ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 133-1 อวิ๋นซานขอบุตร กับ นางซิงซื่อช่วยหลาน
กระเบื้องหยกสีเขียว กำแพงพระราชวังเก้าชั้น สถานที่ล้ำค่าที่สุดในโลก บัดนี้ กลับเป็นเวลาที่จิตใจของผู้คนกระสับกระส่าย ร้อนรนยิ่งนัก
ณ ตำหนักฉางหนิง มเหสีรองเหวยรู้สึกเป็นกังวลตั้งแต่กลับมาจากการล่าสัตว์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ณ ป่าล้อมฮู่หลง ขันทีน้อยประจำกายฮ่องเต้จากเมืองหลวงอ่านสาส์นจบ ฮ่องเต้ก็ลุกขึ้นยืนทันทีและเบิกพระเนตรจ้องมองนางอย่างเกรี้ยวโกรธ ตอนนั้นนางรู้ซึ้งดีว่าบุตรชายที่มักจะสร้างเรื่องให้ทุกข์ใจนั้น ต้องทำผิดอีกเป็นแน่แท้ เรื่องสุราดอกท้อที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงเสียเล่อ ซุนจวิ้นอ๋องผู้ขี้ขลาดดุจดังหนูไม่รู้ว่าไปโกรธเคืองอะไรมา ถึงเปิดโปงบุตรชายของตนเช่นนี้ เขาเล่าให้แก่สำนักพระราชวังฟังว่าวันนั้นเว่ยอ๋องตั้งใจสลับสับเปลี่ยนสุราดอกท้อและผสมขึ้นมาใหม่เป็นพิเศษสำหรับฉินอ๋องและให้ส่งมอบต่อไปยังไทเฮา เจี่ยไทเฮามีความคลางแคลงใจต่อเว่ยอ๋องอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ไม่มีหลักฐานที่จะกล่าวโทษหรือเอาผิดได้ ทว่า มาวันนี้เมื่อได้ยินคำสารภาพจากซุนจวิ้นอ๋องแล้ว จึงโมโหเดือดดาลขึ้นทันที
ดังนั้น จึงล่วงหน้ากลับเมืองหลวงก่อน เวลานี้มีพยานหลักฐานทั้งบุคคลและวัตถุพร้อม และยังมีแรงกดดันดุจสายฟ้าฟาดจากไทเฮาด้วยแล้ว หนิงซีฮ่องเต้แทบจะไม่สามารถปกป้องคุ้มครองโอรสอันเป็นที่รักไว้ได้อีกต่อไป และได้ส่งราชองครักษ์แห่งวังหลวงและผู้คุมเรือนจำแห่งกรมอาญาไปยังจวนเว่ยอ๋องเพื่อควบคุมตัวเว่ยอ๋องก่อน ครานี้ แม้ว่ามเหสีรองเหวยจะร้องห่มร้องไห้เช่นไรก็หมดหนทางแล้ว ซึ่งครั้งนี้ไม่เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา หากถูกกำหนดโทษว่ามีความผิดฐานเจตนาปองร้ายไทเฮา จะร้ายแรงกว่าคดีแร่เหล็กหลายเท่านัก
มเหสีรองเหวยคงต้องหาวิธีอื่นมารับมือ เดิมทีคิดว่าจะทำเช่นเดียวกับเหตุการณ์แร่เหล็กคงไม่ได้แล้ว โดยส่งพี่น้องฝั่งมารดารวบรวมขุนนางระดับสูงที่มีสิทธิ์ขึ้นทูลความต่อหน้าท้องพระโรงเพื่อช่วยพูดให้แก่เว่ยอ๋อง ครั้นนึกถึงความโปรดปรานของฮ่องเต้ที่มีต่อเว่ยอ๋องและอำนาจของสกุลเว่ยแล้ว เรื่องนี้จึงมิใช่ปัญหาอย่างแน่นอน ทว่า เหล่าขุนนางมิใช่คนโง่เขลา เหตุการณ์แร่เหล็กในครั้งนั้นยังพอจะช่วยพูดได้ แต่ครั้งนี้มีความผิดร้ายแรงโทษฐานเกือบจะคร่าชีวิตของไทเฮา จะให้ช่วยพูด ไม่กลัวเจี่ยไทเฮาจะเอาคืนในภายหลังหรือ แต่ละคนล้วนเป็นใบ้ไปเสียหมด และสรรหาวิธีปฏิเสธต่างๆ ออกมาใช้จนหมด
