ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 88-2
ผ่านไปสักพัก บ่าวรับใช้ก็นำเข็มกลัดกลับเข้ามา
พอเถาฮวาเห็น ก็ถอนหายใจยาวๆ ใบหน้าบวมเปล่งปรากฏรอยยิ้มที่ผ่อนคลายลง แต่กลับยิ่งรู้สึกไม่เป็นธรรม ที่ตนถูกตบโดยไม่มีเหตุผล จึงตั้งใจว่าต้องสั่งสอนเหลียนเหนียงให้สาสม พลันรวบรวมพละกำลัง
“นี่เป็นการป้ายสีกันชัดๆ เข็มกลัดนี้นายท่านเป็นคนมอบให้บ่าว บ่าวมิได้ขโมยอย่างแน่นอน!” แล้วจึงจ้องมองเหลียนเหนียงอย่างดุดัน
อนุฟางแค่นเสียงเย็นชาออกมาคำหนึ่ง “ท่านพี่มอบให้เจ้ารึ มีหลักฐานหรือเปล่า”
บ่าวรับใช้ตอบเสียงต่ำ “ตอนบ่าวเข้าไปค้นเข็มกลัดในห้องนาง ก็ถือโอกาสถามบ่าวในเรือนของนายท่านซึ่งต่างก็บอกว่าไม่เคยได้ยินนายท่านพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน แล้วพอไปถามที่ห้องบัญชี เสมียนก็บอกว่าในบ้านไม่มีบันทึกรายจ่ายในส่วนนี้”
รอยยิ้มของเถาฮวาพลันจางหาย กฎของบ้านมีอยู่ว่า ถ้าบ่าวได้รับของขวัญจากนาย ก็ต้องมีบันทึกอยู่ในสมุดบัญชี โดยเฉพาะชิ้นที่มีมูลค่ามาก แต่เข็มกลัดชิ้นนี้นายท่านมอบให้ตนในคืนก่อนที่คุณหนูใหญ่จะเข้าวัง อย่างไรก็ผ่านมาไม่ถึงสองวันดี เมื่อวานมีรับสั่งให้คุณหนูใหญ่พักค้างคืนในวัง วันนี้มีรับสั่งให้คุณหนูสามเป็นชายารองของเว่ยอ๋อง การที่นายท่านไม่ทันบอกให้บันทึก หรือลืมไปชั่วขณะ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก จึงกลั้นหายใจแล้วว่า
“รอให้นายท่านกลับมา ทุกอย่างจะกระจ่างเอง!”
อนุฟางยิ้มเย็นชา “ยังต้องรอให้ท่านพี่กลับมาอีกหรือ ของกลางก็อยู่นี่แล้ว และเจ้าก็ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่าเข็มกลัดเป็นของเจ้า ยังมีหน้ามาเถียงอีก ท่านพี่หมู่นี้ยุ่งอยู่กับการเลื่อนตำแหน่งและเตรียมงานมงคลของคุณหนูสาม ถ้าจนแล้วจนรอดไม่มีเวลามาสอบสวนเจ้า แล้วสกุลอวิ๋นเรา ต้องเสียข้าวสุกเลี้ยงขโมยอย่างเจ้าไว้เรื่อยๆ เช่นนั้นรึ! เด็กๆ ตีจนกว่านางจะยอมสารภาพ!”
ผู้คุมกฎจึงลากเก้าอี้ยาวมา แล้วกดให้เถาฮวานอนคว่ำลงบนเก้าอี้ ‘แควก’ กางเกงนางถูกดึงลง เผยให้เห็นบั้นท้ายขาวจั๊วะ เถาฮวาทั้งโมโหทั้งอับอาย ดิ้นรนพลางตะโกนร่ำไห้
“รอให้นายท่านกลับมา ทุกอย่างจะกระจ่างแจ้ง! บ่าวไม่ได้ขโมย! นั่นเป็นของที่นายท่านให้บ่าว! แม่เล็กไม่มีสิทธิตัดสินบ่าว!”
