ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่189.3 ฟื้นคืนชีพ (3)
เจี่ยงอวี๋และสาวใช้ต่างตกใจยกใหญ่ แต่กลับได้ยินนางกล่าวว่า “พระนัดดาน้อยอยู่ที่ใด พาข้าไปหน่อย”
เจี่ยงอวี๋เบิกตากว้าง “เจ้าได้ยินหมดเลย? เจ้า…” สตรีตรงหน้าคงได้ยินชัดเจนแจ่มแจ้งหมดแล้ว แววตานางพลันตระหนก
อวิ๋นหว่านชิ่นกระแทกเสียงดัง “เจ้าเอาพระนัดดาน้อยมาเป็นตัวประกันมิใช่หรือ หากพระนัดดาน้อยเป็นอันใดขึ้นมา อย่าว่าแต่ฮองเฮาจะเล่นงานเจ้าเลย หลานเจาซวิ่นคงได้มัจฉาตายตาข่ายขาด[1]ไปกับเจ้าด้วยแน่ เจ้าใช้ตะกร้าไม้ไผ่ตักน้ำ[2]เช่นนี้ เสียแรงไปเปล่าๆ ได้จบสิ้นกันแล้ว!”
เจี่ยงอวี๋นิ่งอึ้งตะลึงงัน สติยังไม่กลับมาครบถ้วนดี
อวิ๋นหว่านชิ่นไม่กล่าวมากความ เดินไปหาแล้วยกแขนขึ้นตบลงบนหน้านางสองครั้งดัง เพี้ยะ เพี้ยะ ถ่มน้ำลายกล่าว “วางเป็นแต่แผน ไม่รู้จักคิดให้รอบคอบ! ยังไม่พาข้าไปอีก!” มองไปทางสาวใช้แล้วกล่าว “เจ้าลอบไปห้องข้าที่สำนักฉางชิง เอาชุดเข็มเงินที่อยู่ใต้เตียงข้ามา” เรื่องนี้ต้องทำเงียบๆ อย่าให้คนแตกตื่น จะไปขอยาจากหมอหลวงน่ะฝันไปเสียเถอะ โชคดีที่เหยากวงเหย้าให้ชุดฝังเข็มนางมาชุดหนึ่ง ไม่แน่ว่านี่อาจจะได้ใช้ประโยชน์แล้ว
เจี่ยงอวี๋ถูกตบจนหน้ามืดตาลาย ในหูดังวิ้งๆ อื้ออึง แต่กลับได้สติกลับมา ก่อนหน้านี้ที่จมน้ำได้ยินอีกฝ่ายบอกว่ามีความรู้ด้านการแพทย์อยู่บ้าง ยามเร่งด่วนมากๆ เช่นนี้จึงไม่มีเวลาคิดมากนัก กล่าวอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า “ไป…ไปทำตามที่นางบอก”
รอจนสาวใช้รีบไปยังสำนักฉางชิงแล้ว เจี่ยงอวี๋จึงค่อยเดินโซๆ เซๆ ไปทางตงกง
อวิ๋นหว่านชิ่นเดินตามเจี่ยงอวี๋ไปยังตงกงท่ามกลางราตรีอันมืดมิด พอมาถึงห้องนอนของเจี่ยงอวี๋แล้ว ก็อ้อมไปทางห้องเก็บของเล็กๆ ด้านหลังเรือน
เจี่ยงอวี๋คุ้ยหากุญแจออกมาเปิดประตูหนักบานนั้น ห้องเก็บของใหญ่โตและมีหลายชั้น นางหอบหายใจ “อยู่ข้างในนี้แหละ”
ภายในห้องมืดมิด กระทั่งไฟยังไม่กล้าจุด พอเดินเข้าไปก็มีกลิ่นเย็นชื้นเหม็นอับโชยมาอย่างชัดเจน อย่าว่าแต่เด็กทารกตัวน้อยๆ ที่ป่วยแล้วถูกขังไว้ด้านในหลายวันจะอยู่ได้เลย ต่อให้เป็นผู้ใหญ่ก็ทนไม่ได้เช่นกัน
อวิ๋นหว่านชิ่นคิ้วขมวดมุ่น เดินเข้ามาตั้งนานกลับไม่ได้ยินเสียงร้องงอแงของทารกเลยแม้แต่น้อย สังหรณ์ใจอยู่ไม่นาน พอเดินเข้ามาในห้องในสุดก็เห็นเจี่ยงอวี๋ถือตะเกียงน้ำมันกรีดร้องออกมาเบาๆ อยู่หน้าเปลไกวไม้หวายเก่าๆ “กรี้ดดดดดด เขาตายแล้ว ตายแล้ว!”
