ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่178.2 มัดตัวอนุภรรยา (2)
สิ่งที่เหมือนกันของหญิงสาวทั้งหกคน คือท้องที่ป่องออกมาเล็กน้อย
เป็นหญิงตั้งครรภ์ทั้งหมดเลยหรือนี่
“นี่หมายความว่าอย่างไร” หนิงซีฮ่องเต้อึ้งจนแทบอ้าปากค้าง สิ่งที่อยู่ตรงหน้าน่าตกใจกว่าการพบหน้ากับเถ้าแก่หอลั่วหยางชุนเมื่อครู่นี้อีก
เว่ยอ๋องอึ้ง เหงื่อไหลพราก เพราะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่
เจี่ยงฮองเฮาเหลือบมองเว่ยอ๋องหนึ่งที จากนั้นหันหน้าเข้าหาพระพักตร์ของฝ่าบาทและทูลว่า “หญิงสาวทั้งหกคนนี้เป็นหญิงตั้งครรภ์ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแถบชานเมืองของเมืองหลวง มีฐานะครอบครัวยากจน สามีภรรยาบางคู่ อาหารสามมื้อแทบไม่อิ่มท้อง บางครอบครัวมีลูกสาวหลายคน พอไม่ป้องกัน ก็ท้องอีก กำลังปวดหัวกับเด็กที่เกิดมาเกินว่าจะเลี้ยงดูอย่างไร บางคนไม่มีพ่อแม่สามี สามียังมาเสียชีวิตจนกลายเป็นแม่หม้าย เด็กกลายเป็นลูกกำพร้าพ่อ ในท้องของผู้หญิงเหล่านี้ ล้วนมีอายุครรภ์พอกับพระชายารองอวิ๋น แทบจะตั้งท้องในเดือนเดียวกัน วันคลอดก็ไม่ต่าง”
หนิงซีฮ่องเต้ถึงกับกลืนน้ำลาย และคล้ายว่าจะเดาเรื่องราวออกแล้ว
“เด็กทุกคนที่อยู่ในท้องของพวกนาง ถูกรับซื้อไว้แล้วโดยคนๆ หนึ่ง เมื่อเด็กคลอดออกมา หากเป็นเด็กผู้ชาย ก็มีโอกาสถูกนำไปสลับตัวให้กับผู้อุปถัมภ์ผู้นั้น” เจี่ยงฮองเฮาเหลือบมองเว่ยอ๋อง สายตาคู่นั้นเย็นชาอย่างบอกไม่ถูก “หาหญิงตั้งครรภ์สำรองไว้มากมายถึงเพียงนี้ ไม่ง่ายเลยใช่หรือไหมเว่ยอ๋อง”
เว่ยอ๋องเข้าใจเรื่องราวในที่สุด เขารู้สึกหวาดกลัวและเอะอะโวยวาย “ลูกไม่ได้ทำเรื่องเช่นนั้นเลยพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ!”
“เรื่องแบบนี้ ไม่สมควรให้เว่ยอ๋องทำเองแน่นอน” เจี่ยงฮองเฮากล่าวต่อแบบใส่ความว่า “มีอนุ แม่ของพระชายารองอวิ๋นคอยเหลียวหน้าระวังให้ก็พอแล้ว”
อวิ๋นหว่านถงเป็นสั่งให้แม่ของนางไปทำรึ เว่ยอ๋องโกรธจนหน้าสั่น นังผู้หญิงคนนี้ หากทำจนตายตัวเขาเองคงไม่เป็นไร แต่ครั้งนี้นางกำลังจะทำให้เขาตกที่นั่งลำบาก!
