ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 995 ข้าจะชิงมันมา
ตอนที่ 995 ข้าจะชิงมันมา
หลังจากสายฟ้าเส้นที่สี่การปรากฏตัวออกมา ก็มีสายฟ้าเส้นที่ห้าตามมาโดยไม่คาดคิด!
ฉู่หลิวเยว่เบิกตากว้างตกตะลึงกับภาพที่เห็น
นี่มัน… เรื่องบ้าอันใดกัน?!
หึ่ง!
พลันมีเสียงหึ่งดังมาจากไข่มุกธาราอีกครั้ง!
ก่อนจะมีระลอกคลื่นพลังปราณปรากฏขึ้นบนพื้นผิวของมัน ลวดลายอักขระทั้งหกเส้นที่วนรอบไข่มุกธาราเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง!
และดูเหมือนว่าสายฟ้าเส้นที่ห้าบนเมฆดำนั้น จะตอบสนองกับสิ่งที่อยู่ในกายนาง พลันรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว!
ฉู่หลิวเยว่สัมผัสได้ถึงลางร้ายที่คืบคลานเข้ามา
“เจ้า เจ้าคงไม่ได้…”
หึ่ง!
ทันทีที่มีเสียงหึ่งดังออกมาจากไข่มุกธารา ก็มีเสียงคำรามดังตอบรับออกมาจากชั้นเมฆเหนือท้องนภา!
เปรี้ยง!
ลำแสงสีเงินสว่างวาบจนแสบตา ก่อนที่สายฟ้าเส้นที่หกจะโผล่ออกมาจากก้อนเมฆสีดำ!
รูม่านตาของฉู่หลิวเยว่หดลง หัวใจดวงน้อยพลันจมดิ่งลงทันที!
เป็นอย่างที่นางคาดไว้ การเคลื่อนไหวแบบนี้…เกิดจากการตื่นตัวของไข่มุกธาราจริงๆ ด้วย!
และมันกำลังท้าทายสายฟ้าเหล่านั้น!
…
หลังจากตกตะลึงอย่างหนัก ฉู่หลิวเยว่ก็ถึงกับสติหลุดจนพูดไม่ออก
นางไม่เคยคิดเลยว่า คนที่จะพานางไปสู่สถานการณ์อันตรายสุดๆ นั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่คือตัวนางเอง!
โดยปกติแล้วสายฟ้าเหล่านี้จะผ่าลงมาที่ละครั้ง จนกว่านางจะพร้อมเผชิญหน้ากับมันตรงๆ นั่นถึงจะเป็นคราวเปิดศึกกันซึ่งๆ หน้า
แต่เหตุใดจู่ๆ พวกมันถึงโผล่ออกมาเยอะขนาดนี้!?
ฉู่หลิวเยว่ตากระตุกยิกๆ พร้อมกัดฟันกรอด
“เจ้า… เจ้าอยากเห็นข้าตายเร็วๆ หรือไร?”
ไข่มุกธาราทำเป็นหูทวนลมต่อคำถามของฉู่หลิวเยว่ และยังคงส่งเสียงหึ่งออกมาไม่หยุดหย่อน!
ตามมาด้วยวิถีสายฟ้าที่ปรากฏออกมาอย่างต่อเนื่อง!
เส้นที่หก!
เส้นที่เจ็ด!
เส้นที่แปด!
และเพียงพริบตาเดียว บนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่นั่นก็มีสายฟ้ารวมกันอยู่ห้าเส้น!
องค์ไท่จู่เงียบหายไปนาน
แต่พอสายฟ้าเส้นที่เก้าโผล่ออกมา ในที่สุดเขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากว่า
“… นังหนู ไหนบอกข้าหน่อยสิ ว่าเจ้าทำบ้าอันใดลงไป?!”
น้ำเสียงขององค์ไท่จู่ฟังดูจริงจังและเคร่งเครียดอย่างมาก
เพราะคราวนี้เขาตั้งใจถามด้วยความกังวลล้วนๆ
ซึ่งนอกเหนือจากเหตุผลนี้แล้ว เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอันใดฉู่หลิวเยว่ถึงเรียกวิถีสายฟ้าภัยจำนวนมากออกมาพร้อมกันได้!
ซึ่งต้องรู้ว่าการเรียกในครานี้ มันแตกต่างจากการเรียกทัณฑ์สวรรค์ยามสร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์โดยสิ้นเชิง!
และไม่รู้ว่าพลังของมันแข็งแกร่งมากเพียงใด!
เมื่อก่อนนางได้รับความช่วยเหลือจากเขา ถึงสามารถหยุดสายฟ้าไว้ได้สามครั้ง!
ทว่าหากพวกมันปรากฏขึ้นพร้อมกันมากมายเช่นนี้…
มีหวังหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงทั้งหมด คงถูกระเบิดจนราบเป็นหน้ากลองแน่ๆ!
เช่นนี้แล้ว ร่างน้อยๆ ของฉู่หลิวเยว่จะทนรับพลังนั่นได้หรือ?