มเหสีรองเหวยเฝ้ามองขุนนางที่เคยประจบสกุลเว่ยและเว่ยอ๋องมาก่อนขณะว่าราชกิจ ระยะเวลาเพียงสองถึงสามวันเท่านั้นก็กลับกลายเป็นคนแปลกหน้าไปเสียแล้ว ซึ่งแม้แต่สกุลอวิ๋นที่เพิ่งจะแต่งลูกสาวเข้าจวนอ๋องในฐานะเช่อเฟยก็ยังเพิกเฉยโดยปิดหูปิดตานิ่งเงียบ สุนัขจิ้งจอกชราอวิ๋นเสวียนฉั่งที่อยู่ในจวนเจ้ากรมหลบเลี่ยงไม่พบหน้าโดยแขวนป้ายงดรับแขกไว้ รวมถึงสั่งให้คนในจวนสวมใส่เสื้อผ้าเรียบง่ายและงดออกจวนในช่วงนี้ เพื่อบอกให้ทุกคนทราบว่าสกุลอวิ๋นไม่ได้รับประโยชน์จากการแต่งงานในครั้งนี้และไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับเว่ยอ๋อง สกุลอวิ๋นจะได้ไม่ต้องรับผลกระทบไปด้วย
วิธีนี้จึงถึงทางตันแล้ว มเหสีรองเหวยตกอยู่ในสภาวะวิตกกังวลอย่างหนักและอีกไม่กี่วันก็จะถึงเวลาไต่สวน ณ ท้องพระโรงอย่างเป็นทางการแล้ว ถึงตอนนั้นกรมอาญาคงนำตัวเว่ยอ๋องเข้าวัง ฮ่องเต้กับกรมอาญาและสำนักพระราชวังจะร่วมกันสืบคดี ณ ตำหนักจินหลวน หากถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง จะถูกลงโทษทันที และคาดว่าคงรวมคดีแสดงกริยาไม่สุภาพต่อหน้าพระพักตร์ คดีเมาสุราทะเลาะวิวาทไปด้วย โดยต้องถูกเนรเทศไปเขตจูโจว เผชิญชะตากรรมเเดียวกับองค์ชายสี่เหิงอ๋องซื่อเฝ่ยเป็นแน่แท้ ซึ่งจะได้รับโทษถูกเนรเทศออกจากเมืองหลวงเป็นขั้นต่ำ
เว่ยอ๋องซื่อยวนถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ภายในจวน หนึ่งวันนานเหมือนหนึ่งปี โดยแสดงอาการบ้าคลั่งอย่างมาก ซึ่งไม่ได้ดีไปกว่าผู้เป็นมารดานัก
ช่วงเวลานี้ มีขุนนางจำนวนไม่น้อยจากกรมอาญามาพร้อมกับปืนและไม้กระบองยืนไปทั่วทุกมุมของจวนอ๋องเละส่งสายตาจ้องมองอย่างหนักแน่น เขาไม่กล้าไปหอรุ่ยเสวี่ยเพื่อท่องราตรี เสพสุขได้เลย การมาครั้งนี้ของพวกเขา กินเวลาสิบวันถึงครึ่งเดือน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องถูกเนื้อต้องตัวเลย เพราะแม้แต่ใบหน้ายังไม่ได้พบไม่ได้เจอเลย สำหรับผู้ชายที่อยู่ในช่วงความรักร้อนแรงปานน้ำผึ้งแล้ว นับว่าเหมือนกรงเล็บแมวที่ข่วนหัวใจ ทำให้เขารู้สึกทรมานใจยิ่งนัก อยากจะแอบไปหอรุ่ยเสวี่ยเพื่อไปหาคนตัวเล็กอันเป็นที่รักอยู่หลายหน แต่ก็ถูกขุนนางประจำจวนอ๋องล้อมไว้ทุกครั้ง ทำให้ตกใจกลัวจวนจะตายให้ได้และกล่าวโน้มน้าวว่า “องค์ชายห้า อย่าเลยนะขอรับ ครั้งนี้ถือว่าเป็นการวิพากย์วิจารณ์ของผู้คนในสังคมที่โหดร้ายและดุดันนัก มีทหารรักษาพระองค์และขุนนางแน่นหนาถึงเพียงนี้ หากพบว่าท่านไม่ได้อยู่ในจวน จะเพิ่มความโกรธเคืองให้แก่ฮ่องเต้นะขอรับ ท่านทนอีกสักหน่อยเถอะขอรับ” คำพูดนี้ถึงทำให้เว่ยอ๋องสงบลงและหันหลังกลับเรือนหลักของตน ขุนนางประจำจวนอ๋องและคนรับใช้ประจำกายเกลี้ยกล่อมอย่างหนัก เพื่อให้เขาไปพักที่เรือนของอวิ๋นเช่อเฟย โดยถือโอกาสนี้แสดงให้แก่ขุนนางที่มาเฝ้าจวนเห็นและสร้างความประทับใจที่ดีในเรื่องความรักและความสมัครสมานสามัคคีระหว่างท่านอ๋องกับเช่อเฝย หากข่าวนี้ถึงพระกรรณของฮ่องเต้คงจะดีไม่น้อย ดังนั้น เว่ยอ๋องคงต้องฝืนใจทำในสิ่งที่ยากเกินไปสักหน่อย ไปพักที่เรือนของอวิ๋นหว่านงถงสองถึงสามวัน