“คนในราชวงศ์ให้กำเนิดบุตรชายไม่ได้ จนต้องทำเรื่องแมวดาวสับเปลี่ยนองค์ชาย ข้าก็เคยได้ยินอยู่บ้าง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเว่ยอ๋องจะเก่งกว่า พระชายารองเพิ่งตั้งครรภ์ได้ไม่นาน ก็สำรองไว้เรียบร้อย” เจี่ยงฮองเฮาสะบัดแขนเสื้อและตำหนิต่อว่าด้วยเสียงแข็ง “โชคดีที่ฟ้าสวรรค์มีตา สั่งให้พระชายารองแท้ง อีกทั้งยังให้ข้าได้พบแผนชั่วร้ายนี่ หากท้องจนครบสิบเดือน พระชายารองให้กำเนิดเป็นบุตรสาว สับเปลี่ยนทารกชายของหญิงชาวบ้านมาแทน สายเลือดของตระกูลซย่าโหวก็จะแปดเปื้อน และถูกคนทั่วแผ่นดินหัวเราะเยาะ!” พอพูดถึงตรงนี้ นางหันหน้าไปทางพระพักตร์ของหนิงซีฮ่องเต้ อารมณ์ค่อนข้างรุนแรง นางทูลว่า “ฝ่าบาทเพคะ เรื่องนี้ช่างเลวร้ายยิ่งนัก เป็นความผิดใหญ่หลวงนะเพคะ!”
เว่ยอ๋องกอดขาของฮ่องเต้เอาไว้ “ลูกไม่รู้เรื่องจริงๆ พ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ…”
แม้ว่าหนิงซีฮ่องเต้ยังทรงกริ้ว และรู้ว่าการทำให้สายเลือดราชวงศ์แปดเปื้อนมีความผิดใหญ่แค่ไหน เขาทำได้เพียงอดกลั้นเอาไว้ “เจ้าไม่รู้เรื่อง แปลว่าอวิ๋นซื่อเป็นคนทำเองรึ”
เว่ยอ๋องถูกถามจนอึ้ง หากเขาตอบ “ใช่” แม้ดูเหมือนจะลบล้างความผิดได้ไม่เท่าไหร่ อย่างน้อยก็ตัดความเกี่ยวข้องและลดความกริ้วของฝ่าบาทลงได้บ้าง หากแต่ตอบว่าใช่ละก็——อวิ๋นหว่านถงคงตายเป็นแน่
และช่วงที่เว่ยอ๋องกำลังลังเล เจี่ยงฮองเฮาพูดแทรกว่า “เว่ยอ๋องจะแก้ตัวอย่างไรอีก เป็นถึงนายในจวนอ๋องและเป็นสามีของอวิ๋นซื่อ อย่าบอกว่าไม่รู้เรื่องที่อวิ๋นซื่อกับแม่ร่วมมือรับเลี้ยงทารกชายด้านนอกนั่น!”
สายตาทุกคู่จับจ้องรอคำตอบ หลักฐานอยู่ตรงหน้า ถึงแม้หนิงซีฮ่องเต้อยากปกป้องลูกชายแค่ไหน หวังอยากจะหลอมเหล็กเหลวให้กลายเป็นเหล็กกล้า แต่ก็หมดหนทางเสียแล้ว สะบัดเขาออกและตรัสว่า “เหยาฝูโซ่ว นำตัวลูกอกตัญญูและพระชายารองอวิ๋นในจวนไปขังที่สำนักพระราชวัง!”
