ยอดหมอยาของอ๋องเสียน / หมอเทพเซียนของอ๋องเสียน - บทที่ 875 เรื่องยุ่งยากมาแล้ว
บทที่ 875 เรื่องยุ่งยากมาแล้ว
กงชิงวี่พาคนขึ้นเขาไป ตลอดทางที่ผ่าน มีแต่เลือดไหลนองราวแม่น้ำก็ไม่ปาน เจอคนฆ่าคน เจอหนอนฆ่าหนอน
ตั้งแต่ฟ้ามืดจนถึงรุ่งสาง อันหลิงหยุนก็ไปถึงบนเขา เวลานั้นก็ล่วงเข้าสู่ยามอู่ (ประมาณเที่ยง) ไปแล้ว
มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังรอพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว ทั้งหมดต่างพกหนอนกู่ของตัวเองมาด้วย มีบางส่วนที่บินได้ มีบางส่วนที่ดูน่าเกลียดชวนขยะแขยง
ที่อายุมากที่สุดคือราว ๆ หกสิบกว่า ที่น้อยที่สุดคือราวๆสามขวบ เป็นเด็กผู้หญิงที่หน้าตาสวยมาก หนูน้อยถักผมเปีย เมื่อได้เห็นเจ้าห้าก็ยังหัวเราะเสียงใสออกมาอีกด้วย
เจ้าห้าหรี่ตาลง ร่างกายเริ่มเย็นเยือกทีละน้อย หนอนกู่ในร่างของเขาคลานออกมา เริ่มไต่ไปที่ใบหน้า แล้วไปนอนนิ่งอยู่บนศีรษะของเขา
“ราชากู่น้ำแข็ง นั่นคือราชากู่น้ำแข็งหรือ?” ชายชราคนหนึ่งตะโกนขึ้นด้วยความประหลาดใจ เจ้าห้าปรายตามองชายคนนั้นแวบหนึ่ง พินิจดูอีกฝ่ายเงียบๆ
“ฆ่าเขาซะ!” เจ้าห้าเพิ่งเอ่ยปากพูด ชายชราคนนั้นก็รับรู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ หนอนบนร่างของเขาเริ่มปั่นป่วน ทันใดนั้นราชากู่น้ำแข็งก็เริ่มกระพือปีก หนอนบนร่างชายชราก็ยิ่งงุ่นง่านขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดก็เริ่มดิ้นรนกระโดดสะเปะสะปะไปมาบนร่างของเขา ทำเอาชายชราคนนั้นปวดหัวจนทั้งร่างสั่นสะท้านแทบทรงตัวไม่อยู่
ในที่สุดชายชราก็ล้มลงกับพื้น ทั้งยังส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
หนอนกู่เจาะออกมาจากดวงตาของชายชราคนนั้น บิดตัวไปมาบนพื้น แล้วพุ่งเข้าหาคนอื่นที่เหลือ คนทั้งกลุ่มก็เริ่มวุ่นวายปั่นป่วนขึ้นมาทันที
เด็กหญิงวัยสามขวบจ้องมองเจ้าห้า ยังคงหัวเราะให้เจ้าห้าเหมือนเดิม ตรงกลางหว่างคิ้วของนางมีของสีแดงบางอย่างอยู่ ตลอดเวลาไม่ได้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว
เมื่อเห็นผู้คนรอบตัวที่ทั้งดิ้นรนหวีดร้อง ส่งเสียงร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวด นางก็ไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเดินเข้าไปหาเจ้าห้าอย่างไม่สะทกสะท้าน
เจ้าห้าปรายตามองอย่างเย็นชา เด็กสาวตัวน้อยกลับยิ้มแย้ม: “ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก!”
