ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 981 ผนึก
ตอนที่ 981 ผนึก
อวี่เหวินจิงหงกับอู๋หมิงตกตะลึงไปชั่วขณะ
“ฝ่าบาท ฝ่าบาทยังอยู่ในหุบเขา ยังไม่ได้ขึ้นมา…”
เจี่ยนเฟิงฉือมองตามสายตาของพวกเขาทั้งสองคน ก่อนจะเห็นร่างสองร่างนั่งขัดตะหมาดอยู่อย่างคลุมเครือ
เขากัดฟันกรอด
“นั่นมันภาพลวงตา!”
“อันใดนะ!?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวใจของคนทั้งสองแทบหยุดเต้น และพอมองลงไปอีกครั้ง พวกเขาก็เห็นว่าร่างของสองคนนั้นกำลังระเบิดพลังออกมาต่อสู้กับคลื่นพลังอันปั่นป่วนและบ้าคลั่ง!
ราวกับไม่ใช่คนที่พวกเขาเห็นก่อนหน้านี้!
“เป็นไปได้อย่างใด?”
อวี่เหวินจิงหงและอู๋หมิงต่างมองหน้ากัน
พวกเขาเฝ้ามองอยู่ที่นี่มาสองสามวันแล้ว และก็เห็นกับตาว่าพวกนางนั่งลงข้างๆ เจี่ยนเฟิงฉือกับเชียงหว่านโจว!
ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเขาล้วนนั่งนิ่งไร้การตอบสนอง
แต่แล้วเหตุใดตอนนี้ภาพที่เห็นถึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้!
เจี่ยนเฟิงฉือขมวดคิ้วแน่น
“ด้านล่างนั้นมีห้วงมิติอยู่มากมาย ซึ่งง่ายต่อการเกิดภาพหลอน ตอนนี้ทั้งสองคนคงจะติดอยู่ด้านล่าง…”
ตอนแรกทุกอย่างยังปกติดี กระทั่งมู่หงอวี่พาเขาหนีออกจากพื้นที่แห่งนั้น
แต่รอบด้านนั้นเต็มไปด้วยคลื่นพลังและแรงกดดันอันรุนแรง ทำให้พวกเขาทะลวงออกมาตรงๆ ไม่ได้ และจำต้องพุ่งเข้าไปในห้วงมิติอื่นแทน
ซึ่งหลังจากดิ้นรนหลบหนีเช่นนี้สองสามครั้ง ในที่สุดพวกเขาก็หนีมาถึงตำแหน่งที่คลื่นพลังปั่นป่วนน้อยกว่าจุดอื่น
ก่อนหน้านี้พวกเขายังมองเห็นว่ากลุ่มของอวี่เหวินจิงหงรออยู่เหนือหุบเขา และอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าวกระโดดเท่านั้น!
แต่ทันใดนั้น ไม่รู้ว่าเพราะเหตุอันใด จู่ๆ ห้วงมิติหลายจุดที่อยู่ด้านล่างก็ระเบิดขึ้นทีละจุด!
แรงระเบิดเหล่านั้นแทบจะคร่าชีวิตพวกเขาสองคนได้!
มู่หงอวี่เสี่ยงชีวิตเพื่อพาเจี่ยนเฟิงฉือหลบหนีออกมา แต่ระหว่างทางกลับถูกโจมตีด้วยคลื่นความผันผวนในห้วงมิติที่รุนแรงเกินไปและได้รับบาดเจ็บสาหัส
นางคือผู้ที่มีร่างซวีหยวน ทำให้นางจะมีไวต่อสัมผัสต่างๆ ในห้วงมิติอย่างมาก แม้แต่นางที่ทะลวงออกมาได้ยังตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ นับประสาอันใดกับพวกฉู่หลิวเยว่?
“เช่นนั้นจักทำอย่างใดดี?”
ยามนี้พวกอวี่เหวินจิงหงเริ่มตระหนักได้ถึงความร้ายแรง หัวใจของพวกเขาแทบจมดิ่ง
“ประเดี๋ยวก่อน! แล้วอินทรีสามตาเล่า?”
อู๋หมิงโพล่งขึ้นมาเสียงดัง
พวกเขาทั้งหมดจึงหันไปมองพร้อมกัน ก่อนจะเห็นว่าในหุบเขานั้นมีเพียงความว่างเปล่า
อินทรีสามตาขนาดยักษ์นั่นหายไปแล้ว!
ขณะเดียวกันเสียงระเบิดด้านล่างก็เงียบลง และในไม่ช้าเสียงอึกทึกนั่นก็เงียบหายไปอย่างสมบูรณ์
เหลือเพียงซากความยุ่งเหยิงทิ้งไว้ในหุบเขา
เศษหินแตกกระจายไปทั่ว กลุ่มควันและเศษฝุ่นลอยขึ้นทุกหนทุกแห่ง
แต่กลับไร้ซึ่งเงาของคน!