เหยาฝูโซ่วน้อมรับพระราชโองการ และดำเนินการทันที
พระที่นั่งหย่างซินเตี้ยนสงบลง เหตุการณ์เมื่อครู่ กระตุ้นให้อาการป่วยของหนิงซีฮ่องเต้กำเริบถึงกับไอหนักไปหลายที
เจี่ยงฮองเฮาอยากเดินเข้าไปใกล้ แต่พอเห็นสนมม่อหยิบยื่นถ้วยน้ำชา ลูบหลังรับใช้อยู่ข้างๆ เพียงครู่เดียว อาการไอของฝ่าบาทก็หยุดลง ไม่เพียงแต่แค่นั้น ฝ่าบาทยังทรงเงยพระพักตร์ขึ้นพูดเอาใจสองสามคำ ท่าทางของสองคนสนิทสนมมากเป็นที่สุด เจี่ยงฮองเฮาจึงไม่ก้าวเท้าต่อ และทูลว่า “สนมม่อปรนนิบัติรับใช้ฝ่าบาทมาหลายวัน ดูคล่องแคล่ว ละเอียดอ่อน หม่อมฉันก็วางใจ ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันทูลลาเพคะ”
ถ้าเป็นมเหสีรองเหวย คงมีท่าทีอิดออดอีกพักใหญ่แน่ หนิงซีฮ่องเต้ทอดพระเนตรไปยังเจี่ยงฮองเฮาแทน ภรรยาคนแรกคนนี้เป็นคนใจกว้างเสมอ ไม่เหมือนหญิงสามัญที่เอาแต่อิจฉาริษยา ไม่มีวันไหนไม่เป็นทุกข์ ฝ่าบาทตรัสตอบด้วยความอ่อนโยน “คืนนี้ฮองเฮาก็เหนื่อยมากแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”
เจี่ยงฮองเฮาขมวดคิ้วเบาๆ ถ้าไม่สังเกตจะมองไม่เห็น นางเก็บแขนเสื้อและพยักหน้า สีหน้ายังคงรักษาความอ่อนน้อมและความใจกว้างเอาไว้ นางทูลตอบว่า “ฝ่าบาทก็รีบเข้าบรรทมนะเพคะ”
พอออกจากพระที่นั่งหย่างซินเตี้ยน ค่ำคืนอันยาวนานได้เริ่มขึ้นแล้ว เหนือพระราชวัง มีดวงดาวส่องแสงระยิบรำยับอยู่บนฟ้า ราวกับเพชรที่ส่องประกายประดับอยู่บนผ้ากำมะหยี่ โอบล้อมดวงจันทร์ดวงนั้นเอาไว้ แม้ดวงจันทร์ดวงนั้นดูงดงามเพียงใด แต่มันกลับต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวและดูอ้างว้าง
เจี่ยงฮองเฮาทอดสายตาไปยังดวงจันทร์ดวงนั้น ความเศร้าปรากฏขึ้นบนใบหน้า ความสง่างาม มีเกียรติและความไม่ปรารถนาสิ่งใดเมื่อตอนอยู่ข้างใน มลายหายไปหมด
ไป๋ซิ่วฮุ่ยเห็นฮองเฮากำจัดเว่ยอ๋องสำเร็จ แต่ไม่เห็นนางดีใจเลยสักนิด
เรื่องราวในคืนนี้ แม้เว่ยอ๋องไม่ถูกลงโทษหนัก แต่เส้นทางสู่การเป็นองค์รัชทายาทก็คงถูกตัดแล้วเหมือนกัน ฮองเฮาไม่เพียงแต่เปิดโปงต่อหน้าฝ่าบาท แต่ยังสั่งให้คนนำเรื่องนี้ส่งไปให้ถึงหูของเหล่าขุนนางในราชสำนักอีกด้วย ในวันพรุ่งนี้ เหล่าขุนนางจะทราบเรื่องเว่ยอ๋ององค์ชายห้าชอบในผู้ชายกันถ้วนหน้า
แม้ว่าฝ่าบาทไม่ตายใจ ทว่าแค่ฝีปากและการขัดขวางของพวกขุนนาง ก็ทำให้เว่ยอ๋องหมดโอกาสได้เหมือนกัน
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ควรดีใจไม่ใช่หรือ