…
ฉู่หลิวเยว่มิอาจตอบคำถามขององค์ไท่จู่ได้
ก่อนหน้านี้นางรู้อยู่แล้วว่าไข่มุกธารานั้นมีนิสัยเย่อหยิ่ง และไม่ค่อยฟังคำสั่งสักเท่าไร
ส่วนใหญ่ในวันธรรมดามันจะไม่ค่อยเคลื่อนไหว
แต่ถ้ามันได้เปิดใช้การแล้วล่ะก็ จะปรามาสพลังของมันไม่ได้เลย
และนี่เป็นเหตุผลหลักที่ฉู่หลิวเยว่ไม่ค่อยใช้มัน เพราะมันมีพลังปราณมากเกินไปและง่ายต่อการสร้างปัญหา
ไม่แน่ว่าคราวนี้ก็อาจจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน!
แต่นางแค่ต้องการทะลวงขึ้นสู่จอมยุทธ์ระดับเจ็ด ไม่ได้มาตายเพราะสายฟ้าเหล่านี้ต่อหน้าทุกคน!
ทว่าต่อให้ฉู่หลิวเยว่จะไม่พอใจอย่างใด ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่สนใจนางเลยสักนิด และยังคงกลืนกินพลังปราณสีทองโดยรอบด้วยความรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน มันก็ปล่อยเสียงหึ่งครั้งสุดท้ายออกมา!
ฉู่หลิวเยว่หลับตาและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยความสิ้นหวัง
วิถีสายฟ้าเส้นที่เก้าได้รวมตัวกันเกือบสมบูรณ์แล้ว!
และนี่คือ… พลังของวิถีสายฟ้าทั้งหก!
…
กระบี่หลงหยวน?
องค์ไท่จู่?
เกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดง?
เมื่ออยู่ต่อหน้าวิถีสายฟ้าทั้งหกแล้ว ทุกอย่างล้วนกลายเป็นเพียงจุดเล็กๆ ไร้พิษสง!
ฉู่หลิวเยว่สูดหายใจเข้าลึกๆ พลันเริ่มระดมความคิดอย่างบ้าคลั่ง เพื่อหาทางแก้ไขสถานการณ์ในปัจจุบัน
แต่หลังจากคิดวิเคราะห์แล้ว นางก็พบว่าคิดไปก็เหนื่อยเปล่า
…เพราะมันไม่มีทางแก้ไขสถานการณ์นี้ได้เลย!
…
ผู้ชมทุกคนเองก็ตะลึงกับภาพที่เห็นเช่นกัน
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยเห็นผู้ฝึกฝนยามทะลวงขึ้นสู่จอมยุทธ์ระดับเจ็ด หรือว่าไม่เคยเห็นพลังจิตวั่งเสิ่น
เพราะอย่างใดเสีย คนที่สามารถเข้ามาที่นี่ได้นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่เก่งกล้ากว่าคนทั่วไปมิใช่หรือ?
ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะชั้นยอด หรือจอมยุทธ์ผู้แข่งแกร่งไร้เทียมทาน!
พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นปรมาจารย์ผู้สูงศักดิ์และทรงพลัง!
แล้วพวกเขาจะไม่เคยเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนเหล่านี้ได้อย่างใด?
ทว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าพวกเขานั้น ทำให้คนทั้งหมดตกใจจนพูดไม่ออกจริงๆ!
“พลังจิตวั่งเสิ่น… พลังจิตวั่งเสิ่นสามารถเรียกสายฟ้าออกมาได้มากมายเช่นนี้ในคราเดียวเลยหรือ?!”
กงซุนเซียวหน้าซีดลงทันควัน ดวงตาของเขาเบิกกว้างและจ้องมองภาพบนยอดเขาหลักตาไม่กะพริบ ริมฝีปากบางสั่นเทาเล็กน้อย
เมื่อก่อนพลังจิตวั่งเสิ่นจะปรากฏตัวออกมาที่ละเส้น และเมื่อผู้ฝึกตนตอบโต้มันได้สำเร็จ กระบวนการนี้จะหยุดลงทันที!
แต่การที่สายฟ้าโผล่ออกมาพร้อมกันมากมายเช่นนี้… เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย!
“นี่คือสายฟ้าเส้นที่หก ถ้าบวกกับสามเส้นก่อนหน้านี้ ก็เป็น… วิถีสายฟ้าเก้าเส้น!”
หนิงหยวนยืนขึ้นแล้ว พลันจับจ้องมองไปยังสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ว่ากันว่า ถ้าสามารถเรียกพลังจิตวั่งเสิ่นเส้นที่เจ็ดออกมาได้ ก็หมายความว่าหลังจากนี้คนผู้นั้นจะทะลวงขึ้นสู่ขึ้นระดับเก้าขั้นสูงสุดได้แน่นอน! และถ้าเรียกสายฟ้าเส้นที่แปดได้ ก็จะสามารถเข้าสู่อาณาเขตเซียนเทพได้! และตอนนี้…”
และตอนนี้ซั่งกวนเยว่ก็เรียกวิถีที่เก้าออกมาได้แล้ว!
