ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 977 กอดข้าไว้
ตอนที่ 977 กอดข้าไว้
นางชำเลืองมองไปยังตำแหน่งที่ภาพเหล่านั้นเคยปรากฏขึ้น
ทว่ามันมืดสนิทเหมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้น
นอกจากนางแล้ว ไม่มีใครรู้เลยว่าสถานที่แห่งนี้ได้ปรากฏความลับอันน่าตกใจขึ้น!
ฉู่หลิวเยว่สูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อกำจัดความคิดฟุ้งซ่านในใจตน
แต่อยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด ถ้าอยากรู้ทุกอย่างจริงๆ ล่ะก็ วิธีที่ดีที่สุดคือถามหรงซิวด้วยตัวเองไปเลย!
ชิ้ง!
ฉู่หลิวเยว่อันเชิญกระบี่หลงหยวนออกมา และกระชับด้ามกระบี่แน่น! พร้อมระดมพลังปราณในร่างกาย!
แต่หลังจากเคลื่อนไหวเช่นนั้นแล้ว นางก็ตระหนักได้ว่าพลังปราณดั่งเดิมที่กระจายไปทั่วร่างนั้น อยู่ในสภาวะย่ำแย่กว่าที่นางคาดไว้มาก
ชีพจรดั้งเดิมในกายนั้นเปรียบเสมือนแม่น้ำหลากสาย
ซึ่งโดยปกติแล้วแม่น้ำเหล่านี้จะมีความอุดมสมบูรณ์
แต่ในเวลานี้พวกมันส่วนใหญ่กลับแห้งเหือดไปแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกหวาดหวั่นเล็กน้อย
หากองค์ไท่จู่ไม่เรียกสตินาง เกรงว่านางคงได้ตกอยู่ในอันตรายจริงๆ เสียแล้ว…
“ที่นี่มีบางอย่างผิดปกติ”
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยพลันตกใจผงะสุดตัว
ดูเหมือนตอนนี้นางจะเข้าใจขึ้นมานิดหน่อยแล้วว่า เหตุใดก่อนหน้านี้เจี่ยนเฟิงฉือกับเชียงหว่านโจวถึงได้นั่งอยู่ที่เดิมและไม่ทำอันใดเลย แต่ทั้งคู่กลับส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือแทน
นางไม่มีเวลาไปตรวจดูทางเจี่ยนเฟิงฉือ เลยไม่ค่อยรู้เรื่องอาการที่แน่ชัด ส่วนทางด้านเชียงหว่านโจวไม่มีอาการบาดเจ็บภายนอกมากเท่าไร แต่อาการบาดเจ็บภายในนั้นร้ายแรงมากและสูญเสียพลังปราณดั้งเดิมไปมากมาย
หรือบางที… พวกเขาอาจเผชิญสถานการณ์เดียวกันกับนาง
พื้นที่แปลกประหลาดนี้ใช้วิธีการบางอย่าง เพื่อปลุกสร้างความทรงจำของผู้คนที่ติดอยู่ที่นี่ขึ้นมา และหลอกล่อผู้คนให้เข้าสู่สภาวะสูญเสียสติสัมปชัญญะอย่างเงียบๆ แล้วใช้โอกาสนี้กลืนกินพลังปราณดั้งเดิมของคนผู้นั้น!
“องค์ไท่จู่ ท่านรู้หรือไม่ว่าพวกเราติดอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว?”
ฉู่หลิวเยว่โพล่งถาม
“ข้าเองก็ไม่แน่ใจ เพราะพลังในห้วงมิตินี้ช่างแตกต่างจากโลกภายนอก และความเร็วในการไหลเวียนของคลื่นพลังปราณก็ต่างกันด้วย ฉะนั้นจึงยากที่จะระบุได้ว่าด้านนอกนั่นผ่านไปกี่ยามแล้ว”
องค์ไท่จู่ถอนหายใจประหนึ่งลำบากใจ
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า นางเข้าใจสิ่งที่เขาจะสื่อ
ส่วนตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่ามู่หงอวี่และคนอื่นๆ จะปลอดภัยดี
และนาง…ต้องหาวิธีออกไปจากที่นี่ให้ได้เสียก่อน!
ไข่มุกธาราในจุดตันเถียนค่อยๆ หมุนตัวช้าๆ และพลังปราณอันยิ่งใหญ่ก็พวยพุ่งออกมาจากมัน พลันเคลื่อนไปยังแขนขาและกระดูกของฉู่หลิวเยว่อย่างรวดเร็ว!
ในไม่ช้า พลังที่ขาดหายไปในร่างกายของนางก็ถูกเติมเต็ม และแข็งแกร่งขึ้นอีกครา!
