ยอดหมอยาของอ๋องเสียน / หมอเทพเซียนของอ๋องเสียน - บทที่ 873 ต้องการกองทัพเกราะเหล็ก
- Home
- ยอดหมอยาของอ๋องเสียน / หมอเทพเซียนของอ๋องเสียน
- บทที่ 873 ต้องการกองทัพเกราะเหล็ก
บทที่ 873 ต้องการกองทัพเกราะเหล็ก
คนที่เป็นผู้นำสวมหน้ากากสีเหลืองทองอร่าม มีคนติดตามอยู่ด้านหลังหลายสิบคน
เขาโบกมือโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ คนที่อยู่ด้านหลังก็พุ่งเข้ามาทันที เฟยยิงทะยานร่างขึ้นกลางอากาศพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ชายสวมหน้ากากมองไปที่รถม้า อันหลิงหยุนสามารถรับรู้ได้แล้วว่า ชายคนนี้คือผู้ช่วยของตน
“เธอคือหลี่ถิง?”
ชายสวมหน้ากากยกยิ้มเย็นชา: “คุณนึกขึ้นมาได้แล้วสินะ?”
อันหลิงหยุนสูดลมหายใจเย็น ๆ เข้าไปเฮือกใหญ่ คิดจะลงจากรถ เฟยยิงรีบกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “องค์ชายสาม เจ้าคุ้มครองพระชายาด้วย!”
ซูมู่หรงเหลือบมองเฟยยิงแวบหนึ่ง จึงกลับไปยืนที่หน้ารถม้า หลี่ถิงพูดขึ้นว่า: “แค่พวกคุณไม่กี่คน ยังไงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผมหรอก อาจารย์ คุณไม่ควรเก็บซ่อนผลการวิจัยไว้เป็นความลับส่วนตัวนะรู้ไหม ? ผมเคยถามคุณว่า ทำไมถึงไม่ยอมให้ข้อมูลทั้งหมดนั่นกับผม คุณบอกว่าผมยังควบคุมมันไม่ได้ แต่คุณก็คงเห็นกับตาแล้วว่า ตอนนี้ผมสามารถควบคุมมันได้หรือเปล่า คุณยังคิดจะโกหกอะไรผมอีกไหม?”
อันหลิงหยุนยกยิ้ม: “ที่แท้เธอวางแผนการร้ายนี้มานานแล้วนี่เอง มิน่าล่ะทุกครั้งเธอถึงได้คอยตามฉันแจขนาดนั้น แถมยังช่วยฉันจดบันทึกอีก
บันทึกพวกนั้น เธอตั้งใจจะเก็บไว้เพื่อใช้เองล่ะสินะ? ”
“จะโทษผมไม่ได้นะ เป็นคุณเองที่จะทำอย่างนั้นให้ได้ ถ้าคุณยอมให้ผลการวิจัยทุกอย่างกับผมซะตั้งแต่แรก เรื่องแบบนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นหรอก
คุณควรจะรู้ว่า ผมกระตือรือร้นแค่ไหนที่จะเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ เป็นเพราะคุณมันเห็นแก่ตัว กลัวว่าผมจะเก่งจนล้ำหน้าคุณไปล่ะสิ! ”
อันหลิงหยุนไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป จึงอุ้มเจ้าห้าออกจากด้านในรถม้า แล้วมายืนจ้องมองหลี่ถิงจากบนรถ : “หลี่ถิง ตอนที่เธอติดตามฉันเพื่อทำงานวิจัย เธอเพิ่งจะสิบแปด ฉันรู้ว่าเธอฉลาดมาก คนในครอบครัวเธอทุกคนต่างก็เป็นคนที่ศึกษาในเรื่องเทคโนโลยีชีวภาพ แต่การศึกษาชีววิทยา แตกต่างจากรูปแบบการใช้ยาอื่นๆอยู่มาก ถ้าวันหนึ่งเธอเกิดไปละเมิดกฎของการวิวัฒนาการของยีนแบบดั้งเดิม มันจะก่อให้เกิดความหายนะต่อมนุษยชาติอย่างใหญ่หลวงได้
เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะ ฉันไม่สามารถให้ข้อมูลทั้งหมดกับเธอได้ ”
“ แต่ผมตอนนี้ ก็ไม่ใช่ว่าสร้างยีนขึ้นมาได้เหมือนกันหรอกเหรอ? ดูผมให้ดีสิ!”
