ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 978 บันทึกหมื่นเซียน
ตอนที่ 978 บันทึกหมื่นเซียน
มู่หงอวี่รออยู่ครู่หนึ่ง กระนั้นเจี่ยนเฟิงฉือก็ยังไร้การเคลื่อนไหว นางจึงเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความฉงนใจ
“เป็นกระไรหรือ?”
ดวงตาเรียวสวยสีอ่อนของเด็กสาวตรงหน้าทอประกายวิบวับ ใบหน้านวลสวยนั้นบอบบางนุ่มนวล ครั้นนางหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขาในระยะประชิด ก็สามารถมองเห็นแพขนตายาวงอนได้อย่างชัดเจน
เจี่ยนเฟิงฉือจ้องมองนางพร้อมหัวใจเต้นระส่ำอย่างควบคุมไม่ได้
ก่อนจะมองไปทางอื่นด้วยความยากลำบาก
“การกอดมัน… ดูไม่เหมาะสมเท่าไร…”
หากเป็นคนอื่นมาได้ยิน พวกเขาคงขำกันยกใหญ่!
จู่ๆ เจี่ยนเฟิงฉือผู้แพรวพราวเจ้าสำราญ ก็พูดว่า “ไม่เหมาะสม” กับสตรีนางหนึ่ง นี่มันช่างมหัศจรรย์บรรลือโลกยิ่งนัก!
แต่ถึงแม้ว่ามู่หงอวี่จะเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเจี่ยนเฟิงฉือมาบ้าง แต่เขาก็ไม่ใช่ชาวซีหลิงโดยกำเนิด เขาใช้เวลาอยู่ในซีหลิงแค่ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาเท่านั้น และส่วนใหญ่ก็จะขึ้นไปอยู่บนภูเขาเขี้ยวมังกรเสียมากกว่า
แล้วภูเขาเขี้ยวมังกรคือที่ใดน่ะหรือ?
ก็บ้านของเจี่ยนเฟิงฉืออย่างใดเล่า!
เช่นนี้แล้วใครมันจะกล้าพูดให้ร้ายนายน้อยของตระกูลกัน?
ดังนั้นนางจึงไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับอีกด้านหนึ่งของเจี่ยนเฟิงฉือมากเท่าใด
มู่หงอวี่กะพริบตาปริบๆ
“ไม่เหมาะสมอันใด? เมื่อก่อนเจ้าก็เคยช่วยข้าไว้! การที่ข้าอยากช่วยเจ้าออกไปบ้าง มันไม่เหมาะสมอย่างนั้นหรือ?”
เราทุกคนเป็นเพื่อนกัน แน่นอนว่าเราต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน!
เมื่อนึกถึงคราที่ฉู่หลิวเยว่เคยช่วยพวกเขาไว้ แม้ต้องเสี่ยงชีวิตเช่นไรนางก็ไม่สน แล้วเช่นนี้ยังจะถือเรื่องความเหมาะสมอีกหรือ?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ นางก็ก้าวเท้าไปข้างหน้า
ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองสั้นลง
ความร้อนและกลิ่นหอมกรุ่นจากกายของนางพวยพุ่งออกมา แล้วปกคลุมไปทั่วเรือนกายบางในทันที
เจี่ยนเฟิงฉืออ้าปาก แต่กลับไม่รู้จะพูดอะไร ร่างกายของเขาพลันแข็งทื่อไปหมด
ทว่ามู่หงอวี่ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของเขา พลันจับมือของเขามาวางไว้ที่เอวของตน
สัมผัสของเอวบางนุ่มนิ่มนั้นร้อนผ่าวราวถูกไฟเผา
ทันทีที่สัมผัสมัน ฝ่ามือหนาก็พลันร้อนฉ่า
คลื่นความร้อนพุ่งสูงขึ้น ใบหน้าเนียนเกลี้ยงเกลาราวหยกเนื้อดีของเจี่ยนเฟิงฉือขึ้นสีแดงเรื่อ! แม้แต่ติ่งหูเองก็ร้อนผ่าวเสมือนถูกแผดเผา!