หากเป็นคนอื่นคงจะมีสภาพไม่ต่างจากเชียงหว่านโจว แต่ฉู่หลิวเยว่นั้นต่างออกไป
เมื่อก่อนไข่มุกธาราได้กลืนกินและกักเก็บพลังปราณเอาไว้มากมาย
ซึ่งหากอิงตามระดับในปัจจุบันของนาง โดยพื้นฐานแล้วพลังจากไข่มุกธาราจะช่วยเสริมให้พลังของนางนั้นไร้ขีดจำกัด!
พรึบ!
พลันปรากฏลูกไฟสองลูกพุ่งออกมาจากกระบี่หลงหยวน!
ลูกหนึ่งเป็นสีแดงเพลิง ส่วนอีกลูกนั้นสว่างโปร่งใส!
พวกมันเปล่งแสงไปทั่วบริเวณโดยรอบอย่างรวดเร็ว!
เมื่อคลื่นพลังที่มองไม่เห็นรอบตัวสัมผัสได้ถึงภัยคุกคาม พวกมันก็เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ขึ้นทันที!
ทั่วทั้งกายของฉู่หลิวเยว่รับรู้ถึงแรงกดดันจากทุกทิศทาง!
นางแน่นหน้าอกและหายใจแทบไม่ออก!
แม้แต่ความเร็วในการไหลเวียนของพลังปราณดั้งเดิมในกายก็ช้าลง!
นางกัดฟันฮึดสู้ พลันถ่ายเทพลังอันยิ่งใหญ่ลงในกระบี่หลงหยวน!
สองมือจับด้ามกระบี่แน่นพลันยกขึ้นสูง!
แล้วฟาดลงไป!
…
เดิมทีเชียงหว่านโจวคิดว่าตัวเองจะได้กลับไปพร้อมฉู่หลิวเยว่ แต่ทันทีที่นางหันกลับไป ร่างของนางก็หายวับไปกับตา
เหลือเพียงความว่างเปล่าและพื้นที่โล่งกว้าง
เชียงหว่านโจวขมวดคิ้วฉับ เมื่อรู้ว่าเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้อีกครั้ง
วันก่อนเขากับเจียงอวี่เฉิงมาที่นี่ และพบกับเหตุการณ์เช่นนี้
ซึ่งหลังจากนั้น พวกเขาทั้งสองก็ถูกจับแยกออกจากกันและขาดการติดต่อไปโดยปริยาย
ต่อมาเขาก็ตกอยู่ในสภาวะไร้สติรับรู้
และพอตระหนักได้ว่าสถานการณ์ของตนนั้นกำลังเข้าขั้นวิกฤต เขาก็รวบรวมสติที่เหลือทั้งหมด บดขยี้กระดิ่งทองคำแล้วส่งสัญญาณออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า
โชคดีที่เขาประครองสติได้ และรอจนกระทั่งนางมา
แต่เพียงพริบตาก็เกิดเรื่องแบบเดิมขึ้นอีก!
และในไม่ช้า ร่างของเชียงหว่านโจวก็ถูกปกคลุมด้วยความมืดอีกครั้ง!
…
“คุณชาย? คุณชาย? เจี่ยนเฟิงฉือ!? ตื่นขึ้นเดี๋ยวนี้!”
เสียงร้องที่เต็มไปด้วยความกระวนกระวายดังลอดเข้ามาในหูเขา
เจี่ยนเฟิงฉือค่อยๆ ฟื้นคืนสติ ก่อนจะลืมตาขึ้นด้วยความยากลำบาก
“อย่า…อย่าตะโกน…แคกๆ ข้าได้ยิน… ข้าได้ยินเจ้าแล้ว…”
เจี่ยนเฟิงฉือเอ่ยปาก ก่อนจะพบว่าน้ำเสียงของเขานั้นอ่อนแรงมาก แถมยังติดแหบนิดๆ ด้วย
เมื่อนึกถึงสิ่งเหล่านั้นที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แสงในดวงตาของเขาก็พลันมืดลง แต่พอหันกลับมา เขาก็เห็นมู่หงอวี่อยู่ตรงหน้าแล้ว
“คุณชาย ในที่สุดเจ้าก็ได้สติ!”
สีหน้าประหม่าและกังวลของมู่หงอวี่หายไปทันที นางถอนหายใจยาวพลางตบอกตัวเองเบาๆ
เมื่อเห็นท่าทีของนาง หัวใจของเจี่ยนเฟิงฉือก็พลันกระตุกเบาๆ ราวถูกบางสิ่งสะกิดใจ อารมณ์ที่มืดมนพลันหายไป แต่ก็มีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ พลุ่งพล่านขึ้นภายในอกของเขาแทน
“ร้อนรนกระไรกัน ชายชาตรีอย่างข้าน่ะ อึดถึกทนจะตาย”
เขากระแอมไออีกครั้ง พร้อมกับเรี่ยวแรงที่ค่อยๆ ฟื้นคืนมาทีละน้อย
มู่หงอวี่พยักหน้าระรัว
“เช่นนั้นก็ดี หากท่านยังไม่ฟื้นอีก ข้าก็ว่าจะลองปลุกท่านด้วยวิธีของข้า และรอดูว่าจะฟื้นหรือไม่”
นางกล่าวพลางขยับข้อมือ!