แล้วจึงหันมองเหลียนเหนียงอย่างโกรธแค้นอีกรอบ “คนชั่ว! เจ้าให้ร้ายข้า! เจ้าให้ร้ายข้า…”
บ่าวรับใช้เห็นดังนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะพูดเสียงเบาตักเตือนอนุฟาง “แม่เล็ก อย่างไรรอให้นายท่านกับมาค่อยว่ากันจะดีกว่า เกรงว่านายท่านกลับมาเห็นแล้วจะไม่พอใจ…”
พอเหลียนเหนียงได้ยินบ่าวรับใช้เตือน ก็กลัวว่าอนุฟางจะเปลี่ยนใจ จึงก้าวออกมา หลังจากที่นิ่งเงียบอยู่เนิ่นนาน หันมองเถาฮวา แล้วน้ำตาก็ไหลออกทันใด
“ข้าให้ร้ายเจ้าตรงไหน เห็นจะๆ ว่าเจ้าต่างหากที่เกือบทำให้ข้าต้องเดือดร้อน! เถาฮวา ข้าไม่เหมือนเจ้า
ที่ข้าออกจากสมาคมม้าผอม ก็หวังเพียงได้กินอิ่มนอนหลับ เจ้าโลภก็เป็นเรื่องของเจ้า อย่ามาทำให้ข้าต้องพลอยถูกนายไม่ชอบไปด้วย! เข็มกลัดของเจ้าแพงขนาดนี้ ข้าสงสัยว่านายท่านไม่ได้ให้เจ้า ข้าผิดตรงไหน”
พออนุฟางได้ยิน จิตสังหารก็บังเกิด ไม่ว่าเข็มกลัดอันนี้ ท่านพี่ได้มอบให้นางหรือไม่ เหตุผลที่ต้องตีนางก็มีอยู่! อีกอย่าง กางเกงก็ถูกดึงลงมาแล้ว หรือต้องใส่กลับให้นาง เช่นนั้นคำพูดของตนยังนับเป็นอะไรได้ แล้วต่อไปใครจะเห็นหัวตนอีก อนุฟางจึงเปล่งเสียงดัง
“ยังไม่ตีลงไปอีก!” บารมีในตอนนี้ เพิ่มความหยิ่งผยองให้กับอนุฟาง นางไม่เชื่อว่า การสอบสวนบ่าวเพียงคนเดียว จะทำให้ท่านพี่ถึงกับดุด่ามารดาของชายารองในอนาคตอย่างตน
ผู้คุมกฎยกไม้ฟาดลงไป พอไม้ถูกเนื้อ เถาฮวาก็ร้องโหยหวนออกมา สาวๆ ในสมาคมม้าผอมล้วนดูแลผิวพรรณตนเองให้นุ่มนิ่มเนียนสวยมาตลอด ต่างจากบ่าวไพร่ในบ้านทั่วไปที่มือเท้าหยาบกระด้าง จึงทนความเจ็บไม่ไหว ตีไม่ถึงสามทีก็ตาเหลือกแล้ว เสียงร้องติดอยู่ในลำคอ เปล่งไม่ออก ได้แต่คร่ำครวญพลางโกรธแค้น
“อย่าตี…อย่าตี…รอให้นายท่านกลับมาก่อน…” เสียงกัดฟัน “…เหลียนเหนียง…ถึงข้าตาย…ก็ไม่มีทางละเว้นคนเลวทรามต่ำช้าอย่างเจ้า…”