สมกับเป็นคนสนิทของฮองเฮาจริงๆ ไป๋ซิ่วฮุ่ยเพียงแค่เหลือบมองภายในพระที่นั่งหย่างซินเตี้ยน นางเห็นเงาลางๆ ของฮ่องเต้กับสนมม่ออยู่ด้วยกันอย่างชิดใกล้ นางก็เข้าใจทันที นางกระซิบว่า “ฮองเฮาอย่าได้กังวลไปเลยเพคะ ก็แค่สนมตัวเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น หญิงสาวที่ฝ่าบาททรงพอพระทัย มีสักกี่คนที่สามารถ…”
เจี่ยงฮองเฮายกมือขึ้นอันเป็นสัญญาณว่าให้หยุด
นางรู้ว่าไป๋ซิวฮุ่ยจะพูดว่า หญิงสาวที่ฝ่าบาททรงพอพระทัย มีสักกี่คนที่สามารถรอดพ้นจากแผนการและฝีมือของนางได้
แต่นี่ก็หลายปีแล้ว นางเหนื่อยแล้ว
ตอนที่อยู่ด้านในพระที่นั่งหย่างซินเตี้ยน ความให้เกียรติที่ฮ่องเต้มีต่อนางไม่เคยแปรเปลี่ยน แต่เกียรตินี้ นางไม่ต้องการ
นางอยากได้ยินเขาพูดอย่างอ่อนโยนเพียงประโยคเดียวว่า “คืนนี้ฮองเฮาอยู่กับข้าเถิด”
ทว่าคำพูดอ่อนหวานแบบนี้ เขามีให้เฉพาะหญิงอื่นเท่านั้น
นังสวี่ชิงเหยาที่ตายจนเศษกระดูกยังไม่เหลือ มีชัยเหนือนางผู้มีชีวิตตลอดกาล
พระชายาในฉินอ๋อง ลูกสาวของสวี่ชิงเหยา เพียงเพราะมีโครงหน้าคล้ายแม่ ก็ยังเคยทำให้เขาหลุ่มหลง
ความอ่อนช้อยของสนมเอกเฮ่อเหลียน ความเอาแต่ใจของมเหสีรองเหวย ยังสามารถทำให้เขาใจเต้นได้ แม้แต่สนมที่มาจากนางกำนัล ได้อยู่รับใช้ในช่วงไม่สบายเพียงแค่ไม่กี่วัน ก็ยังได้รับความกรุณาจากเขา
ในสายตาของเขา นางเป็นได้แค่ภรรยาเอก กุลสตรีผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดีและเป็นตัวอย่างที่ดีของจงกง [1] เขามีความเคารพ ให้เกียรติ และสุภาพกับนาง แต่ไม่เคยลุ่มหลงและใกล้ชิดอย่างที่ผู้ชายมีต่อผู้หญิง
“ไป๋ลิ่งเหริน [2] ” น้ำเสียงเรียบนิ่ง เหมือนทุกครั้ง ฟังไม่ออกว่ามีความรู้สึกอย่างไร “เจ้าคิดว่า เป็นเพราะข้างามไม่พอใช่หรือไม่”
ไป๋ซิ่วฮุ่ยตะลึง “ฮองเฮาพูดอะไรเพคะ ถ้าฮองเฮาไม่งาม ในแผ่นดินนี้คงไม่มีหญิงงามแล้วเพคะ”
นางไม่ได้พูดเพื่อเยินยอ เมื่อสมัยยังเป็นสาว นางงดงามเหนือหญิงสาวทั้งปวง จนได้รับเลือกให้เป็นพระชายาที่คู่ควรที่สุดขององค์รัชทายาท หลังจากนั้นได้ย้ายเข้าพำนักจงกงเป็นแม่ของแผ่นดิน รูปร่างหน้าตาจะธรรมดาไม่ได้อยู่แล้ว
“แล้ว ข้าไม่ตั้งครรภ์สักที ก็เลยไม่เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ใช่หรือไม่” นางยังพูดด้วยเสียงเรียบราวกับน้ำนิ่ง
[1] จงกง ภาษาจีน 中宫หมายถึง พระตำหนักที่ฮองเฮาพำนัก
[2] ลิ่งเหริน หมายถึง ตำแหน่งหัวหน้าสาวใช้ในวัง