เจี่ยนเฟิงฉือตากระตุก
“…ไม่ต้อง…ไม่จำเป็นเลย…”
ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของมู่หงอวี่ หากฝ่ามือนั่นตบลงมาล่ะก็…
จู่ๆ เจี่ยนเฟิงฉือก็นึกขอบคุณตัวเองที่ตื่นขึ้นมาได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นใบหน้านี้คง…
ทว่าทันใดนั้น เขาก็พลันชะงัก แล้วขมวดคิ้วมองมู่หงอวี่
“ไม่สิ เจ้าเข้ามาที่นี่เหตุใด?”
เขาจำได้ว่าหลังจากที่เขากับเชียงหว่านโจวเข้ามาในหุบเขาแห่งนี้ได้สักพัก เราสองคนก็ถูกจับแยกออกไปคนละทิศละทาง
หลังจากนั้น เขาก็ตระหนักได้ว่าที่นี่มีบางอย่างผิดปกติ ดังนั้นเขาจึงบดกระดิ่งทองคำนั่น
เดิมทีเขาต้องการที่จะออกไปโดยเร็วที่สุด แต่หลังจากนั้นเขากลับหมดสติไป จนกระทั่งมู่หงอวี่มาถึง
“แน่นอนว่าพวกเรามาเพื่อช่วยเจ้า!”
“พวกเราหรือ?”
เจี่ยนเฟิงฉือมองไปรอบๆ
พวกเขาอยู่ในหุบเขาลึก แต่นอกจากพวกเขาสองคนแล้ว ก็ไม่มีใครอีก
“ยังมีใครอีก?”
“หลิวเยว่น่ะสิ!” มู่หงอวี่พูดพร้อมถอนหายใจ “แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้พวกเราติดอยู่ที่นี่ ไม่รู้เลยว่าข้างนอกนั่นเกิดอันใดขึ้นบ้าง และไม่รู้เลยว่าพวกเขาจะปลอดภัยหรือเปล่า…”
เจี่ยนเฟิงฉือสงสัยว่าเขาอาจจะหูฝาดไป จึงเอ่ยถามอีกคราอย่างอดไม่ได้
“เจ้ากำลังพูดถึงใครกัน?”
เมื่อเห็นเขาทำท่างุนงง มู่หงอวี่จึงอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้เขาฟัง
หลังจากฟังจบ เจี่ยนเฟิงฉือก็ถึงกับตกตะลึงไปพักใหญ่
ฉู่หลิวเยว่ฝืนทลายค่ายกลของหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงแล้วบุกเข้ามา… หลังจากช่วยพวกของมู่หงอวี่แล้ว พวกเขาก็มาที่นี่… และยังอัญเชิญอสูรศักดิ์สิทธิ์ออกมาถึงสองตัว เพื่อบินลงมาช่วยพวกเขา…
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนกัน เหตุใดถึงได้เกิดเรื่องขึ้นมากมายเพียงนี้?
มู่หงอวี่ไม่ได้สนใจการตอบสนองของเขามากนัก และพูดเพียงว่า
“คุณชาย เราต้องออกไปจากที่นี่โดยเร็ว มิฉะนั้นหากดูจากสภาพของเจ้าในตอนนี้แล้ว ถ้ายังขืนอยู่ที่นี่ต่อไป มันจะยิ่งแย่ลง”
เจี่ยนเฟิงฉือพยักหน้าช้าๆ
แน่นอนว่าเขาเองก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี
แต่ทว่า…
“แล้วจะออกไปอย่างใด?”
ความผันผวนในมิติแห่งนี้ช่างวุ่นวายและน่ากลัวยิ่งนัก ทุกครั้งที่เขาคิดจะออกไป ก็จะถูกดีดกลับทุกครั้ง
มู่หงอวี่ตบอกดังปุๆ ดวงตาเรียวสีน้ำตาลของนางโค้งลงเป็นรอยยิ้ม
“เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้ามีร่างซวีหยวน? มันจะปกป้องร่างของข้า!”
ครั้นสิ้นวาจา นางก็ยืนขึ้นและยื่นมือไปหาเจี่ยนเฟิงฉือเพื่อช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้นยืน
จากนั้นนางก็กล่าวว่า
“กอดข้าไว้”
หัวใจของเจี่ยนเฟิงฉือพลันเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ!