ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 973 อ่า ข้ามีอสูรศักดิ์สิทธิ์สองตัวล่ะ
ตอนที่ 973 อ่า ข้ามีอสูรศักดิ์สิทธิ์สองตัวล่ะ
หมายความว่าเขากำลังตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง!
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วและถลึงตามองอย่างเคร่งเครียด!
เชียงหว่านโจวเป่านกหวีด พลางพยุงตัวขึ้นยืนแล้วเดินไปข้างหน้า
ราวกับว่าเขาอยากจะออกไปจากหุบเขาลึกแห่งนี้
แต่ทันทีที่ก้าวเท้าออกไป ขาทั้งสองข้างของเขาก็พลันอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง แล้วล้มลงกับพื้นอย่างจัง
ร่างนั้นแน่นิ่งไป
เหลือเพียงเสียงนกหวีดที่ดังหวิวอยู่ในห้วงอากาศเป็นเวลานาน! ไม่เลือนหายไปเสียที!
ฉู่หลิวเยว่รีบยกนกหวีดของตนขึ้นเป่าด้วยความร้อนใจ
มันส่งเสียงตอบรับโดยอัตโนมัติ! และส่งสัญญาณประสานเข้ากับนกหวีดบนร่างของเชียงหว่านโจว พลันส่งเสียงหวีดแหลมออกมาอย่างรุนแรง!
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็ตระหนักได้ทันทีว่า เชียงหว่านโจวกำลังตกอยู่ในอันตรายมากเพียงใด!
ส่วนเจี่ยนเฟิงฉือที่อยู่ไม่ไกลนั้น ก็เกรงว่าจะหนีไปไหนไม่ได้เช่นกัน!
จักต้องรีบลงไปช่วยคนที่อยู่ด้านล่างโดยด่วน!
ฉู่หลิวเยว่ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด พร้อมกำนกหวีดในมือแน่น แล้วเงยหน้าขึ้นมองคนที่เหลือ
“พวกเจ้าอยู่ที่นี่ ข้าจะลงไปพาพวกเขากลับมาเอง!”
“ไม่ได้!”
ทุกคนคัดค้านเป็นเสียงเดียวกันทันที
“ฝ่าบาท สถานที่แห่งนี้อันตรายนัก ข้าจะปล่อยให้ท่านลงไปเสี่ยงเพียงลำพังได้เยี่ยงไร?” อู๋หมิงขมวดคิ้วแน่น
“ถูกต้อง หากมีคนต้องลงไป เช่นนั้นข้าจะไปเอง!” อวี่เหวินจิงหงตบแผ่นอกของตนปักๆ “ท่านอย่าได้กังวล ตอนนี้ร่างกายของข้าฟื้นฟูไปมากแล้ว!”
“ให้ข้าลงไปน่าจะเหมาะที่สุด ในบรรดาพวกเขาจะมีใครสู้ร่างซวีหยวนของข้าได้บ้าง?” มู่หงอวี่เลือกใช้ไพ่ใบสุดท้ายเพื่อจบการโต้เถียง “และคงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าข้า ว่าหลังจากลงไปแล้วควรจะทำอย่างใดต่อ?”
อวี่เหวินจิงหงและอู๋หมิงถึงกับเงียบกริบอย่างพร้อมเพรียง
เพราะในส่วนนี้พวกเขาด้อยกว่ามู่หงอวี่จริงๆ
“แต่ว่า… ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเจ้ายังน้อยกว่าจอมยุทธ์ระดับเจ็ด…”
สีหน้าของมู่หงอวี่ถมึงทึงขึ้นทันตา
“พวกเจ้าทั้งสองระดับสูงกว่าข้า แต่เชื่อหรือไม่ว่าตอนนี้สาวน้อยอย่างข้า สามารถจัดการเจ้าทั้งสองได้ทุกเมื่อ?”