ซึ่งชัดเจนแล้วว่ามันหมายความว่าอย่างใด!
แถมยังทำให้ผู้คนตกตะลึงได้ขนาดนี้!
ถึงจวินจิ่วชิงจะดูสงบ แต่มือหนาคู่นั้นกลับกำแน่น
แม้แต่จิ่วชิงในอดีต ก็ยังเรียกวิถีสายฟ้าออกมาได้แค่แปดครั้งเท่านั้น!
นี่มัน คงไม่ใช่ว่าในอนาคตความสามารถและศักยภาพของซั่งกวนเยว่ จะแข็งแกร่งกว่าจิ่วชิงหรอกนะ?
ดวงตาของถานไถเฉินหม่นแสงลงทันที ร่างกายเบาหวิวราวจะหมดเรี่ยวแรง แขนขาทั้งสองข้างพลันอ่อนแรงลงเสียดื้อๆ แต่ทว่าการหายใจกลับเร็วขึ้น
เขาถอยหลังสองก้าวแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมวางมือไว้บนพนักอย่างหมดแรง แต่หัวใจของเขากลับร้อนรนไม่เป็นสุข
วิถีที่เก้า…
วิถีสายฟ้าเส้นที่เก้า!
แล้วถ้านางฝ่าฟันไปได้จริงๆ…
เป็นไปไม่ได้!
ถานไถเฉินส่ายหัวอย่างแรง
เมื่อสายฟ้าทั้งหกเส้นผ่าลงมา ฉู่หลิวเยว่จะต้องตายอย่างแน่นอน!
…
เกิดความเงียบปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ
ณ บริเวณโดยรอบยอดเขาหลักของหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวง ผู้ชมทุกคนต่างเฝ้ามองวิถีสายฟ้าที่แทบจะสว่างไสวไปทั่วทั้งท้องฟ้าอันมืดมิดอย่างเงียบงัน
…
ฉู่หลิวเยว่มองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสายตาแน่วแน่
แสงสว่างเจิดจ้านั้นแทบจะแยงตานางให้บอด
นางจำได้ว่าตอนที่นางยังเป็นซั่งกวนเยว่ นางเรียกสายฟ้าเส้นที่แปดออกมาได้
แต่คราวนี้กลับเรียกออกมาได้ถึงวิถีที่เก้า
ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังปรากฏตัวออกมาแทบจะพร้อมกันอีก!
“นังหนู แล้วเราจะทำอย่างใดดี?”
องค์ไท่จู่ถามเสียงเข้ม
หากนังหนูต้องมาตายเช่นนี้ เขาก็จะสละดวงวิญญาณนี้เพื่อช่วยนาง แม้ว่าพลังวิญญาณของเขาจะแตกสลายก็ตาม!
ฉู่หลิวเยว่สูดหายใจเข้าลึกๆ พลันแสยะยิ้มมุมปาก
“ก็แค่…ทำให้สิ่งที่ต้องทำก็พอ ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ขอแค่รอดไปได้ก็พอแล้ว!”
ทันทีที่พูดจบ ก็มีเสียงแหบแห้งดังลอดเข้ามาในหูนาง
“เห้อ เจ้าเด็กโง่ เจ้านี่มันจริงๆ เลย!”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย แววตาสุกใสพลันฉายแววเฉียบคม ก่อนจะมองไปยังลูกศรที่อยู่ไม่ไกล!
นับตั้งแต่ที่นางเรียกพลังจิตวั่งเสิ่นออกมาเมื่อครู่ก่อน เจ้าสิ่งนี้ก็หยุดอยู่ตรงนั้น และไม่มีทีท่าว่าจะเข้ามาโจมตีนางอีกเลย
“… องค์ไท่จู่แห่งเป่ยหมิงหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตา
นอกจากเขาก็คงไม่มีใครแล้ว
“เจ้าถือเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากจริงๆ แต่น่าเสียดายที่เจ้ามาผิดที่แล้ว! เดิมทีข้าสงวนพลังอันไร้ขีดจำกัดนี้ไว้ให้สำหรับสายเลือดแห่งเป่ยหมิงเท่านั้น การที่เจ้าคิดจะชิงไปนั้น เป็นเรื่องที่ควรถูกสำเร็จโทษยิ่ง! แต่ตอนนี้ข้าคงไม่ต้องลงมือ เพราะแค่พลังจิตวั่งเสิ่นก็ปลิดชีพเจ้าได้แล้ว!”
ริมฝีปากของฉู่หลิวเยว่ม้วนขึ้นนิดๆ เป็นรอยยิ้มอันแสนเย็นชา
“จริงหรือ?”
“เดิมทีข้าไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก แต่ในเมื่อเจ้าพูดอย่างนี้… เช่นนั้นข้าจะชิงเอาพลังปราณศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าก่อนเลยแล้วกัน!”