ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 990 ทางออกในยามคับขัน
ตอนที่ 990 ทางออกในยามคับขัน
ลูกศรนั้นส่องแสงแวววาว ดูงดงามยิ่งนัก!
แม้ท้องนภาจะถูกปกคลุมด้วยแสงสีทองระยิบระยับ แต่มันก็ยังสวยเด่นสะดุดตา!
มันปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันมาก แถมยังมีเป้าหมายที่ชัดเจน นั่นก็คือฉู่หลิวเยว่!
ไม่ว่ามันจะพุ่งผ่านสิ่งใด ก็จะทิ้งร่อยรอยพลังปราณดั้งเดิมสีทองไว้ด้านหลัง ห้วงอากาศแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมกับเสียงหวีดหวิวของสายลม!
ก่อนจะพุ่งเข้าสู่ภายในเกลียวคลื่นพลังปราณดั้งเดิมสีทอง ที่หมุนวนราวมหาสมุทรอันกว้างใหญ่และน่าพิศวงนั้นด้วยความเร็วสูง! จนไม่มีใครทันได้สังเกต!
และเพียงพริบตาเดียว มันก็เข้ามาหยุดอยู่เหนือศีรษะของฉู่หลิวเยว่แล้ว!
และกำลังจะแทงทะลุกลางกะโหลกศีรษะของนางโดยตรง!
เมื่อเห็นลูกศรนี้ จวินจิ่วชิงก็ขมวดคิ้วทันที
ชัดเจนว่า… มันคือพลังปราณศักดิ์สิทธิ์สายหนึ่งที่องค์ไท่จู่เหลือทิ้งไว้ แล้วแปรสภาพเป็นลูกศร!
แต่เพราะอันใดจู่ๆ มันถึงปรากฏขึ้น แล้วพุ่งตรงไปหานางเช่นนั้น?
หรือเพราะมันต้องการปลิดชีวิตนางกัน!
ขณะเดียวกันฉู่หลิวเยว่ก็เงยหน้าขึ้น!
พลังที่บรรจุอยู่ในลูกศรนั้นแข็งแกร่งมาก ก่อนที่มันจะทันได้เข้ามาใกล้ นางก็เริ่มปวดหน่วงๆ ที่หว่างคิ้วทีละนิด!
พลันจินตนาการได้ไม่ยากว่าหากถูกลูกศรนี้แทงเข้าจริงๆ ล่ะก็ นางคงได้จบชีวิตอยู่ที่นี่แหงๆ!
แต่น่าเสียดายที่นางมิใช่คนที่จะถูกรังแกได้ง่ายๆ เพียงนั้น!
พรึบ!
เพียงคำนึงคิด กระบี่หลงหยวนคู่ใจก็ลอยขึ้นมาทันที! แล้วสกัดกั้นลูกศรที่พุ่งเข้ามาจากด้านหน้า!
ชิ้ง…
เสียงขูดเสียดแหลมปรี๊ดดังทะลุแก้วหู ลูกศรนั่นกรีดเสียดสีผ่านคมดาบของกระบี่หลงหยวนอย่างรวดเร็ว จนเกิดประกายไฟกระเซ็นออกมา!
ทว่าอย่างใดเสียกระบี่หลงหยวนก็เป็นถึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นมันจึงช่วยชะลอความเร็วของลูกศรนั่นได้บ้าง
แต่ถึงอย่างใด ลูกศรนั่นก็ยังมีจิตวิญญาณสถิตอยู่!
และมันเจ้าเล่ห์มาก!
เมื่อมันเห็นว่าเริ่มสู้กับกระบี่หลงหยวนแบบซึ่งๆ หน้าไม่ไหว มันจึงดีดตัวหนีไปอีกทางทันที และเตรียมโจมตีนางจากทางอื่น!
กระบี่หลงหยวนไล่ตามมันไปอย่างดุเดือด!
อย่างใดเสีย ภายในกระบี่หลงหยวนเองก็มีจิตวิญญาณขององค์ไท่จู่สถิตอยู่เหมือนกัน และฉู่หลิวเยว่เองก็ไม่สามารถแยกร่างคอยตามไปจัดการมันได้ ดังนั้นนางจึงปล่อยให้องค์ไท่จู่ควบคุมกระบี่หลงหยวนเพื่อหยุดยั้งมันเสียเอง!