พอตะโกนออกไป หน้าประตูก็มีเงาดำร่างหนึ่งโผเข้ามาร้องไห้โฮ “เซี่ยวเอ๋อร์ เซี่ยวเอ๋อร์!”
เจี่ยงอวี๋ตกใจ นึกไม่ถึงว่าหลานเจาซวิ่นจะแอบตามตนเข้ามาในที่ของตน ซ้ำยังตามมาถึงในนี้!
ไม่ว่าอย่างไรคืนนี้หลานเจาซวิ่นก็ต้องได้เห็นหน้าลูกชายก่อน เห็นสาวใช้ทำท่าลังเล สีหน้าก็แปลกประหลาด ในใจจึงสั่นไหวราวกับมีน้ำไหวกระเพื่อม วางใจไม่ลง นางไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้น แอบหลบอยู่นอกห้องนอนพระสนมรอง
ยามนี้เห็นพระชายารองกับพระชายาฉินอ๋องกลับมา หลานเจาซวิ่นจึงแอบตามเข้ามา แต่พอเข้ามากลับเห็นลูกชายตายเสียแล้ว จิตใจจึงพลันแหลกสลายลง ความกลัวที่มีต่อเจี่ยงอวี๋ก็มลายหายไปจนสิ้น กระทั่งศพยังมาดูไม่ทัน จึงตัดสินใจทุ่มสุดชีวิตสู้กับนางสักตั้ง “เจ้าคืนเซี่ยวเอ๋อร์ของข้ามานะ คืนเซี่ยวเอ๋อร์ของข้ามา! ข้าจะไปกราบทูลไทเฮา…”
เจี่ยงอวี๋ทั้งตกใจทั้งหวาดกลัว ถูกหลานเจาซวิ่นข่วนอยู่หลายที บนคอเต็มไปด้วยรอยแผลเลือดซิบ นางหอบกล่าวว่า “ตายไปเสียก็ดี เจ้ามิรู้จริงๆ หรือว่าฮองเฮาจะเอาลูกของเจ้ามาแทนที่ไท่จื่อ!”
หลานเจาซิ่นตะลึง แล้วโผเข้าไปข่วนอีกฝ่ายให้วุ่น
เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวาย แต่กลับได้ยินเสียงตะโกนดังลั่น “หุบปากให้หมด!”
สตรีทั้งสองที่กำลังร้องไห้โวยวายใส่กันอยู่พลันเงียบกริบ ทำเพียงมองดูอวิ๋นหว่านชิ่นยืนอยู่ข้างเปลไกวก่อนอุ้มพระนัดดาขึ้นมา ดวงหน้าซีดขาวอันเย็นเยียบนั้นเขียวคล้ำภายใต้แสงไฟ
ใบหน้าจ้ำม่ำของพระนัดดาน้อยในอ้อมอกอวิ๋นหว่านชิ่นเขียวคล้ำ ปากและดวงตาปิดสนิท มุมปากมีรอยเลือดดำคล้ำอยู่รอยหนึ่ง
พอหลานเจาซวิ่นเห็นก็พลันตระหนกตกใจ ดวงใจพลันแตกสลาย ความหวังที่ลูกชายจะยังคงมีชีวิตอยู่ได้ดับสูญลง หมดแรงจะทุบตีเจี่ยงอวี๋อีก นางกล่าวทั้งน้ำตาว่า “เอาให้ข้า ส่งลูกมาให้ข้า!”
อวิ๋นหว่านชิ่นส่งสายตาให้เจี่ยงอวี๋
เจี่ยงอวี๋กลัวว่าหลานเจาซวิ่นจะอุ้มลูกน้อยที่ตายแล้วไปกราบทูลไทเฮา จึงกอดเอวหลานเจาซวิ่นจากด้านหลังของนาง แล้วยกมือปิดจมูกนางไว้
อวิ๋นหว่านชิ่นอาศัยจังหวะนี้ลูบตัวเด็กทารกดู ร่างกายเย็นเยียบ แต่มีบางจุดที่อุณหภูมิยังอุ่นๆ อยู่ ทว่าแก้มเขาไปกดทับจมูกเอาไว้ จึงทำให้หมดลมหายใจแล้ว ทั้งยังจับชีพจรเขาไม่ได้อีก
นางเปิดห่อผ้าของทารกออกเล็กน้อย แนบหูลงกับอกเล็กๆ
“ขะ เขาเป็นอย่างไรบ้าง ตายหรือยัง” เจี่ยงอวี๋ถามเสียงสั่น
หลานเจาซวิ่นใช้แรงทั้งหมดที่มีสะบัดตัวหลุดออกมาจากเจี่ยงอวี๋ แต่กลับได้ยินเสียงเย็นเยียบของอวิ๋นหว่านชิ่นดังขึ้น “หากอยากจะช่วยพระนัดดาน้อยล่ะก็ หยุดกล่าววาจาเหลวไหลแล้วไปเอาน้ำร้อนมา!” กล่าวพลางวางทารกให้นอนหงายอยู่บนเตียงเตา[3] คลายคอเสื้อและเข็มขัดเขาออก หยิบหมอนใบน้อยที่อยู่ในเปลไกวออกมาหนุนศีรษะให้ เพื่อให้เขาหายใจได้สะดวก แล้วโน้มตัวลงไปแนบริมฝีปากอันเย็นเยียบของเขา
หลานเจาซวิ่นที่ออกไปเอาน้ำร้อนข้างนอกราวกับเสียสติกลับเข้ามาก็ตกใจ เห็นอวิ๋นหว่านชิ่นโน้มตัวไปหาทารกแล้วดูดริมฝีปากเขาไม่หนักไม่เบามากนัก ก็ตระหนกตกใจเหลือแสน “เจ้าทำอันใด เซี่ยวเอ๋อร์ เซี่ยวเอ๋อร์ตายหรือยัง”
อวิ๋นหว่านชิ่นไม่สนใจนาง ตั้งใจดูดอยู่พักหนึ่ง รู้สึกถึงของเหลวหนืดข้นในปากจึงหันไปบ้วนลงพื้น
พอเจี่ยงอวี๋เห็นว่าเป็นเสมหะของทารกก็ขยะแขยงขึ้นมา แต่อวิ๋นหว่านชิ่นกลับหยิบกาน้ำชามาจิบสองสามคำกลั้วไว้ในปากแล้วบ้วนออก
อวิ๋นหว่านชิ่นดูดปากพระนัดดาน้อยต่ออีกครู่หนึ่งไม่พบเสมหะข้นอีกจึงได้เบาใจลง พักใหญ่ๆ ต่อมาก็จับชีพจรเขาดู คราวนี้มีการเคลื่อนไหวแล้ว พอผละมือออกปลายนิ้วน้อยๆ ของทารกก็กระตุกโดนนาง แม้จะเป็นการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยแต่นางก็รับรู้ได้
นางรีบอมน้ำลายไว้ในปากเล็กน้อยแล้วประกบปากค่อยๆ ป้อนให้เขา
ริมฝีปากของพระนัดดาน้อยก็ค่อยๆ ขยับไหว ลืมตาขึ้น แม้สีหน้าจะยังคงเขียวคล้ำอยู่แต่ก็จางลงไปหลายส่วนแล้ว
