต่ว่าพวกเจ้า…”
“หนีไปได้หนึ่งคน ก็ยังดีกว่า!”
อวี่เหวินจิงหงพูดแทรกคำพูดของนาง แล้วมองหน้านางอย่างจริงจัง
“ขอเพียงแค่เจ้าหนีรอดออกไปได้ ก็สามารถชี้ความผิดพวกเขาได้แล้ว!”
พวกเขาทั้งสามคนไม่ควรทิ้งชีวิตเอาไว้ที่นี่อย่างเปล่าประโยชน์!
มู่หงอวี่กำหมัดกรอด เลือดไหลออกจากมุมปากของนาง
“ลงมือ!”
อวี๋เจ๋อเฟิงสั่งการลงมาทันที!
พวกเขาทั้งหลายคนก็ลงมือพร้อมกัน!
พลังที่รุนแรงทั้งสี่สายกระแทกออกไปพร้อมกัน! พวกเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย!
แววตาที่มองมายังมู่หงอวี่และอวี่เหวินจิงหงเต็มไปด้วยจิตสังหาร!
อวี๋เจ๋อเฟิงตวัดสายตาไปมองมู่หงอวี่ทันที
น้ำตาของมู่หงอวี่ไหลพราก!
พลังโดยรอบที่รุนแรงนั้นใกล้เข้ามาแล้ว!
มันหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง!
มู่หงอวี่หลับตาแน่น!
ความสิ้นหวังพวยพุ่งออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ!
แต่ในตอนที่นางกำลังจะเคลื่อนไหว ลมพายุที่บ้าคลั่งกลับหยุดลงทันที!
มู่หงอวี่ชะงักเล็กน้อยแล้วลืมตาขึ้น
แต่นางกลับเห็นเป็นม่านพลังสีแดงชาดชั้นหนึ่ง ไม่รู้ว่ามันมาปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งสามคนตั้งแต่เมื่อไร แต่มันสามารถขวางการโจมตีทั้งหมดเอาไว้รอบนอก!
นี่มัน…
มู่หงอวี่เบิกตามองอย่างตื่นตะลึง จากนั้นความคิดที่บ้าบอก็ปรากฏขึ้นภายในใจของนาง!
ลมปราณนี้ หมายความว่า…
และในตอนนั้นเองเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมากลางอากาศ
“พวกเจ้าลองแตะคนของข้าอีกครั้งหนึ่งดูสิ!”
…
น้ำเสียงกระจ่างใสมีพลัง ถูกถ่ายทอดเข้าโสตประสาทของทุกคนอย่างชัดเจน!
ภายในชั่วพริบตาเดียว ทุกคนก็เงยหน้าขึ้นไปมองด้านบนทันที!
กลางท้องฟ้า กษายะหางวายุตัวหนึ่งกำลังสยายปีกทั้งสองข้างออก หางของมันมีเปลวเพลิงลุกท่วม
อีกทั้งบนหลังของมัน มีผู้หญิงชุดแดงคนหนึ่งกำลังยืนอยู่!
ความงดงามที่ตะลึงตา ไร้คนเทียบเคียงได้!
คนผู้นั้นคือ ฉู่หลิวเยว่!
นางมาพร้อมกับแรงกดดันที่รุนแรง อยู่เหนือทุกคน ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวอย่างอดไม่ได้!
คนบางคนเกิดมาเพื่อเป็นราชา!
ฉู่หลิวเยว่…คือคนประเภทนั้น!
ในตอนที่สามารถมองเห็นหน้าผู้มาเยือนได้อย่างชัดเจน ถานไถรั่วหลีและคนอื่นๆ ก็ต่างตกตะลึงอย่างมาก
“ซั่ง…ซั่งกวนเยว่!?”
ถานไถรั่วหลีแทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง!
ม่านพลังของหุบเขาบรรพกาลเฟิงหวงถูกปิดตายไม่ใช่หรือ?
แล้วซั่งกวนเยว่ผู้นี้ เข้ามาได้อย่างใด!?
เมื่อมู่หงอวี่เห็นฉู่หลิวเยว่ หัวใจของนางก็รู้สึกสงบลง!
เหมือนว่าขอเพียงแค่มีนางอยู่ ปัญหาทุกอย่างจะมีทางออกแน่นอน!
นางรีบเช็ดน้ำตาจากหางตาออกอย่างรวดเร็ว และระงับความดีใจและตื่นเต้นลงอย่างยากลำบาก
“หลิวเยว่!”
นางอดไม่ได้ที่จะลากอวี่เหวินจิงหงที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“เป็นนาง! นางจริงๆ ด้วย! นางมาที่นี่จริงๆ ด้วย!”
อวี่เหวินจิงหงยังไม่ทันได้ตอบสนอง ใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง
ฝะ ฝ่าบาทมาที่นี่ด้วยตนเอง?!
นางเข้ามาได้อย่างใด?!
…
“ซั่งกวนเยว่ เจ้ากล้าลอบบุกเข้ามาในหุบเขาบรรพกาลเฟิงหวง เจ้านี่มันบังอาจเสียจริง!”
ถานไถรั่วหลีตะโกนด่าออกมาทันที!
ซั่งกวนเยว่ผู้นี้ ก่อนหน้านี้พูดว่าจะไม่เข้ามา แต่คาดไม่ถึงว่าตอนนี้กลับมาปรากฏอยู่ที่นี่!
นางสามารถหาคำอธิบายได้เพียงข้อเดียวเท่านั้น นั่นก็คือซั่งกวนเยว่แอบลักลอบเข้ามาด้านในตั้งแต่แรก! เพียงแต่ก่อนหน้านี้นางหลบซ่อนตัวอยู่ในความมืด แล้วเพิ่งมาปรากฏกายเอาในตอนนี้!
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะขึ้นมาเสียงเบา พร้อมกระชับกระบี่หลงหยวนที่อยู่ในมือ นิ้วเรียวยาวค่อยๆ ปัดไปตาม ตัวดาบสีดำที่เต็มไปด้วยความเรียบง่ายและสง่างาม
“ถานไถรั่วหลี ข้าขอเตือนเจ้าว่า ให้ระวังคำพูดเสียหน่อย ข้าเป็นคนยึดมั่นในคุณธรรม ที่เปิดม่านพลังหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงมา โอ้…ช่างเถิด พูดเรื่องนี้กับเจ้าไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม…เจ้าก็คงไม่มีโอกาสได้ออกไปพูดเรื่องไร้สาระอีกแล้ว”
เมื่อสิ้นเสียง แววตาของฉู่หลิวเยว่ก็เปล่งประกายความเย็นชา!
“ในเมื่อเจ้าไม่ชอบหมีแผงคอทองคำ เช่นนั้นอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้…เจ้าคงจะชอบมันใช่หรือไม่!”
“ถวนจื่อ! ไปฉีกปากของนางเลย!”
*เจอเฉิงเหย่าจินตายกลางทาง สำนวนจีน หมายถึง เจอเหตุไม่คาดฝัน
**เฉิงเหย่าจิน บรรดาศักดิ์ หลูกว๋อกง เดิมเป็นขุนพลเอกของกองกำลังหว่ากัง ต่อมาแตกคอกับหลี่มีจึงมาเข้าร่วมกับหวังซื่อชง แต่เห็นว่าหวังซื่อชงไม่ใช่ผู้นำที่ดี จึงมาเข้าร่วมกับหลี่ซื่อหมิน พร้อมกับฉินซู่เป่า ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ประตูเสวียนอู่ด้วย และเป็นกำลังหลักของกองทัพถังในหลายสงคราม