ยอดหญิงแห่งวังหลัง - ตอนที่ 4.2
ตอนที่ 4-2 ครวญคราง
จากนั้นเสียงที่ตามมาคือ เสียงสะอื้นและออดอ้อนของนางหลิว
“ข้าเป็นหญิงที่ซื่อสัตย์! จะทำในสิ่งที่น่าอับอายเช่นนั้นได้อย่างไรกัน”
ภายในห้อง โจวชิงถ่มน้ำลายลงบนใบหน้าของนางหลิวด้วยความเคียดแค้น แล้วกล่าวว่า
“ซื่อสัตย์? กล่าวมาเดี๋ยวนี้ ผู้ใดกันที่พยายามจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้า?
ตอนนี้ข้าโกรธมาก เจ้ารูั
หรือไม่!”
เขาเริ่มตบตีนางอีกครั้ง
นางหลิวมิยอมแพ้ นางดึงแขนเสื้อของโจวชิง และทุบตีเขากลับบ้าง
โจวชิงยังคงด่าทอด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย และมีความโกรธแค้นมากยิ่งขึ้น
เขาใช้มือข้างหนึ่งกระชากผมของนางหลิว แล้วลากร่างนั้นไปกับพื้น พร้อมทั้งทุบตี และสาบแช่งด้วยน้ำเสียงที่ดังลั่น
“เจ้าทำให้เกียรติของตระกูลโจวต้องเสื่อมเสีย!”
ในความเป็นจริง นางหลิวมีคู่รักที่แอบคบหากันอยู่ แต่จะพบกันได้ ก็ต่อเมื่อสามีและบุตรชายมิได้อยู่บ้านเท่านั้น
การผูกผ้าสีแดงเข้ากับรั้วเป็นรหัสลับของพวกเขา คืนนี้นางหลิวมิได้แขวนผ้าสีแดงไว้ แต่เว่ยหยางไปแขวนแทนนาง
และด้วยเหตุผลนี้ คนรักของนางจึงได้มาหาในคืนนั้น
นางกำลังเปิดประตูหลัง เพื่อให้คนรักรีบกลับออกไป แต่คาดมิถึงว่า สามีของนางกลับเข้ามาพอดี
ตอนนี้หน้าอกของนาง รู้สึกเหมือนกับว่า กำลังถูกแทงด้วยลูกศรนับล้านดอก
และมิมีทางเลือกอื่นใด ในขณะที่
โจวชิงยังคงทุบตี นางรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดเพื่อหลบหนี
โจวชิงคำราม
“เจ้า นังหญิงแพศยา กลับมานี่!”
เขาวิ่งไล่ตามไปยังลานบ้าน และจัดการดึงผมนั้นทันที นางหลิวส่งเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด และล้มลงกับพื้น
โจวชิงเงื้อมมือขึ้น และกำลังจะตีลงมาอีกครั้ง แต่โจวเจียงรีบวิ่งออกมา และกล่าวว่า
“ท่านพ่อ ท่านพ่อ! หยุดก่อน หยุด! ท่านแม่มิได้ทำเรื่องเช่นนั้นแน่! กลับเข้าไปในห้อง แล้วค่อยหารือกัน! มาเถิด!”
นางหลิวได้ยินดังนั้น จึงเข้าใจความหมายของบุตรชายในทันที
นางระเบิดเสียงสะอื้นออกมาอีกครั้ง เพื่อต้องการสร้างความโกลาหลที่ยิ่งใหญ่กว่านี้
เพื่อที่โจวชิงจะได้คิดทบทวนเสียใหม่ และหยุดทำทารุณกรรมกับนาง
“ท่านกลับบ้านมาด้วยความมึนเมา และมิรู้ว่าเจ้าได้เห็นอันใด! และในตอนนี้ ท่านต้องการใส่ร้ายข้า เช่นนั้นหรือ !”
โจวชิงหัวเราะอย่างเย็นชา
“ใส่ร้ายเจ้าโดยมิชอบหรือ? โธ่เอ้ย! คืนนี้ข้าดื่มเหล้าไปเพียงแค่ครึ่งขวด
มันมิเพียงพอที่จะทำให้ข้ามึนเมาจนถึงจุดที่มิสามารถจะแยกแยะ ความแตกต่างระหว่างชายและหญิงได้หรอก!
ข้ามิอยากจะเชื่อเลยว่า เจ้าแก่เหนียงยานถึงเพียงนี้แล้ว
ยังจะกล้าทำอันใดเช่นนี้ได้อีก หลายปีที่ผ่านมานี้ ในตอนที่ข้ามิอยู่บ้าน
ผู้ใดจะไปรู้ว่า คนรักของเจ้าได้มาเยี่ยมกี่ครั้งแล้ว! เหตุใดยังแสร้งทำตัวเป็นคนดีต่อหน้าข้าได้อีก?”