หลี่ถิงถอดหน้ากากออก อันหลิงหยุนมองดูอย่างละเอียด ก็ตกใจจนถึงกับผงะ: “นี่เธอทำอะไรลงไป?”
ดวงตาทั้งสองข้างของหลี่ถิง กลายสภาพเป็นเหมือนลายดอกไม้นับหมื่น ที่กระจายตัวจนเต็มพื้นที่ กระทั่งส่วนที่เป็นตาดำ ก็ถูกกลืนเข้ามารวมเป็นหนึ่งเดียวไปจนหมดแล้ว
“เดิมทีผมวางแผนไว้ว่าจะใช้คนอื่นทำการทดลองอยู่หรอก แต่ก็ค้นพบว่าคุณมาที่นี่แล้ว ทำไมผมต้องเสี่ยงชีวิตอยู่ในยุคที่มีอาวุธหนักครบครันอย่างนั้นด้วยล่ะ คนในยุคนี้แต่ละคน ๆ เหมือนกับคนโง่ไร้สมองกันทั้งนั้น ผมก็เลยนำการทดลองมาที่นี่แทน คนที่นี่เชื่อฟังยิ่งกว่าหนูขาวในห้องทดลองตั้งหลายเท่า”
“หลี่ถิง เธอทำอย่างนี้มันทำลายโลกอนาคตได้เลยนะ” อันหลิงหยุนวางเจ้าห้าลงในรถม้า ส่งมอบให้เจ้าเสือน้อย มันรีบนอนหมอบลงทันทีเพื่อคอยปกป้องเจ้าห้า
อันหลิงหยุนก้าวออกจากรถม้า มองไปที่ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ พวกเขาล้วนเป็นผลงานจากการทดลองทั้งหมด ต่างก็ถูกปรับเปลี่ยนยีนจนกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมไปแล้ว
“นี่เธอผสานยีนแมลงปอ กับยีนของเธอเข้าด้วยกันงั้นเหรอ?” อันหลิงหยุนถามหลี่ถิง
หลี่ถิงนึกขัน: “ไม่ใช่ผมหรอกนะ เป็นคนคนนี้ต่างหาก”
หลี่ถิงก้มลงมองไปที่ร่างกายของเขา
อันหลิงหยุนจ้องมองไปที่หลี่ถิงอย่างโกรธเคือง : “เธอทำอย่างนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกไม่มีจิตสำนึกไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี เธอจะต้องได้รับกรรมจากผลที่ตามมาแน่”
“ต้องกลัวอะไรด้วยล่ะ คุณยังไม่รู้นี่นะ หลังจากที่เขามาที่นี่ ผมก็เริ่มใช้ร่างกายของเขาทำการทดลองแล้ว ผมนำยีนจำนวนหนึ่งออกมาจากร่างของเขา แล้วใช้มันทดลองกับลิงกอริลลาตัวเมีย เพาะเลี้ยงกอริลลาที่ฉลาดยิ่งขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งในร่างของคนเหล่านี้ ต่างก็มียีนของเขาอยู่ในร่างเหมือนกัน ผมยังใช้คนที่นี่ ผสมผสานกับยีนของเขา บ่มเพาะออกมาเป็นพวกคนที่ว่าง่ายเชื่อฟังพวกนี้ เรียกว่ามนุษย์กอริลลา เสียดายก็แค่มีชีวิตอยู่ได้สั้นมาก แค่ปีเดียวก็ตายกันซะแล้ว ”
อันหลิงหยุนหันไปมองซูมู่หรง ซูมู่หรงโกรธจนกัดฟันกรอด : “พูดอย่างนี้ก็หมายความว่า ร่างกายของฉันตายไปแล้วงั้นเหรอ?”
“ยังหรอก ผมก็แค่เอาร่างของคุณไปแช่ไว้ในน้ำยาฟอร์มาลินก็แค่นั้น ตอนนี้คุณดูน่าเกลียดพิลึกเลยล่ะ” หลี่ถิงหัวเราะเย้ยหยันเย็นชา
อันหลิงหยุนหันไปมองเฟยยิง: “เฟยยิง เจ้ารีบหนีไปก่อนเถอะ”
เฟยยิงกลับไม่เคลื่อนไหวอะไรทั้งสิ้น หลี่ถิงมองสำรวจเฟยยิง: “คนคนนี้ก็ไม่เลวนะ ถ้าใช้ยีนของเขามาผสานรวมกับยีนของคนพวกนี้ ผลจะออกมาเป็นยังไงบ้างนะ?”