“แม่เล็ก รอหน่อยเถิด” บ่าวรับใช้เห็นสภาพทนความเจ็บไม่ไหวของเถาฮวา เกรงว่านางอาจหายใจไม่ทันแล้วจากไปได้ง่ายๆ จึงรีบเตือน “ถ้าตีจนตาย ก็ยากที่จะอธิบายอยู่! ต่อให้นายท่านไม่ว่าอะไร อย่างไร ผู้อาวุโสก็เป็นคนซื้อนางมา ผู้อาวุโสอาจต่อว่าที่เสียเงินแล้วไม่คุ้มค่า”
อนุฟางคิดๆ ดูก็ใช่ จึงเคร่งขรึมลง แต่แล้วก็ส่งสายตาให้ผู้คุมกฎ ก่อนยกนิ้วที่ทาเล็บสีแดงขึ้น ชี้ตำแหน่งที่ต้องการตี ต่อด้วยการวาดวงกลมกลางอากาศ บอกใบ้ด้วยท่าทาง
ผู้คุมกฎตีบ่าวในบ้านทั้งชายและหญิงจนเคยชิน ไหนเลยจะไม่รู้ความหมาย จึงถอยหลังสองก้าว ให้พละกำลังตกอยู่กับปลายไม้ แล้วตีแรงๆ ลงไปที่สะโพกของเถาฮวา สักพักก็พลิกตัวเถาฮวาให้นอนหงาย ราวกับปลาหงายท้องก็มิปาน แล้วตีสะเปะสะปะลงไปตรงบริเวณหน้าท้อง
ผู้คุมกฏที่รับหน้าที่ตีบ่าวในบ้านด้วยไม้เป็นผู้มีความรู้ ถ้านายอนุโลม ใจอ่อนกับบ่าวที่ถูกลงโทษ ผู้คุมกฎจะถือไม้ในแนวขนานและกระจายแรงออกเวลาตี เสียงที่ตีจะดังมาก แต่จริงๆ แล้วไม่ค่อยเจ็บ ทว่าถ้าใช้ส่วนหนึ่งส่วนใดของไม้ตีลงไป โดยเฉพาะปลายไม้ที่บางเฉียบ นั่นก็คือมีดทื่อๆ เล่มหนึ่งที่ใช้ฆ่าคนได้ดีๆ นี่เอง เสียงที่ตีจะทึบตัน จนแทบไม่ค่อยได้ยิน แต่กลับทั้งเจ็บและทรมาน
ตำแหน่งที่อนุฟางชี้ พอดีเป็นช่วงสะโพกที่เนื้อนิ่ม และไม่ใช่ตำแหน่งที่เป็นอันตรายอะไร ตีแรงแค่ไหนก็ไม่ทำให้ตาย แต่กลับทำให้เจ็บจนอยากตาย ส่วนท้องน้อยด้านหน้า ก็คือตำแหน่งที่ผู้หญิงหวงแหนเป็นที่สุด ดังนั้นตอนนี้ เขาก็เท่ากับเป็นเพชฌฆาตทำลายอนาคตนาง
บ่าวรับใช้ได้แต่ยืนดู พอไม้ตีลงไป ร่างของเถาฮวาก็เหมือนปลาตายที่เด้งขึ้นเด้งลง ขนาดดูก็ยังเจ็บแทน จนต้องกัดฟันแล้วเบือนหน้าหนี
ส่วนเหลียนเหนียง แม้กำลังก้มหน้า แต่เปลือกตากลับขยับขึ้น มองตาไม่กระพริบ
ตีไปครู่ใหญ่ ซึ่งเถาฮวาสลบไปนานแล้ว อนุฟางจึงยกมือ “นำตัวกลับไป!”
