ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 145-2 แผนลับของสองแม่ลูก นักบวชทายเซียมซี
แค่อนุฟางมองก็รู้แล้ว เว่ยอ๋องไม่เคยคิดว่าลูกสาวจะตั้งครรภ์มาก่อน! ลูกสาวน่าจะใช้วิธีที่พูดไม่ได้ถึงตั้งครรภ์!
ช่างเถอะ! ไม่ว่าอย่างไร ตั้งครรภ์แล้วก็ถื เป็นเรื่องที่ดี นางพูดปลอบใจ “ไม่เป็นไร ครรภ์นี้ ทำให้เจ้ามีความมั่นใจ หลังจากนี้วันดีๆ ต่างๆ จะมาถึง ต่อให้เว่ยอ๋องทำไม่ดีกับเจ้าอย่างไร เห็นแก่หน้าของเด็กคนนี้ ยังจะไม่ดูดำดูดีเจ้าได้อีกหรือ ถ้าหากจวนอ๋องมีเพียงเด็กคนนี้ อย่าว่าแต่ท่านอ๋อง ทั้งตระกูลเหวยต่างต้องมาอุ้มชูเจ้าจนเหนือฟ้า! เลื่อนให้เจ้าเป็นชายาเอกก็เป็นไปได้!”
อวิ๋นหว่านถงสั่งให้ยวนยางออกไป ก่อนจะเอ่ย “นี่คือเรื่องที่ข้าอยากจะหารือกับท่านแม่ แม้การตั้งครรภ์เป็นเรื่องดี ทว่าเป็นสิ่งที่วางใจไม่ได้” มือลูบวนบนท้อง “ครรภ์นี้เป็นแผนของข้า หลังจากนี้เว่ยอ๋องคงไม่เปิดโอกาสให้ข้าสัมผัสตัวเขาได้อีกเป็นแน่ พูดตรงๆ ก็คือ จะสำเร็จหรือจะล้มเหลว เกรงว่าต้องพึ่งครรภ์ครั้งนี้แล้วล่ะ หากเป็นลูกชาย ย่อมเป็นเรื่องที่น่ายินดี หากเป็นลูกสาว…”
อนุฟางเข้าใจความกังวลของลูกสาว และก็เริ่มเป็นห่วงด้วยแล้วเช่นกัน
อวิ๋นหว่านถงกดเสียงต่ำ “ดังนั้น ไม่ว่าอย่างไรครรภ์นี้ต้องเป็นผู้ชายเท่านั้น”
อนุฟางเมื่อได้ฟังรู้สึกงุนงงเล็กน้อย จะเป็นเพศชายหรือหญิงคือสิ่งที่ฟ้ากำหนด คนจะมาชี้ขาดได้อย่างไร “เจ้าหมายความว่า…”
“ข้าหมายความว่า” อวิ๋นหว่านถงพูดออกมาทีละคำ “หากเป็นชายก็ช่าง หากเป็นหญิง ถึงเวลานั้นหาแมวดำมาเปลี่ยนองค์ชาย เปลี่ยนเป็นเด็กผู้ชาย เรื่องนี้ใหญ่เกินไป ข้าเชื่อใจใครไม่ได้ทั้งนั้น จึงต้องให้ท่านแม่ไปทำ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปท่านแม่ไปดูแทนข้า ดูว่ามีหญิงตั้งครรภ์ที่อายุครรภ์ใกล้ๆ ข้าไหม หามาหลายคนหน่อย ถึงเวลานั้นหากข้าคลอดออกมาเป็นหญิง ก็เอาเด็กผู้ชายมาเปลี่ยนให้ข้า”
ดวงตาของอนุฟางเบิกกว้าง การผสมสายเลือดของราชวงศ์เป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับอนาคตของตัวนางและลูกสาวแล้ว ถือว่าเล็กน้อย นางพยักหน้า ทว่ากลับอ้ำอึ้งขึ้นอีกครั้ง “สตรีมีครรภ์หาได้ง่าย เพียงแต่ทารกแรกเกิดนั้นมองออกได้ในพริบตา ต้องหาหญิงตั้งครรภ์ในเดือนเดียวกับเจ้า และต้องคลอดในเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้งยังต้องเป็นลูกชายด้วย ต้องหาหญิงตั้งครรภ์มาไว้สำรอง นี่เท่ากับว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ! นอกจากนี้คนทั่วไป จะให้ลูกชายที่เพิ่งเกิดใหม่กับคนอื่นได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นมันแพร่งพรายให้คนอื่นรู้ไม่ได้ ต้องแอบทำ หากครอบครัวของหญิงตั้งครรภ์ไปพูดกับคนอื่น แล้วสาวเรื่องราวมาถึงเรา จับได้ว่าพวกเราคือคนของจวนเว่ยอ๋อง จะทำอย่างไรเล่า”