“ข้าบริสุทธิ์ หากเจ้ามิเชื่อ ข้าจะฆ่าตัวตาย! แม้ว่าข้าจะตาย ก็เป็นเพราะท่าน ท่านบังคับให้ข้าทำ!”
นางหลิวเป็นผู้หญิงที่ใจเด็ดมาก นางกระโดดขึ้นด้วยความตั้งใจที่จะเอาหัวโขกเข้ากับกำแพง
อย่างไรก็ตาม โจวชิงมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็ว จึงได้คว้าแขนทั้งสองข้างของนางเอาไว้
“เจ้ากล้าขู่ว่าจะฆ่าตัวตายเช่นนั้นหรือ”
เขาโยนร่างนางลงบนพื้น และวางเท้าลงไปที่หน้าอกของภรรยาตนเอง
ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ยิ่งมีความโกรธแค้นมากขึ้น
เขาหันกลับไปคว้ากลอนเพื่อเปิดประตู และกลับมาลากนางหลิวออกไปนอกบ้านเพื่อทุบตีอีกหลายครั้ง
เสียงร้องของนางหลิว เหมือนเสียงหมูที่กำลังถูกเชือด เสียงนั้นดังก้องไปไกลแสนไกล
หลี่เว่ยหยางขยับร่างกายของตนเอง มุมริมฝีปากของนางโค้งขึ้นเล็กน้อย
นี่คือสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า ความชั่วร้าย ที่เกิดจากการกระทำของตนเอง
เมื่อได้ยินเสียงดังเอะอะโวยวาย เพื่อนบ้านจึงเปิดประตู และก้าวเดินออกมาดู
นางหม่าและโจวหลานซิ่วซึ่งอยู่ในห้องของตนได้ยินเสียงเหล่านั้นมานานแล้ว
แต่นางหม่าเป็นเพียงลูกสะใภ้ จึงมิกล้าเข้ามาแทรกแซงเรื่องของแม่สามี
โจวหลันซิ่วต้องการที่จะช่วยมารดาของนาง แต่เมื่อเห็นว่า บิดาดูโหดร้ายเพียงใด จึงมิกล้าที่จะขยับแม้แต่นิ้วเดียว
โจวเจียงมองไปยังบริเวณโดยรอบ และกล่าวขัดจังหวะโจวชิงด้วยความรวดเร็ว เขากล่าวด้วยเสียงอันดังว่า
“ท่านพ่อ ท่านดื่มมากเกินไปแล้ว แล้วตอนนี้ก็ดึกมากแล้วด้วย
อย่าทำให้เกิดความวุ่นวาย และปลุกเพื่อนบ้านให้ตื่นเลย”
เมื่อกล่าวเช่นนั้นแล้ว เขาจึงเดินไปด้านหน้า ดึงสลักประตูออก และดึงโจวชิงไปด้านข้าง จากนั้นจึงกระซิบว่า
“ท่านพ่อ ค่อย ๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เบาลง แม้ว่าท่านต้องการที่จะใช้กำลัง เราก็ควรเข้าไปด้านใน
เป็นเรื่องน่าอึดอัดที่จะให้เพื่อนบ้านได้รู้ได้เห็น”
โจวชิงจ้องมองนางหลิว เขาทุบตีจนถึงจุดที่ ในตอนนี้นางเกิดอาการจุก จนแทบจะหายใจมิออกแล้ว
อย่างไรก็ตาม ความโกรธของเขาก็ยังมิได้ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย
ขณะที่เขาใช้เท้าเตะไปที่โจวเจียงอย่างไร้ความปราณี
“ข้ามิอยู่บ้าน แต่เจ้าก็ยังเฝ้าบ้านมิได้! ช่างน่าอับอาย และน่าอดสูยิ่งนัก! ไปพานางเข้ามา!”
โจวชิงอดกลั้นความโกรธเอาไว้ และพยุงนางหลิวเข้าบ้าน ซึ่งตอนนี้ ถูกทุบตีจนบาดเจ็บสาหัส
นางหลิวเป็นผู้หญิงที่ปากแข็งมาก แม้จะถูกทำร้ายจนเกือบหมดสติ แต่ก็ยังคงยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง
ในตอนนี้ นางยังมิยอมหยุดร้องไห้ และยังคงครวญครางต่อไปโดยมิยอมหยุด
ครู่ต่อมา ได้ยินเสียงของโจวชิงกล่าวขึ้นว่า
“หุบปากเดี๋ยวนี้! ดึกมากแล้ว เหตุใดเจ้าจึงคร่ำครวญ เหมือนเป็นงานศพของผู้ใดบางคน!”
ทันใดนั้นโลกก็สงบสุขลงอีกครั้ง
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลี่เหว่ยหยางมิสามารถเก็บกดมันเอาไว้ได้อีกต่อไป
และมีความรู้สึกเสียใจที่ผลลัพธ์ของมัน มิได้เป็นไปอย่างที่คาดคิดเอาไว้