บ่าวรับใช้จึงดึงกางเกงเถาฮวาขึ้น แล้วพยุงร่างนางร่วมกับผู้คุมกฎ กลับห้องพักบ่าว
หลังจากอนุฟางหยิบยืมโอกาสสั่งสอนเถาฮวาเสร็จเรียบร้อย ตะวันก็อยู่เหนือศีรษะ ใกล้เที่ยงพอดี อวิ๋นเสวียนฉั่งกับม่อไคไหล อีกทั้งถงฮูหยินกับหวงน้าสี่ ก็ทยอยกันกลับถึงจวน
อนุฟางรู้สึกสะใจมากที่ได้ถอนเสี้ยนหนามคาใจออกมาจนได้ แต่ก็ไม่ถึงกับไม่กังวลใจใดๆ เนื่องด้วยเข็มกลัดนั่น ถ้าเป็นของที่ขโมยมาก็แล้วกันไป แต่ถ้าเป็นของที่ท่านพี่มอบให้จริง ก็กลัวอยู่เหมือนกันว่าจะถูกท่านพี่ตำหนิ
และนางก็ไม่ใช่คนที่นั่งรอให้ถูกกระทำ จึงบอกให้บ่าวไปเฝ้าประตูไว้แต่แรก พอเห็นท่านพี่กับผู้อาวุโสมาก็ให้รีบมาบอก นางจะได้รีบไปที่ห้องโถงหลัก นั่งเค้นอารมณ์ให้หน้าแดง แล้วจึงเล่าเรื่องให้พวกเขาฟังด้วยตนเอง
ซึ่งถงฮูหยินไหนเลยจะยอมลงให้กับโจรในบ้าน จ้องมองลูกชาย พลางว่า
“เจ้ารอง มีเรื่องเช่นนี้ด้วยรึ เข็มกลัดนั่น ตกลงเจ้าเป็นคนให้หรือนางหยิบเอาไปกันแน่”
พออวิ๋นเสวียนฉั่งได้ยิน ก็นึกถึงเรื่องในคืนวันก่อน จึงขมวดคิ้ว
“ข้าเป็นคนให้นางเอง ทำไมเจ้าตีคนตามอารมณ์ โดยไม่ถามให้ชัดเจนก่อน”
อนุฟางรีบดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตา “ข้าเห็นว่าเข็มกลัดนั่นราคาแพงมาก แม้แต่ข้าเองก็ยังไม่ค่อยได้ใช้เครื่องประดับแบบนี้ อีกอย่าง…”
เหลือบมองท่านพี่ “ข้าเองก็…ไม่เคยเห็นท่านพี่จ่ายหนักขนาดนี้ อย่าว่าแต่มอบของล้ำค่าให้กับบ่าวคนหนึ่งเลย พูดก็พูด หลักฐานที่พิสูจน์ว่าท่านพี่เป็นคนให้ก็หาไม่พบ จึงคิดว่าเถาฮวาต้องขโมยมาแน่ บวกกับนางเถียงคอเป็นเอ็น ข้ากลัวว่าพวกบ่าวจะเลียนแบบ จึงตัดสินใจโดยพลการ ลงโทษนางอย่างหนักไป”
อวิ๋นเสวียนฉั่งเกิดมายากจน ชีวิตผ่านความรุนแรงและโหดร้ายจนเคยชิน จึงไม่ใช่คนใจกว้างที่ชอบให้ของขวัญกับบ่าวมาแต่ไหนแต่ไร เพียงคืนที่ให้เข็มกลัดเท่านั้น ที่เขาหยอกอนุฟางเล่นในห้องโถง แล้วเกิดอารมณ์ปรารถนาขึ้นมา พอกลับถึงเรือน เห็นเถาฮวาสดใสน่ารัก มีเสน่ห์และเอาใจคนเก่ง จึงหลงรัก และนึกใจกว้างขึ้นมา หยิบของให้นางไปชิ้นหนึ่ง ไม่คิดว่า จะกลายเป็นการทำร้ายนางไปเสียนี่
ถงฮูหยินมองว่าที่อนุฟางพูดมาแต่ละคำมีเหตุผล ไม่ผิดอะไร ในบ้านเพิ่งมีเรื่องมงคล ใยต้องก่อความวุ่นวายให้บ้านเกิดความไม่สงบ เพราะบ่าวเพียงคนเดียวด้วย จึงว่า
“เอาเถอะ ถือว่าเถาฮวาโชคไม่ดีก็แล้วกัน แล้วคนล่ะ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”
“เรียนผู้อาวุโส หลังจากถูกตี นางก็ถูกพยุงกลับไปที่ห้อง ตอนนี้กำลังนอน ยังไม่ตื่นเจ้าค่ะ” บ่าวข้างกายอนุฟางตอบเสียงเบา
“อย่างนี้ก็แล้วกัน” ถงฮูหยินกำชับ “เรียกหมอไปตรวจดูอาการให้นางที่ห้องหน่อย”