อวิ๋นหว่านถงเคยคิดถึงปัญหาเหล่านี้เช่นกัน ฉายแววดุร้ายในดวงตา เอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่นว่า “ท่านแม่จึงต้องพยายามหาหญิงตั้งครรภ์ที่อาศัยอยู่บนเขาหรือตามชนบทที่ไม่มีคนชุกชุม เป็นครอบครัวเล็กๆ ที่มีสองสามีภรรยาแยกออกมาอยู่เป็นจะดีที่สุด และต้องยากจนข้นแค้น เพื่อให้เงินปิดปากพวกเขาได้หากเกิดอะไรขึ้น” เอ่ยด้วยน้ำเสียงโหดร้าย “ครอบครัวที่บ้านแสนเรียบง่ายเช่นนนี้…จะเผาประตูบ้านพวกเขาทิ้งก็ช่างง่ายดาย”
อนุฟางสูดอากาศเฮือกใหญ่ พลางกลืนน้ำลาย รู้สึกได้เพียงว่านางจำลูกสาวคนนี้ไม่ได้เสียแล้ว เด็กหัวอ่อนขี้กลัวคนนั้นไปไหนแล้ว เพื่อครรภ์ครั้งนี้ ไม่สนใจสิ่งใดอีกแล้ว แม้จะรู้สึกว่างานนี้ยากเหลือล้น ทว่าก็พยักหน้าโดยพลัน ตอบตกลงก่อนจะเอ่ย “จ้ะ ให้แม่จัดการเอง!”
อวิ๋นหว่านถงลูบท้องที่ยังคงแบนราบอย่างพึงพอใจ เมื่อวางใจได้แล้ว นัยย์ตาฉายแววสงบเงียบ และเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจที่จะได้ในสิ่งที่ต้องการ ราวกับว่าตำแหน่งที่สูงส่งของแม่ที่ได้รับจากลูกชายอยู่ใกล้แค่เอื้อม นางหยิบธนบัตรเงินยัดให้อนุฟาง ก่อนจะเอ่ย “นี่เป็นเงินให้ท่านแม่ไว้สำหรับซื้อตัวทารก หากไม่พอ ให้มาบอกข้าอีกที”
ทันทีที่อนุฟางเห็นจำนวนเงินนั้น ดวงตาพลันสว่างวาบ นำธนบัตรเงินใส่ลงในแขนเสื้อ และไม่กังวลสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว “ชายารองวางใจเถิด ไม่ว่าแม่จะใช้วิธีใด จะต้องจัดเตรียมกองหนุนไว้ให้เจ้าอย่างครบถ้วน!”
อวิ๋นหว่านถงถอนหายใจ “เฮ้อ หากคลอดลูกชายได้เองน่ะดีที่สุด ข้าก็ไม่ต้องการเอาลูกของคนอื่นมาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองหรอก หวังเพียงสวรรค์จะมีตาแล้วกัน”
อนุฟางนัยน์ตาพลันสว่างวาบ เอ่ย “จริงสิ เมื่อเร็วๆ นี้มีพระธุดงค์มาที่วัดหวาอัน ชื่อเสียงก้องไกล มีชื่อทางธรรมว่าอู้เต๋อ ได้ยินว่าเป็นศิษย์จากสำนักเดียวกับราชครูกู้เทียนของราชวงศ์ก่อน ทำนายดวงชะตาแม่นราวกับตาเห็น ไม่เคยทำนายผิดเลย ตบะแก่กล้ามาก! ฮึ คนโปรดคนใหม่ของพ่อเจ้าน่ะ เมื่อไม่กี่วันก่อนก็ถูกเขาทำนายว่า เป็นคนมีดวงที่คลอดลูกได้ดีมาก ยังบอกว่าน่าจะท้องก่อนฤดูใบไม้ผลิอีกล่ะ ท่านแม่เชื่อจนไม่รู้จะเชื่ออย่างไร ในเมื่อเจ้ามาแล้ว ก็ไปให้อู้เต๋อท่านนั้นทำนายดวงชะตาด้วยดีไหม”
อวิ๋นหว่านถงเลือกที่จะมาพบกันที่วัดหวาอันในวันนี้ ประการแรกคือไม่ต้องการให้อื่นมารบกวน ไม่มีใครจำตนได้ว่าเป็นคนของจวนเว่ยอ๋อง ประการที่สองคือเคยได้ยินชื่อเสียงของไต้ซืออู้เต๋อ หลังจากอนุฟางเอ่ยเช่นนี้ จึงพากันไปวิหารหลักกับนาง
ไต้ซืออู้เต๋อตั้งแต่มาประจำการอยู่ที่วัดหวาอัน จำนวนผู้ศรัทธาที่เขารับทุกวันมีจำนวนจำกัด คนที่มาขอให้เขาทำนายดวงชะตา จะต้องต่อแถวตั้งแต่เช้าตรู่ และยังไม่แน่ว่าจะพบเขาได้หรือไหม
หลังจากอวิ๋นหว่านถงและอนุฟางเสี่ยงเซียมซีเสร็จ จึงมาถึงในสถานที่ที่ไต้ซืออู้เต๋อทายเซียมซี แน่นอนว่าแถวได้ต่อยาวดั่งมังกรเสียแล้ว
ยวนยางเห็นสายตาของเจ้านาย จึงเรียกองครักษ์ของจวนเว่ยอ๋องที่อยู่นอกวัดให้เข้ามา
องครักษ์หลายคนชักดาบออกมา พลางตะโกนโวกเวกวาย เดินเข้าไปในแถว ก่อนจะตะโกนลั่น “ยังไม่ไสหัวไปอีก! รีบออกไป!”
