ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่210.1บัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น(1)
นี่เพิ่งได้ออกจากพระราชวังมาใช่ว่าเป็นเรื่องง่าย อย่างน้อยก็ควรนิ่งก่อนสักสองสามวัน
เจินจูพยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วย “ชิงเสวี่ยพูดถูก ได้โปรดเหนียงเหนียงไตร่ตรองอีกครั้ง อีกอย่าง กรมยุติธรรมหาใช่สถานที่ที่ต่อรองง่าย ถึงเหนียงเหนียงไป ก็ใช่ว่าเขาจะยอมให้ท่านเข้าไป มิหนำซ้ำอาจจะถูกผู้อื่นนินทาได้นะเจ้าคะ”
ท่านอ๋องสามยังอยู่ที่พระราชวัง ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเมื่อไหร่ หากไม่กลับมาภายในสองสามวันเมื่อวันก่อนอีก ท่านพี่ของข้าจะรอไหวได้อย่างไรกัน
อวิ๋นหว่านชิ่นสวมใส่เสื้อคลุม “ไปเตรียมรถม้า”
ค่ำคืนที่มืดสนิท ทำให้กรมยุติธรรมอันโอ่อ่ายิ่งดูเย็นเยือก
รถม้าคันหนึ่งจอดนิ่งอยู่ด้านหน้าประตูที่ทำการ มีบ่าวรับใช้ของจวนอ๋องยืนรอส่งข่าว
เวลาผ่านไปเพียงครู่เดียว ประตูก็เปิดออก ถานหลังจง[1]ผู้อยู่เวรดึกในกรมยุติธรรมสวมใส่ชุดราชการเดินมาพร้อมกับทหารหลายคน มือประสานพร้อมกันถวายความเคารพ “พระชายาเอกในฉินอ๋องเดินทางมาที่กรมในเวลานี้ ข้าขออภัยที่มิได้มาต้อนรับ”
แม้ว่าน้ำเสียงมีความสุภาพ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ทำให้เห็นว่าในสายตาคู่นั้นมีการดูถูกและความเย็นชาซ่อนอยู่
หลายคนสบต่อซึ่งกันและกันและรู้ว่าพระชายาเอกมาเพราะมีความเกี่ยวข้องกับนักโทษที่เพิ่งนำตัวเข้าไปไม่นาน
เพราะคุณชายสวี่คนนั้นคือน้องชายลูกพี่ลูกน้องฝั่งท่านอาของพระชายาเอก ซึ่งก็ไม่น่าแปลก
เจ้าหน้าที่ราชการในกรมยุติธรรมคือผู้คุมคุก ทุกๆ คนถูกฝึกฝนจนกลายเป็นคนเย็นชาและหัวโบราณ เมื่อเทียบกับเจ้าหน้าที่ราชการในกรมอื่นๆ การวางตัวก็จะด้อยกว่าเล็กน้อย แต่ก็วางตัวมากไม่ได้เช่นกัน
จักรพรรดิแห่งต้าซวนเป็นจักรพรรดิที่ให้ความสำคัญกับกฎหมายและความยุติธรรม เพื่อลดการทุจริตติดสินบนและการตัดสินคดีที่ไม่เป็นธรรมของเจ้าหน้าที่ราชการ ภายใต้กฎหมายได้ระบุชัดเจนว่า กรมยุติธรรม ศาลสูง ฝ่ายตรวจการและอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวข้องในทางกฎหมาย หากมีเจ้าหน้าที่ติดสินบน จะมีความผิดเป็นสองเท่า ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เจ้าหน้าที่ในกรมยุติธรรมรู้สึกเหมือนเหยียบอยู่บนแผ่นน้ำแข็งจนมิกล้าทำสิ่งใดโดยพลการ