ทั้งสองสิ่งปะทะกันอย่างไม่รู้จบ! และรบราฆ่าฟันกันอยู่พักใหญ่!
ทว่าการต่อสู้ที่ดุเดือดนั้นทำให้พลังปราณดั้งเดิมสีทอง ที่รอบตัวฉู่หลิวเยว่ลดน้อยลงเรื่อยๆ และระบบในร่างกายทั้งหมดเริ่มรวน!
แต่ในไม่ช้า ฉู่หลิวเยว่ก็ค้นพบเรื่องแปลกๆ บางอย่าง
ลูกธนูนั่นพยายามพุ่งเข้ามาโจมตีนางจากทุกทิศทาง แต่มันไม่เคยพุ่งเข้ามาทางด้านที่มีโล่สีดำอยู่เลย!
หรือว่ามัน… ตั้งใจหลีกเลี่ยงโล่ของนาง
ไม่รู้ว่านางคิดไปเองหรือไม่ แต่เหมือนว่าฉู่หลิวเยว่จะสัมผัสได้ถึงจางๆ ว่าลูกศรนี้แอบเกรงกลัวโล่สีดำ
อย่างใดก็ตาม โล่สีดำนี้ไม่สามารถปกป้องนางได้อย่างสมบูรณ์ แถมนางยังต้องสูญเสียพลังส่วนหนึ่ง เพื่อกลืนกินพลังปราณโดยรอบ
แต่จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้…
เพราะเมื่อใดที่พลังปราณดั้งเดิมสีทองเหล่านี้ พุ่งไปหาจวินจิ่วชิงจนหมด มันอาจจะสายเกินแก้ก็ได้…
ฉู่หลิวเยว่ใช้ความคิดไม่หยุด และทันใดนั้น นางก็นึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ พลันจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาแน่วแน่!
“องค์ไท่จู่ โปรดช่วยเป็นพลังให้ข้าด้วย”
นางสนทนากับเขาในใจ
องค์ไท่จู่พลันรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
“เจ้าคิดจะทำการใดหรือ นังหนู?”
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจเฮือกใหญ่
ในเมื่อตอนนี้ฝ่ายนั้นเปรียบดั่งมีดคมที่พร้อมปลิดชีพ และนางก็เป็นแค่ชิ้นเนื้อบนเขียง แล้วนางจะทำอันใดได้น่ะหรือ?
แน่นอนว่าก็ต้องสับเขียงแตกกันไปข้าง!
…
ในยามนี้ หลายๆ คนที่กำลังเฝ้ามองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น ก็เริ่มสังเกตเห็นลูกศรเช่นกัน
ลูกศรนั้นมีพลังมหาศาล ดังนั้นพวกเขาจึงเดาออกได้ไม่ยากว่ามันคือพลังปราณศักดิ์สิทธิ์ที่องค์ไท่จู่แห่งเป่ยหมิงทิ้งไว้!
ชิงไต้ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
“ดูๆ แล้วแม้แต่องค์ไท่จู่ก็ยอมนางสินะ…”
การที่คนนอกจากราชวงศ์เทียนลิ่งผู้นั้น พยายามช่วงชิงพลังที่องค์ไท่จู่แห่งราชวงศ์เป่ยหมิงทิ้งไว้อย่างเปล่าประโยชน์นั้น ไม่ต่างจากการหาเหาใส่หัวเลยมิใช่หรือ?
ก่อนหน้านี้นางกังวลว่าองค์รัชทายาทจะใจอ่อนให้นางผู้นั้น แต่เมื่อพลังปราณศักดิ์สิทธิ์ขององค์ไท่จู่ปรากฏตัวขึ้นในตอนนี้ ก็ไม่มีอันใดต้องกังวลแล้ว
…
“คุณชายเจี่ยน เชียงหว่านโจวถูกน้ำแข็งปกคลุมไปครึ่งตัวแล้ว จะทำอย่างใดกันดี?”
ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ เดิมทีอู๋หมิงก็เป็นห่วงฉู่หลิวเยว่ แต่พอเหลือบไปเห็นว่าอาการของเชียงหว่านโจวนั้นท่าจะหนักกว่าหลายเท่า เขาจึงโพล่งถามอย่างอดทนรอไม่ได้
เจี่ยนเฟิงฉือหันขวับไปมอง พลันขมวดคิ้วแล้วส่ายหัว
“ผนึกในร่างกายของเขาและพลังที่ถูกสะกดไว้นั้นแข็งแกร่งมาก ข้าเองก็ทำอันใดไม่ได้ และตอนนี้… พวกเราคงทำได้แค่รอดูว่าเขาจะรอดหรือไม่รอดเท่านั้น”
อู๋หมิงลังเลอยากจะพูดบางอย่าง แต่ก็รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดมานั้นเป็นความจริง เขามองไปยังร่างของเชียงหว่านโจวและได้แต่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
“มวลพลังปราณเหล่านั้นพุ่งไปที่จวินจิ่วชิงเกือบหมดแล้ว!”
มู่หงอวี่กำหมัดด้วยความประหม่า
ครั้นพลังปราณถูกดึงออกจากร่างของฉู่หลิวเยว่ได้หมดเมื่อไร เมื่อนั้น… นางจะถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์
…
“ดูเหมือนว่าซั่งกวนเยว่ต้องกระทำการอุกอาจบางอย่างในหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงเป็นแน่ ถึงได้เกิดหายนะเช่นนี้”
ด้านนอกค่ายกล ทุกคนล้วนจับจ้องสถาการณ์บนยอดเขาตาไม่กะพริบ
ถานไถเฉินกล่าวเสียงทุ้มต่ำ และจ้องมองจวินฉีจืออยู่อย่างนั้น ราวสื่อนัยยะบางอย่าง
“มิฉะนั้น… มันจะดึงดูดการโจมตีของพลังปราณศักดิ์สิทธิ์ขององค์ไท่จู่แห่งเป่ยหมิงได้อย่างใด?”
จวินฉีจือขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอันใด
หลังจากที่ซั่งกวนเยว่เข้าไปได้มานาน ถานไถเฉินก็ดูเปลี่ยนเป็นคนละคน เขาเอาแต่พูดบางอย่างเกี่ยวกับซั่งกวนเยว่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
และแค่เดาก็พอรู้ว่า น่าจะเป็นเพราะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับคนจากราชวงศ์ไท่อวี่ที่อยู่ข้างในนั้น และเขาเชื่อว่าเป็นฝีมือของซั่งกวนเยว่และคนของนาง
แม้แต่สิ่งที่เขาพูดออกมาในตอนนี้ ก็เผยให้เห็นความเกลียดชังและความแค้นที่เขามีต่อซั่งกวนเยว่อย่างปิดไม่มิด
ปกติแล้วจวินฉีจือนั้นหาได้สนใจไม่
แต่หลังจากเห็นลูกศรแล้ว เขาก็อดคิดไม่ได้…
ทว่ายามนี้ความจริงยังไม่กระจ่าง เขาจึงไม่สามารถสรุปและพูดอันใดมากกว่านี้ได้ และพูดเพียงว่า
“เป็นธรรมดาที่มนุษย์จักโหยหาพลังอำนาจ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าถึงจะได้พลังนั้นไป…”
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที พลันลุกพรวดขึ้นยืน!
ก่อนจะเห็นว่าพลังปราณศักดิ์สิทธิ์บนยอดเขาหลักที่ถูกดูดกลืนไปนั้น เริ่มพุ่งกลับไปหาฉู่หลิวเยว่อีกครั้ง!
และแม้แต่พลังปราณที่จวินจิ่งชิงกลืนกินในตอนแรกเองก็ไหลเข้าสู่ร่างของฉู่หลิวเยว่!
เมฆดำหนาทึบปรากฏขึ้นบนท้องนภาอย่างรวดเร็ว!
“นี่นางคิดจะทะลวงพลังปราณในยามนี้หรือ!?”