นับตั้งแต่อวิ๋นเช่อเฟยแต่งเข้ามาจวนเว่ยอ๋องก็ยังรักษาพรหมจรรย์ไว้ได้และไม่เคยได้นอนข้างกายของเว่ยอ๋องภายในห้องเดียวกันแม้แต่สักคืนเดียว เมื่อมองเห็นเว่ยอ๋องเข้ามายังเรือนของตน ก็ถึงกับดีใจอย่างมาก ครุ่นคิดผ่านสมองอยู่ชั่วครู่ ก็มีแผนการเตรียมไว้แล้ว
นางค่อยๆ ปล่อยวางมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งนิสัยของเว่ยอ๋องคงยากที่จะเปลี่ยนแปลงได้
ตามที่เว่ยอ๋องเริ่มมีความชอบในผู้ชายมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าวันข้างหน้าเขาจะมีชายาเอก ก็คงจะไม่แตะเนื้อต้องตัวเช่นกัน หากนางใช้โอกาสครานี้ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายคนโตของเว่ยอ๋อง ทั้งจวนก็จะมีทายาทเพียงคนเดียว ตำแหน่งซื่อจื่อก็จะเป็นของบุตรชายของตนโดยปริยาย นางก็จะกลายเป็นพระมารดาผู้ให้กำเนิดซื่อจื่อ ได้เสวยสุขจากเพียงบุตรชายของตนก็มากพอแล้วและยังสามารถลบภาพชายรักชายของเว่ยอ๋องได้อีกด้วย
หากครั้งนี้เว่ยอ๋องสามารถรอดพ้นจากเหตุการณ์สุราดอกท้อจะดีมากที่สุด หากไม่รอดและถูกกำหนดโทษเนรเทศออกจากเมืองหลวงเช่นเดียวกับเหิงอ๋อง แต่นางตั้งท้องซื่อจื่อ อย่างน้อยภายภาคหน้าก็ยังมีคนคอยอยู่ข้างกาย และมเหสีรองเหวยที่อยู่ในวังหลวงคงไม่ปล่อยปะละเลยทายาทเพียงคนเดียวของเว่ยอ๋อง
ในคืนแรกที่เว่ยอ๋องเข้ามาพักในเรือนของเช่อเฝย อวิ๋นหว่านถงตั้งใจจุดเครื่องหอมเป็นพิเศษ สวมใส่ผ้าโปร่งบางที่ให้สาวใช้ชื่อยวนยางจัดดตรียมไว้ล่วงหน้า โดยชุดเผยหน้าอกครึ่งหนึ่ง และพิงอยู่ที่โต๊ะเครื่องหอมด้วยท่าเย้ายวนใจ
ใครจะไปคิดว่าเว่ยอ๋องเข้ามาและมองหน้านางเพียงครั้งเดียว ก็ทำเหมือนราวกับมองเห็นท่อนไม้ท่อนหนึ่งก็ไม่ปาน ไม่มีการตอบสนองใดๆ จากนั้นก็หอบผ้าห่มกับหมอน แล้วรีบวิ่งออกไปปูนอนนอกห้องนอนและนอนหลับไป
ไม่ได้การแล้ว อีกไม่กี่วันก็ต้องถูกไต่สวนแล้ว ณ ท้องพระโรง ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร หลังจากนี้สองถึงสามวันนี้ ขุนนางถอนกำลังออกไป เว่ยอ๋องคงไปแช่อยู่ที่หอรุ่ยเสวี่ยอย่างแน่นอนและคงจะไม่มาที่เรือนของตนอีกต่อไป ขณะนี้ โอกาสอันยากแสนยากมาถึงแล้ว อวิ๋นหว่านถงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ จึงให้ยวนยางแอบไปจัดเตรียมยากระตุ้นความต้องการทางเพศ ของปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศ เมื่อยวนยางได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับหน้าแดงก่ำ ทว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องบนเตียงและเรื่องส่วนตัวระหว่างท่านอ๋องกับเช่อเฟย จึงไม่สามารถพูดอะไรมากได้ ของเหล่านี้ในจวนอ๋องมีอยู่จำนวนมาก เพียงแต่ปกติแล้วเว่ยอ๋องจะใช้เฉพาะกับผู้ชายเพียงเท่านั้น