แผ่นดินของโอรสแห่งสวรรค์มีผู้สูงศักดิ์มากเกินไป คนที่มีตำแหน่งสูงกว่าพระชายาเอกมาที่นี่ก็มีไม่น้อย เจ้าหน้าที่เหล่านี้เองก็เห็นจนชิน ภายในกรมจึงได้เตรียมรับมือไว้ตั้งแต่แรก ทั้งสามารถยืดเวลาออกไปและไม่ล่วงเกินผิดใจ
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าผู้ที่ทำหน้าที่สำเร็จราชการแทนพระองค์คือสามีของผู้หญิงตรงหน้า ท่าทีของถางหลังจงและคนอื่นๆ ถึงดีขึ้นบ้าง อย่างน้อยก็ไม่ได้ทำให้นางมาเสียเปล่า
ภายในรถม้า มีเสียงเอ่ยของหญิงสาวดังขึ้น คล้ายว่าเป็นเสียงของบ่าวรับใช้ที่เอ่ยแทนเจ้านาย สิ่งที่เอ่ยออกมาไม่อ้อมค้อมแต่ตรงไปมาตรงมา “ใต้เท้า เหนียงเหนียงของข้ามาเพราะคุณชายสวี่เจ้าค่ะ”
ชื่อเสียงของพระชายาเอกในฉินอ๋อง เจ้าหน้าที่เหล่านี้ก็ได้ยินผ่านหูมาบ้าง เคยได้ยินแค่ชื่อ แต่ยังไม่เคยเห็นหน้า
เหตุการณ์กบฏในเยี่ยนหยาง นางตามหน่วยทหารไปและซ่อนตัวอยู่กับผู้ประสบภัย ผู้หญิงที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเช่นนี้ จะเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมด้วยคุณธรรมได้อย่างไร คงเป็นผู้หญิงยโสโอหัง ดีแต่ออกคำสั่ง ปากร้ายแน่ๆ
หลายคนกลั้นหายใจและเดากันไปต่างๆ นานา เดาว่าผู้หญิงในรถม้าเป็นผู้หญิงยศสูงที่มีสามเศียรหกกร รังแกผู้ด้อยกว่าและไร้เหตุผลเป็นที่สุด
หากพระชายาเอกในฉินอ๋องท่านนี้กล่าวสิ่งใดที่ขัดต่อกฎหมายออกมา ถางหลังจงก็ได้เตรียมคำพูดโต้กลับไว้เรียบร้อย ตอนนี้ก็ได้เตรียมตอบแล้วเช่นกัน เมื่อบ่าวรับใช้พูดจบ ก็รู้สึกว่าเป็นคนยโสโอหังจริง นี่คิดจะมาขอคนแล้วใช่ไหม
เขายืนตัวตรงพลางเอ่ยเตือน “นักโทษถูกสอบสวนเบื้องต้นเสร็จแล้ว ให้นำตัวไปจำคุกชั่วคราว และรอการตัดสินอย่างเป็นทางการในวันรุ่งเช้า หากไม่มีคำสั่งจากข้างบน ข้าไม่กล้าปล่อยเขาไปโดยไม่สนใจกฎหมาย อย่างไรก็ตามขอเชิญพระชายาเอกกลับไปก่อนเถิดขอรับ!”