“ดูสิ นั่นมันอันใดกัน!”
อวี่เหวินจิงหงอุทานลั่น
พลันสังเกตเห็นว่าบนพื้นที่โล่งนั่น มีคลื่นพลังปราณสีเงินต่อตัวขึ้นเป็นกระแสน้ำวน!
วังวนสีเงินแผ่ขยายออกไปรอบๆ ไม่หยุด และความเร็วในการหมุนเองก็เร็วขึ้นเรื่อยๆ!
และในขณะที่พวกเขากำลังสงสัย ร่างของใครบางคนก็ลอยออกมาจากศูนย์กลางของกระแสน้ำวนนั่น!
“นั่นมัน เชียงหว่านโจว!”
อู๋หมิงมองเห็นใบหน้าของคนคนนั้นแวบหนึ่ง!
ทว่าเนื่องจากแรงปะทะอันรุนแรงของคลื่นพลังปราณ หลังจากที่เชียงหว่านโจวพุ่งตัวออกมาได้ เขาก็โดนซัดจนตัวลอยไปทางหน้าผา!
ด้วยแรงกระแทกขนาดนี้ ถ้าร่างเขากระแทกกับหน้าผาตรงๆ ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแน่นอน!
แต่ทันใดนั้น ร่างสีแดงก็บินออกไปอย่างรวดเร็ว!
มันคือถวนจื่อ!
มันกางปีกและพุ่งตัวบินออกไปในอากาศอย่างรวดเร็ว! และเพียงพริบตามันก็ปรากฏตัวตรงหน้าเชียงหว่านโจว และสกัดกั้นไม่เขากระแทกกับชะง่อนผา!
และก่อนที่พวกเขาจะทันได้ตระหนักว่าเกิดอันใดขึ้น ก็เห็นถวนจื่อบินกลับมาพร้อมเชียงหว่านโจวที่อยู่บนปีกของมันแล้ว!
ถวนจื่อสยายปีกของมันช้าๆ เชียงหว่านโจวถูกวางลงอย่างระมัดระวัง
อวี่เหวินจิงหงก้าวไปข้างหน้าทันที
ดวงตาของเชียงหว่านโจวปิดแน่น ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือด แต่โชคดีที่เขายังหายใจอยู่
“ดูเหมือนว่าเขาจะหมดสติไปแล้ว”
อวี่เหวินจิงหงหันกลับไปมองเจี่ยนเฟิงฉือ
มู่หงอวี่กระตุกแขนเสื้อของเจี่ยนเฟิงฉือเบาๆ เป็นสัญญาณให้เขาปล่อยนางลงก่อน แล้วให้ไปตรวจดูอาการของเชียงหว่านโจว
เจี่ยนเฟิงฉือลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะอุ้มนางไปวางไว้ข้างถวนจื่อ เพื่อให้นางเอนพิงมัน พลางเอ่ยเสียงเบา
“เจ้าเองก็บาดเจ็บสาหัส ฉะนั้นอย่าขยับตัว เข้าใจหรือไม่?”
มู่หงอวี่พยักหน้าขึงขัง แล้วหัวเราะและปล่อยหมัดออกไปเบาๆ
“อย่าห่วงเลย! ข้าเคยได้รับบาดเจ็บสาหัสกว่านี้อีก! และตอนนี้ก็ไม่เป็นอันใดแล้ว มิใช่หรือไร?”
แม้แต่ครั้งก่อนที่นางเจ็บปวดสาหัสปางตาย นางก็อยู่ในร่างซวีหยวนนี่แหละ!