ชายหนุ่มทั้งสองถึงกับสำลัก
ฉู่หลิวเยว่จึงเอื้อมมือไปตบไหล่มู่หงอวี่เบาๆ
“เช่นนั้นเราสองคนก็ลงไปด้วยกัน”
ไม่ว่าจะเป็นนางหรือมู่หงอวี่ หากลงไปคนเดียว โอกาสชนะย่อมมีไม่มาก
ณ เวลานี้การร่วมมือและคอยเสริมกำลังให้กัน ย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุด
มู่หงอวี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ตกลง!”
เมื่อเห็นว่าคนสองคนที่แข็งแกร่งที่สุดได้ตัดสินใจแล้ว อีกสองคนที่เหลือจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากยอมตกลงตามน้ำไปโดยปริยาย
“ถวนจื่อ เจ้าอยู่ที่นี่คอยปกป้องพวกเขาสองคน”
ฉู่หลิวเยว่สั่งเสียงเด็ดขาด
“ฝ่าบาท จะทำเช่นนั้นได้อย่างใด?”
ถ้าทำอย่างนั้น หัวเด็ดตีนขาดอย่างใดพวกเขาก็ไม่มีวันยอม
หุบเขาลึกแห่งนี้อันตรายมาก แค่พวกนางลงไปสองคนก็เสี่ยงมากพอแล้ว
หากนำกษายะหางวายุลงไปด้วย อย่างน้อยมันก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้พวกเขามากขึ้นว่าพวกนางจะปลอดภัย ฉะนั้นแล้วจะให้มันอยู่เฝ้าพวกเขาได้อย่างใด?
ฉู่หลิวเยว่ชำเลืองมองพวกเขาสองคน
“ข้าเพิ่งช่วยชีวิตพวกเจ้าไว้ และข้าไม่อยากให้เวลาและพลังปราณที่เสียไปสูญเปล่า”
“แต่ว่า… ถ้าไม่มีอสูรศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย ท่านกับมู่หงอวี่…” อวี่เหวินจิงหงหน้าแดง เพราะความละอายใจ
ทว่าเพียงฉู่หลิวเยว่นึกคิด ก็มีแสงสีทองพวยพุ่งออกมาห่อหุ้มกายของนางไว้อย่างรวดเร็ว!
แล้วก่อตัวขึ้นเป็นชุดเกราะสีทอง!
“ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดง?”
อู๋หมิงพึมพำด้วยความงุนงง
ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ มีข่าวลือว่าชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงของซั่งกวนเยว่ ถูกทำลายขณะอยู่ที่แดนภังคะไปแล้วหรอกหรือ?
แล้วไฉนมันถึงปรากฏขึ้นบนพระวรกายของฝ่าบาทแบบไม่บุบสลายเช่นนี้ได้กัน?
ฉู่หลิวเยว่กระตุกยิ้มมุมปาก
“ใครว่าข้าจะไปตัวเปล่ากันล่ะ?”
คนที่เหลือต่างตกตะลึง
ก่อนจะเห็นฉู่หลิวเยว่ทำท่าดีดนิ้ว
“อินทรีสามตา!”
ครืน…
เสียงลมกระโชกดังสนั่นดุจพายุอันรุนแรง จากนั้นร่างสีดำขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าคนทั้งหมด!
มันเป็นนกอินทรีสีดำขนาดใหญ่ที่พอกางปีกออก อาณาเขตของปีกสองข้างนั้นแทบจะครอบคลุมทั้งผืนฟ้าและดวงอาทิตย์เลยทีเดียว!
ตั้งแต่หัวจรดเท้า ร่างกายของมันเต็มไปด้วยลมปราณอันเย็นยะเยือก จนคนมองสะท้านไปทั้งร่าง!
และบนหน้าผากของมันก็มีดวงตาที่สามตั้งขวางอยู่!
รูม่านตานั่นทั้งเย็นชาและดุดัน!