หลี่ถิงลงจากหลังม้า เดินตรงเข้าไปหาเฟยยิง อันหลิงหยุนหยิบเข็มเงินเล่มหนึ่งขึ้นมา แล้วซัดเข้าไปที่แขนของเฟยยิงทันที เฟยยิงตกใจจนผงะไปเฮือกหนึ่ง ทั้งตัวของเขากลายเป็นสีดำ
หลี่ถิงตะลึงงัน: “พิษ?”
อันหลิงหยุนหันไปมองหลี่ถิง : “เก่งจริงก็สกัดพิษออกมาให้ได้ล่ะ แต่กว่าจะถึงตอนนั้น ฉันจะให้เธอตายซะที่นี่”
อันหลิงหยุนหยิบหน้าไม้คันหนึ่งออกมา เตรียมเล็งยิงหลี่ถิงให้ตายตรงนั้น : “เฟยยิง เจ้ากับอาจารย์รับมือคนพวกนั้น ข้าจะรับมือเขาเอง”
“ฝันไปเถอะ!” หลี่ถิงหยิบปืนกระบอกหนึ่งออกมาจากด้านหลัง เล็งไปที่เฟยยิง
อันหลิงหยุนพบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง จึงเดินไปทางด้านนั้นทันที ซูมู่หรงที่อยู่ใกล้กว่ารีบโผร่างพุ่งทะยานเข้าไปอย่างรวดเร็ว
หลี่ถิงรัวยิงใส่ซูมู่หรงหลายนัดติดต่อกัน ซูมู่หรงร่างทรุดล้มลง หลี่ถิงโยนปืนทิ้ง คิดจะหยิบปืนกระบอกใหม่ออกมาอีก
เหล่าอีกาดำที่อยู่รอบ ๆ พากันกระพือปีกบินโฉบเข้ามา พุ่งเข้ารุมล้อมหลี่ถิงทุกด้าน
“อย่าฆ่าเขา ข้าต้องการตัวเป็นๆ”
เหล่าอีกาดำเริ่มโจมตี บรรดาคนเหล่านั้นก็กลายเป็นโครงกระดูกไปอย่างรวดเร็ว
มือและเท้าของหลี่ถิงล้วนถูกกินไปจนหมด กระทั่งกระดูกก็ไม่มีเหลือ คนล้มลงไปกับพื้น แต่กลับยังไม่ตาย
อันหลิงหยุนคุกเข่าลงนั่งตรวจดูอาการของซูมู่หรงอย่างเร่งรีบ ซูมู่หรงจับจ้องมองอันหลิงหยุนแน่วนิ่ง: “ฉันไม่ไหวแล้วจริงๆ หลายวันมานี้ร่างกายก็เริ่มแข็งทื่อไปแล้วด้วย ฉันไม่สามารถควบคุมมันได้อีกแล้ว ฉันไม่รู้ว่าถูกเขาหลอก เธอรั้งตัวเขาไว้ก่อน ฉันจะพยายามกลับไปให้ได้ แต่ถ้ากลับไปไม่ได้จริงๆ เธอก็กลับไปซะ กลับไปทำลายร่างฉัน ไปทำลายทุกอย่างให้หมด ต่อให้จะไม่ได้ผุดได้เกิดในทุกภพทุกชาติอีกแล้วก็ช่าง”
อันหลิงหยุนกอดซูมู่หรง “คุณจะลำบากไปทำไมกัน? ไม่ใช่ว่าคุณเกลียดเขาหรอกเหรอ ทำไมถึงช่วยบังกระสุนให้เขา?”
“แต่เธอรักเขา!” ซูมู่หรงหันไปมองเฟยยิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง เฟยยิงฉีกผิวหนังหน้ากากบนใบหน้าของเขาออก กลายเป็นกงชิงวี่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นแทน
“พวกเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นข้า?” กงชิงวี่นึกสงสัยไม่น้อย ตอนที่เขากับเฟยยิงสลับตัวกัน ต่างก็ไม่มีใครรู้
“เจ้านอนอยู่เคียงข้างนางทุกวันทุกคืน ทำไมนางจะไม่รู้ว่าเป็นเจ้า เจ้าดูถูกนางเกินไปแล้ว” ซูมู่หรงนึกอยากหัวเราะให้ฟันร่วง
อันหลิงหยุนหันไปมองกงชิงวี่แวบหนึ่ง แล้วจึงหันกลับมามองซูมู่หรงที่อยู่ในอ้อมแขน
ซูมู่หรงเหลือบมองไปทางรถม้าแวบหนึ่ง พูดขึ้นว่า “ลูก ๆ ของเธอต่างก็เป็นเด็กดีมาก ฉันชอบพวกเขามากจริง ๆ ถ้าสามารถมาเร็วกว่านี้ได้ ไม่มัวยึดติดกับอะไรพวกนั้น ก็คงจะดี!”