ทว่าในยามนี้ ใบหน้าที่มักจะแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มเจ้าชู้ของเจี่ยนเฟิงฉือ กลับราวดูเย็นชายิ่งนัก และทำได้เพียงจ้องมองนางนิ่งๆ
เวลาเขาไม่ยิ้มจะทำให้รัศมีรอบตัวเขาดูเคร่งเครียดมากกว่าเดิมหลายเท่า อีกทั้งยังแฝงไปด้วยแรงกดดันบางอย่างที่ไม่มีใครกล้าขัดขืน
มู่หงอวี่รู้สึกเก้อเขินสุดๆ พลันรู้สึกร้อนรนแปลกๆ ก่อนจะค่อยๆ ดึงกำปั้นที่ปล่อยออกไปคืนมา
“…เข้าใจแล้ว”
นางตอบเสียงแผ่ว
จากนั้นท่าทีของเจี่ยนเฟิงฉือก็อ่อนลงเล็กน้อย เมื่อเห็นอาการแตกตื่นผ่านสีหน้าของนาง เขาจึงใช้แขนเสื้อเช็ดคราบเลือดจากมุมปากของนางเบาๆ
ครั้นเช็ดไปได้สักพัก และพบเข้ากับสายตางุนงงระคนแปลกใจของมู่หงอวี่ พลันตระหนักได้ถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่แล้วชะงักมือทันควัน
จากนั้นเขาก็แสร้งทำเป็นเมินเฉยและดึงมือออก
ทว่ามู่หงอวี่ก็ยังจดจ้องมองเขาไม่ละสายตา
ดวงตาเรียวสวยสีน้ำตาลของนางนั้นใสซื่อและบริสุทธิ์มาก และเป็นครั้งแรกที่เจี่ยนเฟิงฉือเกิดรู้สึกละอายใจขึ้นมาเช่นนี้
เขามองไปทางอื่นและขมวดคิ้วราวกับรังเกียจ
“หน้าโชกเลือดขนาดนั้น น่าเกลียดจริงๆ”
หลังจากพูดจบ เขาก็รีบหันหลังกลับและเดินไปทางเชียงหว่านโจว
มู่หงอวี่จับลูบใบหน้าตัวเองไปมา
นางมิได้โกรธที่เจี่ยนเฟิงฉือพูดเช่นนั้น ตรงกันข้าม นางกลับรู้สึกแปลกๆ มากกว่า
หรือควรจะพูดว่า… เขานั่นแหละที่ทำตัวแปลกๆ
นางไม่รู้ว่านี่คือภาพลวงตาหรือไม่ แต่เหตุใดทุกครั้งที่เจี่ยนเฟิงฉือเผชิญหน้านาง เขามักจะทำตัวลุกลี้ลุกลนแปลกๆ กันล่ะ?
…
เนิ่นนานมาแล้วที่เจี่ยนเฟิงฉือไม่กล้าหันกลับไปมองมู่หงอวี่
เขาเดินไปช่วยตรวจวัดชีพจรให้เชียงหว่านโจว พลันขมวดคิ้วฉับ
“เป็นอย่างใดบ้าง?”
อวี่เหวินจิงหงถามอย่างระมัดระวัง
พลังปราณดั้งเดิมในร่างกายเขาถูกใช้ไปหมดแล้ว และอาการบาดเจ็บภายในก็สาหัสมาก”
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ก็ทำเอาหลายคนวิตกกังวลอย่างมาก
จากนั้นเจี่ยนเฟิงฉือก็กล่าวเสริมว่า
“แต่ทว่า… ร่างกายของเขานั้นพิเศษมาก มันเหมือนว่า… พลังที่หมดไปนั้นค่อยๆ ฟื้นตัวและกระจายไปทั่ว…”
เจี่ยนเฟิงฉือไม่ได้อธิบายรายละเอียดเพิ่มเติม
เขาสัมผัสได้ถึงความเย็นเฉียบอันน่าอัศจรรย์ในร่างกายของเชียงหว่านโจว
และดูเหมือนว่าความเย็นนี้จะแช่แข็งพลังส่วนใหญ่ในร่างของเขาไว้
เจี่ยนเฟิงฉือสามารถตรวจจับพลังปราณที่ถูกผนึกไว้ในร่างกายของเขาได้อย่างคลุมเครือ
ในยามนี้ภายในของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส และสะเทือนไปถึงส่วนนี้เช่นกัน
ซึ่งถ้าเดาไม่ผิด เจ้านี่อาจจะกลายเป็นตัวช่วยฟื้นฟูและเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกายของเชียงหว่านโจวได้ ภายในเวลาอันรวดเร็ว!
เจี่ยนเฟิงฉือหยิบยาออกมาสองเม็ดและให้เขากลืนลงไปทีละเม็ด
“ยาสองเม็ดนี้จะช่วยพยุงอาการบาดเจ็บภายในได้ชั่วคราว ส่วนที่เหลือก็… ค่อยดูอาการอีกทีหลัง”
อู๋หมิงเอ่ยถาม
“แสดงว่าตอนนี้เขาพ้นขีดอันตรายแล้วใช่หรือไม่?”
เจี่ยนเฟิงฉือลังเลอยู่พักหนึ่ง แล้วพยักหน้า
ขอแค่… ผนึกในร่างกายของเขายังถูกเปิดออก ก็น่าจะปลอดภัย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ คนอื่นๆ ที่อยู่รอบข้างก็พลอยคลายกังวลลงได้บ้าง
“เชียงหว่านโจวออกมาได้แล้ว แล้วฝ่าบาทล่ะ?”
อวี่เหวินจิงหงมองลงไปข้างล่าง แต่กลับเห็นว่ากระแสน้ำวนค่อยๆ สลายไปแล้ว!
และในไม่ช้า สถานการณ์ด้านล่างก็สงบลง!
แต่ฉู่หลิวเยว่กลับหายไปแล้ว!
แควก!
ทันใดนั้นถวนจื่อก็แผดเสียงร้องลั่น พลันก้มตัวลงแล้วลดปีกลงต่ำ
อู๋หมิงผงะไปครู่หนึ่งและถามอย่างลังเล
“หรือมันจะบอก…ให้พวกเราขึ้นไป?”