เขาหน้าแดงก่ำ พลันกระชับกอดเอวนางแน่นโดยไม่รู้ตัว
แต่เขาก็ไม่กล้าเข้าใกล้มากกว่านี้
เพราะกลัวตัวเองจะไหม้ไปทั้งร่างเสียก่อน
“เกาะแน่นๆ!”
มู่หงอวี่เตือนเขาแล้วหลับตา
จากนั้นพลังปราณของห้วงมิติรอบตัวนาง ก็พลันพุ่งทะยานออกไปด้านนอก!
เจี่ยนเฟิงฉือรู้สึกได้ชัดเจนว่าคลื่นพลังที่เคยกดพวกเขาไว้ก่อนหน้านี้ กำลังเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว!
ต่อมาก็มีแสงสีดำสว่างวาบขึ้นตรงหน้า แล้วพวกเขาก็หายวับไปจากที่แห่งนั้น!
…
เปรี้ยง!
กระบี่หลงหยวนฟาดฟันลงมาอย่างดุเดือด และตกลงบนม่านพลังสีดำ! พร้อมเสียงคำรามกึกก้อง!
พลังทั้งสองปะทะกันอย่างดุดัน จนทำให้เกิดคลื่นความผันผวนของพลังปราณที่น่ากลัวและบ้าคลั่ง!
คลื่นความผันผวนที่มองไม่เห็นรอบๆ ตัวปั่นป่วนอย่างรุนแรง!
พวกมันตวัดกวัดแกว่งไปทั่วทุกพื้นที่ เสมือนใบมีดคมที่พร้อมกรีดเนื้อให้เป็นชิ้นๆ!
ชิ้ง!
หนึ่งในนั้นพุ่งตรงไปที่ลำคอของฉู่หลิวเยว่!
แต่ในขณะเดียวกัน ร่างของฉู่หลิวเยว่ก็มีพลังเปล่งแสงเจิดจรัส!
เกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงปรากฏขึ้นอีกครั้ง!
เคร้ง!
“เคร้ง เคร้ง เคร้ง”!
ตามมาด้วยเสียงกระแทกดังขึ้นไม่หยุด!
แต่โชคดีที่การโจมตีเหล่านี้แทบไม่เกิดผลกระทบต่อนาง เนื่องจากการป้องกันชั้นเยี่ยมของชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดง
ทว่าที่น่าเสียดายก็คือ ยามที่กระบี่หลงหยวนฟันลงไป แม้ม่านพลังสีดำนี่จะถูกกระแทกเพียงใด แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่แตกออกเลย
ในขณะนั้นเอง เสียงขององค์ไท่จู่ก็ดังขึ้น
“บนม่านพลังนี้มีพลังปราณศักดิ์สิทธิ์ป้องกันอยู่ ถ้าว่าตามความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเจ้าแล้ว มันก็ยากที่จะทะลวงผ่านไปได้ ให้ข้าช่วยเจ้าดีกว่า!”
หลังจากพูดจบ ฉู่หลิวเยว่ก็สัมผัสได้ถึงลมปราณบนกระบี่หลงหยวนทันที!
แรงบีบบังคับอันยิ่งใหญ่กำลังถาโถมเข้ามา!
สายฟ้าสีเงินหลายสายพุ่งเข้าหากระบี่หลงหยวนอย่างดุเดือด และในที่สุดก็รวมตัวกันที่ปลายกระบี่!
“จงแตกออกมา!
นางได้ยินเพียงเสียงทุ้มต่ำขององค์ไท่จู่!
พลันพลังที่สถิตอยู่ในทัณฑ์สวรรค์สีเงินเหล่านั้น ก็ระเบิดออกมาทันที!
ตูม!
พลังปราณที่น่าสะพรึงกลัวแตกกระจายไปรอบๆ แขนของฉู่หลิวเยว่ที่กระชับด้ามกระบี่อยู่สั่นเครืออย่างรุนแรง!
เนื้อบริเวณง่ามมือระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้แตกออก! พร้อมเลือดสดๆ ที่ไหลซึมออกมา!
ในขณะที่แขนของนางชาไปหมด ความมืดตรงหน้านางก็สลายไปในที่สุด!
พรึบ!
แสงสว่างสาดส่องเข้ามาจากทางด้านหน้า!