“อ๊ะ เซี่ยวเอ๋อร์ของข้าฟื้นแล้ว? เขาฟื้นแล้วใช่หรือไม่” หลานเจาซวิ่นหวีดร้องเสียงดังราวกับเห็นผี มองอวิ๋นหว่านชิ่นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
แม้ประสาทสัมผัสจะกลับมาแล้ว แต่ลมหายใจกลับแผ่วเบานัก
สีหน้าอวิ๋นหว่านชิ่นยังคงไม่ผ่อนคลาย ขณะนั้นเองสาวใช้ของเจี่ยงอวี๋ที่ไปเอาชุดฝังเข็มก็กลับมา พอเห็นสภาพของพระนัดดาน้อยก็ตกใจจนแทบจะร้องไห้
นางลุกขึ้นหันไปมอง “หลายวันมานี้พระนัดดาน้อยมีอาการเช่นไรบ้าง”
สาวใช้กลั้นน้ำตาพลางกล่าว “ทรงไอ ไออย่างหนัก เสียงล้วนแหบแห้งแล้ว…ทว่าตั้งแต่เมื่อคืนวานก็ไม่ไออีก…”
หลานเจาซวิ่นจ้องเจี่ยงอวี๋ด้วยแววตาโหดเหี้ยม ก่อนจะปิดหน้าร้องไห้ออกมา “หลายวันก่อนอากาศเปลี่ยน เซี่ยวเอ๋อร์โดนลมไปจึงมีไข้อยู่เล็กน้อย”
อวิ๋นหว่านชิ่นหยิบเข็มสามเหลี่ยมออกมาจากชุดฝังเข็ม
หลานเจาซิ่นรีบก้าวไปหาด้วยสีหน้าซีดเผือด แต่เมื่อครู่เห็นการกระทำของนางกับตาที่ช่วยให้ลูกชายตนมีลมหายใจ จึงไม่กล้าขวาง ทำเพียงมองนางด้วยความหวาดกลัวเท่านั้น
มีไข้ ไอ เช่นนั้นก็ถูกแล้ว
เมื่อครู่เห็นมุมปากพระนัดดาน้อยมีรอยเลือด ชีพจรก็ตรวจไม่พบ ฟังเสียงหัวใจดูก็มีเสียงรบกวนสอดแทรก หากดูตามที่สาวใช้บอกก็มีความเป็นไปได้หลายส่วนว่าจะจับไข้หนัก แล้วลามไปที่ปอด จึงไอหนักเช่นนี้ อีกทั้งไม่มีคนมาคอยดูแลจึงกลืนเสมหะลงคอ ส่งผลให้เป็นเช่นนี้
ทารกไอนั้นเป็นอาการป่วยธรรมดา ไม่ทราบว่าเจี่ยงอวี๋โชคดีหรือดวงของพระนัดดาน้อยที่ยังไม่ถึงฆาต แรกเริ่มเดิมทีเหยากวงเหย้าเคยยกตัวอย่างอาการป่วยเช่นนี้ให้นางฟัง อีกทั้งยังเคยคัดลอกบันทึกที่หมอเคยอธิบายวิธีการรักษาหลากหลายวิธีไว้ให้นาง
[1] มัจฉาตายตาข่ายขาด ต่อสู้กันจนตกตายไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย
[2] ใช้ตะกร้าไม้ไผ่ตักน้ำ เสียแรงเปล่า
[3] เตียงเตา เตียงหรือแท่นที่ก่อด้วยอิฐ ด้านล่างมีปล่องเตาเพื่อจุดให้ความอบอุ่น ด้านบนจะปูด้วยฟูกหรือเบาะรองนั่ง พบมากในบ้านเรือนของชาวจีนทางเหนือซึ่งมีอากาศหนาวเย็น