มีชาวบ้านมาต่อแถวเป็นค่อนวัน อุตส่าห์ใกล้ถึงคราวตัวเองแล้ว แต่จู่ๆ ก็ให้แยกย้าย ชาวบ้านเหล่านี้ต่างไม่เต็มใจ ทว่าเมื่อเห็นนายทหารที่ไล่ต้อนผู้คน ก็รู้ได้ว้เป็นคนของคนใหญ่คนโตที่ไม่อาจหาเรื่องได้ จึงทำได้เพียงอ้อนวอนเท่านั้น
“นายท่าน ข้าน้อยมาที่นี่เพราะท่านแม่ป่วยหนักจึงมาขอคำทำนาย ต่อแถวมาหลายวันแล้ว อุตส่าห์ถึงคราวของข้าแล้ว ท่านให้ข้าน้อยถามก่อนเถิด”
แล้วก็มีอีกคนมาพนมมือขอความเมตตาด้วย “สามีของข้าออกทะเลไปนานแล้ว แต่เขาไม่ได้กลับมาเสียที ท่านแม่กับท่านพ่อสามีต่างร้องไห้เป็นห่วงอยู่ทุกวัน ข้าหวังเพียงว่าจะได้เซียมซีอวยพรให้ปลอดภัยเอากลับไปให้คนในครอบครัวทั้งเด็กทั้งแก่ เพื่อให้พวกเขาสบายใจ และอยากรู้ว่าสามีของข้าเป็นตายร้ายดีอย่างไร ให้เวลาข้าเพียงครู่เดียวก็พอ ขอร้องล่ะท่าน…”
ซ้ายทีขวาที โวกเวกเสียจนอวิ๋นหว่านถงรำคาญใจ จึงส่งสายตาบอกเป็นนัยไปหนึ่งที จะตาย จะหายสาปสูบเกี่ยวอะไรกับตัวนางกันเล่า สำคัญกว่าก้อนเนื้อในท้องของนางอีกเช่นนั้นหรือ!
องครักษ์หลายคนชักดาบออกมาทันทีและขู่ว่า “หากพูดมากอีกละก็ ระวังจะโดนฆ่าทิ้ง! ยังไม่ไสหัวไปอีก! ไปให้พ้น ใครก็ได้ มาจัดการพื้นที่ที!”
ดึงเณรสองรูปมาเพื่อขับไล่บรรดาผู้ศรัทธาที่อยู่ระแวกนั้นออกไป
เณรรูปหนึ่งผู้อยู่ในช่วงวัยไม่เกรงกลัวสิ่งใด เขาทนมองไม่ได้อีกต่อไป จึงเอ่ยโน้มน้าม “หากไม่รีบ โยมโปรดรอสักครู่ ให้ผู้แสวงบุญก่อนหน้าขอคำทำนายให้เสร็จก่อน อาตมาจะไปเชิญไต้ซืออู้เต๋อมาพบเจ้านายของพวกโยม……”
ยังเอ่ยไม่จบ องครักษ์คนนึงยกดาบขึ้น เกิดเสียง โป๊ก ดังขึ้นบนหัวของเณร “บังอาจมาให้นายของข้าต้องรอ ใจกล้าบ้าบิ่นดีนัก!”
เณรลูบหัวเบาๆ ปูดบวมเป็นซาลาเปาลูกใหญ่ เจ็บปวดเกินทน ทว่ากลับไม่กล้าพูดอะไรออกมา
เมื่อเห็นเช่นนี้ชาวบ้านจึงเก็บอารมณ์โกรธแค้นนี้ไว้ และพากันทยอยออกไป