ค่ำคืนที่มีลดพัด ผ้าม่านรถม้าปลิวไสวไปตามลม ภายใต้แสงจากจันทรา ทำให้เห็นแขนสีขาวผ่องยื่นออกมาจับตู้รถม้า โน้มตัวและเหยียบลงที่เก้าอี้ลงจากรถม้า
ถางหลังจงรู้สึกตื่นเต้น เห็นเพียงบ่าวรับใช้กำลังพยุงหญิงสาวที่สวมเสื้อคลุม
หญิงสาวสวมใส่เสื้อผ้าเรียบง่าย เติมแต่งใบหน้าจางๆ สวมหมวกเหวยเม่าบังเกศาไว้ มีเพียงสองแก้มสีอมชมพูโผล่ออกมาเล็กน้อย ภายใต้แสงจันทราเผยให้เห็นสีผิวที่ขาวนวลผ่องดุจหยก เปล่งประกายสวยสง่า
นางเดินเข้าไป สองมือสอดประสานอยู่บริเวณเอวพลางน้อมทักทาย “ใครบอกว่าจะให้ปล่อย ข้าเพียงแค่ขอพูดกับนักโทษสักหน่อย รบกวนใต้เท้าถานด้วย”
น้ำเสียงไม่แข็งกร้าวเย่อหยิ่ง แต่อ่อนหวานสุภาพ ประหนึ่งลมเย็นสบายที่พัดผ่านค่ำคืนแห่งความวุ่นวายและดับไฟที่ลุกไหม้อยู่ภายในใจของคน
ถานหลังจงหยุดหายใจชะงัก คนที่อยู่ด้านข้างก็ตะลึงงันตามกัน ท่านนี้ก็คือ…พระชายาเอก ที่ตามทหารไปแล้วยังผนวกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับผู้ประสบภัยและขจัดความไม่สงบของภายในรึ
“เป็นพระชายาเอกในฉินอ๋องจริงรึ” ทหารนายหนึ่งเอ่ยถามด้วยความไม่เชื่อสายตา
ชูซย่าแสดงสิ่งของอันเป็นสัญลักษณ์แห่งจวนอ๋องต่อหน้าทุกคน
“ดูเหมือนจะใช่…” หลายคนเห็นชัดแจ้ง เสียงซุบซิบก็ดังขึ้น
ชูซย่าเอ่ยถาม “ใต้เท้าทั้งหลายยังสงสัยสิ่งใดอีกหรือไม่”
ถานหลังจงประสานมือ “พวกข้าหาได้สงสัยไม่ เพียงแต่ คิดไม่ถึงว่าพระชายาเอกในฉินอ๋องจะเป็นเช่นนี้”
“แล้วต้องเป็นอย่างไรหรือ” ชูซย่าถามกลับด้วยความตลก
เจ้าหน้าที่หลายนายสบตากันและกัน มีคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา “คิดว่าไม่ใช่สามเศียรหกกร ก็ตัวสูงโครงใหญ่ เกิดอาการสั่นเทิ้มทันทีที่พบหน้าแบบนั้น ต้องเป็นเช่นนั้นถึงจะแอบเข้าไปอยู่ในหน่วยทหาร ถึงจะควบคุมความวุ่นวายในหมู่ผู้ประสบภัยได้น่ะสิ…”
ถานหลังจงหันไปค้อนตาใส่ เพื่อหยุดการกล่าวในสิ่งที่อาจล่วงเกิน เมื่อยืนยันสถานะเสร็จแล้วเขาไอค่อกแค่กสองสามที สะบัดแขนเสื้อแล้วจึงตอบในสิ่งที่พระชายาเอกกล่าวเมื่อครู่ “หากพระชายาเอกมีสิ่งใดต้องการกล่าวแก่นักโทษ บอกข้าได้ ข้าจะนำคำของพระชายาเอกไปแจ้งให้ขอรับ” ครั้งนี้น้ำเสียงที่เอ่ยดูนุ่มนวลขึ้นมาก แต่ก็ยังปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
ชูซย่าทำหน้าขรึม ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเอาเสียจริง ลดตัวลงมาแล้วแต่ก็ยังมิวายเหยียบจมูกขึ้นหน้า ขอแค่เข้าไปพูดด้วยสองสามคำก็ไม่ให้ ไม่ได้ทำผิดโทษมหันต์เสียหน่อย ก็เพียงเพราะพระชายาเอกเป็นคนอัธยาศัยดี เลยตั้งใจวางอำนาจก็เท่านั้น