แรงกดดันที่มันปล่อยออกมา แทบจะทำให้พวกเขาหายใจไม่ออก!
“อสูร อสูรศักดิ์…” อวี่เหวินจิงหงตกใจมาก พลางชี้ไปยังสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ที่ปรากฏขึ้นตรงหน้า นิ้วมือของเขาสั่นเทา “อสูรศักดิ์สิทธิ์!?”
อู๋หมิงเองก็ตกใจมากเช่นกัน เพราะเขาจำอสูรศักดิ์สิทธิ์ชนิดนี้ได้!
“อินทรีย์สามตาหรือ!?”
เจ้านี่มันไม่ได้ด้อยกว่ากษายะหางวายุเลย!
ฝ่าบาททรงอันเชิญเรียกอสูรศักดิ์สิทธิ์ประเภทนี้ออกมาได้… ท่านทำได้อย่างใดกัน!?
ฉู่หลิวเยว่กระโดดขึ้นไปและร่อนลงบนหลังของอินทรีสามตา
“หงอวี่ ขึ้นมา!”
มู่หงอวี่เองก็ตกใจตาถลนพร้อมอ้าปากค้าง ทว่าพอได้ยินเช่นนั้นนางก็ตั้งสติได้ พลันรีบตามขึ้นไป
แต่ถึงนางจะยืนอยู่บนหลังของอินทรีสามตาแล้ว นางก็ยังมึนงงไม่หาย
“อินทรีสามตา… อสูรศักดิ์สิทธิ์!? หลิวเยว่ นี่เจ้า…”
“ในเมื่อมีมันไปด้วย พวกเจ้าก็คงจะวางใจแล้วสินะ ความเร็วของมันก็ไม่น้อยไปกว่าถวนจื่อเลย”
หรืออาจจะเร็วกว่าเสียด้วยซ้ำ!
เดิมทีเผ่าพันธุ์ของอินทรีสามตานั้นมีนิสัยดุร้าย และเปี่ยมไปด้วยพลังโจมตีที่แข็งแกร่งมาก!
ถ้าสู้กันขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่รู้เลยว่าใครจะแพ้หรือชนะ!
“มะ ไม่ใช่สิ…อสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้… โผล่มาได้อย่างใดกัน?”
อวี่เหวินจิงหงเอ่ยถามเสียงตะกุกตะกัก
และนี่คือสิ่งที่มู่หงอวี่และอู๋หมิงต้องการถามเช่นกัน
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะร่า
“โอ้ ข้าลืมแนะนำไป นี่คืออินทรีสามตา อสูรในพันธสัญญาของข้าเอง”
“อะ อสูรในพันธสัญญา!” อวี่เหวินจิงหงโพล่งขึ้นด้วยความตกใจ พลันหันศีรษะไปมองถวนจื่อด้วยความตกตะลึงไม่แพ้กัน “แล้วเจ้านั่นเล่า!?”
ฉู่หลิวเยว่กล่าวอย่างใจเย็น
“ก็เป็นอสูรของข้าเช่นกัน”
ก็เป็นอสูรของข้าเช่นกัน…
ก็เป็นอสูรของข้าเช่นกันอย่างนั้นหรือ!?
เมื่อเห็นสีหน้าสงสัยระคนประหลาดใจของพวกเขา ฉู่หลิวเยว่ก็เอียงศีรษะเล็กน้อย
“ข้าเคยพูดหรือ ว่าข้าทำสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์แค่ตัวเดียว?”
สิ้นสุรเสียง ก็เกิดความเงียบขึ้นทันตา!
อู๋หมิงถึงกับตาลอยค้าง
มู่หงอวี่ก็ตัวแข็งทื่อ
มุมปากของอวี่เหวินกระตุกอย่างรุนแรง
ทำสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์ “แค่” ตัวเดียว…
ฟังที่นางพูดสิ!
นี่มันเป็นสิ่งที่คนทั่วไปเขาพูดกันหรือ!?