ก่อนจะมีแรงกดดันอันรุนแรงพุ่งเข้ามาจากด้านหลัง และผลักฉู่หลิวเยว่ไปข้างหน้าพัลวัน!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกเพียงว่าแสงที่อยู่ตรงหน้านั้นกำลังส่องสว่างมากขึ้น!
และทันใดนั้น ร่างทั้งร่างก็ทรุดตัวล้มลงไป!
…
ห่างออกไปหลายพันลี้
ช่วงนี้หรงซิวยุ่งอยู่กับการจัดระบบต่างๆ หลายวันหลายคืนมานี้เขาแทบไม่ได้พักสายตาเลยสักนิด
แต่ในที่สุดวันนี้เขาก็มีเวลาว่าง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจนอนหลับพักผ่อน
ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน เขากลับจำต้องขมวดคิ้วฉับ
พลันลืมตาขึ้น!
เขาลุกขึ้นนั่งพลางใช้มือข้างหนึ่งยันฟูกไว้ และใช้มืออีกข้างนวดคลึงหว่างคิ้วเบาๆ
ชุดนอนผ้าแพรสีขาวหลุดลุ่ย เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าและเนินอกเล็กน้อย
แสงจันทร์อันสว่างไสวลอดผ่านหน้าต่าง และสาดส่องลงมาที่ร่างของชายหนุ่ม
ทุกอณูของเนื้อผิวที่บังเอิญต้องแสงจันทร์โดยมิได้ตั้งใจนั้น สะท้อนแสงนวลกระจ่างดั่งหยกขาวใสเนื้อดี
แสงจันทรานั้นเปรียบเสมือนสายน้ำชุ่มฉ่ำ ที่ทำให้ใบหน้าของเขาเปล่งปลั่งและสง่างามมากขึ้น ราวกับดอกไม้งามบนยอดเขาสูงของภูเขาหิมะ ช่างงดงาม ไร้เทียมทาน และสงบเยือกเย็น
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ยกผ้านวมขึ้นและคว้าเสื้อผ้าข้างตัวมาสวมทับลงไป
ก่อนจะได้ยินเสียงเอะอะโวยวายในห้องโถงใหญ่ เยี่ยนชิงที่ยืนเฝ้ายามอยู่นอกประตูเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ
“องค์ชาย? ท่านตื่นแล้วหรือ?”
“เข้ามาหน่อย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เยี่ยนชิงก็รีบเปิดประตูและเดินเข้าไป
และทันทีที่เดินเข้าไปในห้องบรรทม เยี่ยนชิงก็เห็นว่านายของตนนั้นไม่เพียงแต่ตื่นนอน แต่ยังเปลี่ยนชุดแล้วเรียบร้อยอีกต่างหาก!
หนำซ้ำยังทำหน้าเหมือน… เกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
เยี่ยนชิงตกใจ พลันก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และถามอย่างระมัดระวัง
“องค์ชายขอรับ ท่าน…เป็นอันใดหรือเปล่า?”
แววตาของหรงซิวยังคงสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ ทว่ามันกลับดูลึกล้ำและน่ากลัว
“ไปนำบันทึกหมื่นเซียนมา”
นัยน์ตาของเยี่ยนชิงฉายแววประหลาดใจ แต่ก็รีบตอบไปว่า
“ขอรับ! ข้าน้อยจักไปนำมันมาเดี๋ยวนี้! แต่…บันทึกหมื่นเซียนมีตั้งสิบเล่ม ท่านต้องการเล่มใดหรือขอรับ?”
หรงซิวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบ
“เล่มที่สิบ”
เยี่ยนชิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง พลันถามต่ออย่างเคร่งครัด
“ท่านหมายถึง… บันทึกสามพันปีของรัชศกซินหยวนลี่เล่มนั้นหรือขอรับ?”
ไม่ใช่ว่าเมื่อก่อนองค์ชายจะเคยอ่านเล่มนั้นไปแล้วหรอกหรือ?
หรงซิวพยักหน้าเบาๆ และพูดทันที
“และก็เล่มที่เก้าด้วย”
หากการคาดเดาของเขาถูกต้อง ดูเหมือนว่าชื่อของคนผู้นั้นแห่งราชวงศ์เป่ยหมิงจะถูกบันทึกไว้ในเล่มที่เก้า