ถานหลังจงใช้คำว่า “นักโทษ” ไม่ใช่ผู้ต้องสงสัย หมายความว่าได้ถูกตัดสินว่ามีความผิดไปแล้ว รีรอต่อไปไม่ได้อีกแล้ว อวิ๋นหว่านชิ่นเอ่ยด้วยความสันติ “สวี่มู่เจินเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้า เป็นคนดี ไม่เคยกระทำความผิด วันนี้เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในฐานะที่เป็นญาติ ก็ควรจะได้รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับเขา จะให้กระวนกระวายทำอะไรไม่ได้อยู่ด้านนอกแบบนี้ก็คงไม่ได้หรอกกระมัง ท่านอาของข้าอายุมากแล้ว เมื่อครู่นี้คนของคุกเมืองหลวงแจ้งว่าไม่ให้พบ ท่านอาทนรับไม่ไหวจนอาการกำเริบถูกหามส่งกลับจวนไปแล้ว ข้ามาที่นี่ก็เพียงแค่อยากรู้ที่ไปที่มา กฎหมายไม่ได้มีมากไปกว่าความเห็นใจของคน ขอให้ถานหลังจงโปรดเห็นใจ”
ถานหลังจงถอนหายใจเฮือก “ที่มาที่ไปของเรื่องนี้ก็คือ คุณชายสวี่ลงเรือไปหาซื้อความสุข ระหว่างที่มีความสุขกับแม่เล้า เกรงว่าแม่เล้าคงดูแลคุณชายสวี่ได้ไม่เป็นที่พึงพอใจ คุณชายสวี่รู้สึกโกรธ เกรงว่าเป็นเพราะฤทธิ์สุรา คิดว่าเป็นคนในชาติตระกูลดีมีเงิน ทำตามอำเภอใจได้ จึงกระทำร้ายผู้อื่นด้วยมีดปลอกผลไม้ พระชายาเอก พอใจในคำตอบหรือไม่ขอรับ”
“ท่าทีของเจ้ามันมากเกินไปแล้วนะ” ชูซย่าโมโหชี้นิ้วต่อว่า
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเอ่ยเสริม “การตัดสินคดีเป็นหน้าที่ของราชการ ญาติสนิทของนักโทษกลับไปรอฟังผลก็เพียงพอแล้ว จะถามอะไรนักหนา หรือว่าคนในที่ทำการยังสอบสวนได้ไม่ชัดแจ้งพอ ถึงกับต้องให้พวกเจ้ามาสอบสวนแทนงั้นรึ”
การที่ลูกน้องช่วยพูดทำให้ถานหลังจงยิ่งมีความมั่นใจ ใบหน้าแสดงความเข้มขรึมแสดงให้เห็นว่าตนก็หมายความตามนั้นจริง
อวิ๋นหว่านชิ่นไม่โกรธ “ข้าเชื่อความสามารถของทางการอยู่แล้ว แต่เมื่อครู่นี้ในคำชี้แจงของถานหลังจง ท่านใช้คำว่า ’เกรงว่า’ ถึงสองครั้ง คนในที่ทำการยังไม่เชื่อในตัวเอง แล้วจะให้ข้าเชื่อได้อย่างไรกันเล่า”
ถานหลังจงตะลึงงัน เพราะเป็นคนเก่าแก่ในกรม แต่กลับถูกคนนอกจับผิดสร้างความอับอายต่อหน้าลูกน้อง “อย่างไรก็ตามหากไม่มีคำสั่งจากด้านบน ข้าก็ไม่มีอำนาจนี้เช่นกัน! เชิญขอรับ! หากต้องการพบหน้าจริง มิสู้ท่านลองไปหาท่านเจ้ากรมดูสิขอรับ! หากท่านเจ้ากรมออกคำสั่งให้ข้าน้อยเปิดประตูกว้างให้กับพระชายาเอก งั้นข้าน้อยก็ไม่มีสิ่งใดจะกล่าวต่อ หรือให้พระชายานำคนกลับไป ข้าน้อยก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน!”
……………………………………………………………………..
[1] หลังจง เป็นตำแหน่งขุนนาง ทำหน้าที่เป็น องครักษ์ เป็นผู้ติดตาม เสนอแนะในเรื่องต่าง และเตรียมการรับมือ