“อาจารย์ รอฉันก่อนนะ ฉันจะไปในเร็ว ๆ นี้นี่ล่ะ ” อันหลิงหยุนกอดซูมู่หรงแน่น ซูมู่หรงกลับส่ายหน้า
“อย่าไปเลย ถ้าฉันกลับไปได้ ฉันจะทำลายทุกอย่างให้หมด เธอก็ไม่ต้องกลับไปที่นั่นอีกแล้ว”
ซูมู่หรงจ้องมองอันหลิงหยุน ค่อยๆหลับตาลงช้าๆ ร่างกายของเขาแข็งทื่อเหมือนก้อนหิน ไม่มีการตอบสนองใด ๆอีกต่อไป
อันหลิงหยุนออกแรงกอดซูมู่หรงอย่างแรง เมื่อมองกลับไปเห็นหลี่ถิงที่ยังคงนอนอยู่บนพื้น กำลังพยายามจะกัดลิ้นตัวเอง ก็วางซูมู่หรงลงแล้ววิ่งกลับไป นำยาชาออกมาโปรยลงบนร่างของเขา ทั้งยังให้เขากินยาชาเข้าไปอีกด้วย
หลี่ถิงจ้องมองอันหลิงหยุนด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว: “นังตัวแสบ ชั้นไม่มีทางปล่อยแกไปแน่!”
อันหลิงหยุนกัดฟันกรอด : “แกก็ไม่มีทางจบสวยเหมือนกันนั่นแหล่ะ”
ไม่รอให้หลี่ถิงได้พูดอะไรอีก อันหลิงหยุนก็ฉีกผ้าผืนหนึ่งออกมาจากตัวหลี่ถิง แล้วยัดมันเข้าไปในปากของเขาตรงๆทั้งอย่างนั้น
หลี่ถิงส่งเสียงอึกอักในลำคออย่างน่าขบขัน อันหลิงหยุนหันไปมองเขา: “เวลาหนึ่งวันของที่นี่ เทียบกับเวลาของทางนั้นจะนานกว่ากันมาก ฉันอยากให้เธอมีชีวิตอยู่ แล้วมาดูกันว่า ระหว่างพวกเราใครจะได้ไปต่อจนถึงจุดจบ”
จู่ๆใบหน้าของหลี่ถิงก็พังยุบลงไปอย่างกะทันหัน ร่างทั้งร่างแข็งทื่อราวท่อนไม้ เริ่มไม่สามารถพูดอะไรได้อีก เขาทำได้เพียงจ้องมองไปที่อันหลิงหยุนอย่างโหดเหี้ยมชิงชัง
อันหลิงหยุนลุกขึ้นยืน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ซูมู่หรงกลับมาที่นี่อีกครั้ง จึงเอาคบไฟมาจุด แล้วเผาร่างซูมู่หรงจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
กงชิงวี่ยืนมองอยู่อีกด้าน อันหลิงหยุนไม่ได้หลั่งน้ำตาออกมาแม้แต่หยดเดียว เพียงจ้องมองดูเปลวไฟที่ลุกโชนนั้นอย่างเงียบๆ
“ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ” กงชิงวี่รอจนซูมู่หรงถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน ค่อยเดินไปพูดอยู่ข้างๆ อันหลิงหยุน อันหลิงหยุนไม่ได้สนใจเขา ไปหยิบเชือกมาเส้นหนึ่งแล้วมัดหลี่ถิงไว้อย่างแน่นหนา
“เรียกให้คนที่อยู่แถว ๆ นี้มาเถอะเพคะ ข้าอยากตรวจสอบแหล่งกบดานทั้งหมดของหลี่ถิงที่นี่ นอกจากนี้ ให้ส่งกำลังคนห้าร้อยคนออกไป ขอเป็นกองทัพเกราะเหล็กของท่าน ข้าจะฆ่าคน!”