“เจ้าห้า นางเป็นใครหรือ?” อันหลิงหยุนถามเจ้าห้า เจ้าห้าจ้องดูครู่หนึ่ง ก็เอาราชากู่น้ำแข็งออกมา แล้วโยนมันออกไปส่งๆ ราชากู่น้ำแข็งพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย
อันหลิงหยุนกำลังแปลกใจอยู่ เด็กหญิงตัวน้อยคนนั้น ก็วิ่งไปตามจับราชากู่น้ำแข็งอย่างรวดเร็ว แต่เจ้าห้าดูไม่ได้มีท่าทีสนใจแม้แต่น้อย
เด็กหญิงตัวน้อยวิ่งตรงดิ่งไปหาราชากู่น้ำแข็ง อันหลิงหยุนได้เห็นกับตาตัวเองเลยว่า เด็กคนนั้นร่วงตกลงไปในหน้าผา ส่งเสียงกรีดร้องสุดท้ายอย่างน่าเวทนา
เจ้าห้าเดินไปยังอีกด้านหนึ่ง ในเวลานี้ไม่มีใครคอยหยุดเขาแล้ว
อันหลิงหยุนกับกงชิงวี่ก็เดินไปทางด้านนั้นด้วย คนที่เข้ามาขวาง ต่างถูกกงชิงวี่ฟันปลิดชีพในดาบเดียว เมื่อเข้าไปในถ้ำได้ หนอนกู่บนพื้นต่างพากันถอยห่างออกไปทีละน้อย เสี่ยวจินกับเสี่ยวเฮยที่อยู่บนพื้น เมื่อเห็นอันหลิงหยุนเข้ามา ก็บินเข้าไปหาทันที
เมื่อเดินเข้าไปข้างใน อันหลิงหยุนก็ได้ยินเสี่ยวเฮยพูดขึ้นมาแล้ว
หนอนกู่สองตัวข้างในนั้นทำให้มันไม่กล้าเข้าไป มันเกินกำลังจะรับมือได้ไหว
ในถ้ำนั้นมีคูหาถ้ำที่ใหญ่มากอยู่ด้านใน คูหาถ้ำแห่งนั้นมีสระน้ำอยู่สระหนึ่ง มีหินก้อนหนึ่งอยู่กลางสระน้ำ จื่อฮั่วนอนนิ่งอยู่บนหินก้อนนั้น ข้างกายนางมีหนอนแดงขนาดประมาณตะเกียบ ทั้งยังมีปีกอยู่สองตัว หนอนแดงเหล่านั้นกำลังคลานไต่ไปมา ดูเหมือนพวกมันอยากจะเข้าใกล้จื่อฮั่ว แต่กลับทำได้เพียงบินไปบินมา ไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้
ทันทีที่พวกอันหลิงหยุนปรากฏตัว หนอนสองตัวนั้นก็บินเข้ามาหาอันหลิงหยุนทันที แม้ว่าเสี่ยวเฮยจะปกป้องเจ้านายยิ่งชีพ แต่ก็แสดงออกได้ชัดว่ามันกำลังกลัวอย่างมาก
อันหลิงหยุนหันไปมองเจ้าห้า เขาไม่มีท่าทีหวาดกลัวแม้แต่น้อย ก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
“เจ้าห้า มีบางอย่างอยู่ในน้ำนะ” อันหลิงหยุนรีบร้องเตือน เจ้าห้ายังคงมีท่าทีไม่สนใจเหมือนเดิม ก้าวเท้าเดินลงไปในน้ำ อันหลิงหยุนรีบร้อนเดินตามไป พลันถูกกงชิงวี่รั้งตัวไว้
อันหลิงหยุนเงยหน้าขึ้นมอง กงชิงวี่ก็หยุดลง
“เจ้าดูในน้ำให้ดีๆสิ” กงชิงวี่เอ่ยเตือน อันหลิงหยุนเห็นว่า งูน้ำที่อยู่ในน้ำได้ว่ายน้ำเคลื่อนตัวมาทางนี้แล้ว เจ้าห้าก็ก้าวเท้าขึ้นเหยียบบนหัวงูตัวหนึ่ง งูไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย กระทั่งงูตัวอื่น ๆ ก็เช่นกัน เจ้าห้าเหยียบหัวงูราวกับว่า มันเป็นพื้นราบที่ใช้ก้าวเดินยามปกติอย่างไรอย่างนั้น
อันหลิงหยุนสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ นางเกือบลืมไปแล้วว่า เจ้าห้าสามารถสื่อสารกับสัตว์ได้
ทั้งคู่ยืนรออยู่ข้างนอก เจ้าห้าเดินตรงเข้าไปหาจื่อฮั่ว เจ้าสองสิ่งนั้นแข่งกันพุ่งใส่หว่างคิ้วของเจ้าห้าอย่างไม่ยอมน้อยหน้า อันหลิงหยุนถึงกับปาดเหงื่อ คิดอยากจะร้องเตือนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
แต่ในตอนที่ทั้งสองสิ่งนั้นใกล้เข้ามา จู่ ๆ ก็พลันปรากฏเส้นสีขาวสายหนึ่งขึ้นบนหว่างคิ้วของเจ้าห้า ทำการปิดผนึกทั้งสองจนกลายเป็นน้ำแข็ง เมื่อเจ้าห้าเอียงศีรษะไป ของทั้งสองนั้นก็ถูกโยนลงบนฝั่งพื้นถ้ำ ส่งเสียงฉีกขาด แล้วปริแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังมาให้ได้ยิน อันหลิงหยุนรีบหมุนตัวกลับไปกุมท้องตัวเอง ป้องกันไม่ให้ท้องนี้เกิดความกระทบกระเทือนใด ๆ ขึ้นมา
เจ้าห้าเดินไปถึงหน้าก้อนหิน แล้วอุ้มจื่อฮั่วขึ้นมา เขายังเล็กมาก แต่กลับแข็งแรงมีพละกำลังอย่างน่าเหลือเชื่อ เมื่ออุ้มจื่อฮั่วเดินกลับมาถึงตรงหน้าอันหลิงหยุนแล้ว ก็ส่งจื่อฮั่วไปให้นาง จื่อฮั่วผอมโซจนแทบจะเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก แววตาหม่นหมองเลื่อนลอย อันหลิงหยุนอุ้มจื่อฮั่วพลางแกว่งไกวไปมา นางตัวเล็กเหลือเกินแล้ว แม้ในมุมมองของเจ้าห้าในตอนนี้ จะนับได้ว่าตัวใหญ่มาก แต่ในมุมมองของอันหลิงหยุนนั้น นางตัวเล็กเกินไปแล้วจริงๆ
ทั้งคู่อุ้มเด็กสองคนออกไปจากถ้ำพร้อมกัน บรรดางูในน้ำทั้งหลาย ต่างพากันแยกย้ายกระจายตัวกันออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่พวกเขาออกไป ถ้ำแห่งนั้นก็พังถล่มลงมาทันที
ตอนลงจากภูเขา เจ้าห้าก็จุดไฟจนสว่างจ้ารอบภูเขา
อันหลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ อย่างที่เขาว่ากันจริงๆ ว่าลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น
อันหลิงหยุนรู้สึกว่านี่ออกจะหุนหันพลันแล่นไปหน่อย จึงพูดว่า: “เจ้าห้า ลูกทำอย่างนี้ อาจทำให้เกิดอัคคีภัยได้ง่าย ๆ เลยนะลูก”
เจ้าห้าหันหน้าไปมอง: “ภัยจากพวกหนอนแมลงยังน่ากลัวกว่าอีก!”
“….. ”
อันหลิงหยุนพูดไม่ออกอีกครั้ง กงชิงวี่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เข้ามาอุ้มลูกชายไป แล้วหันไปมองอันหลิงหยุน: “มีแม่อย่างไร ลูกชายก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ตรงตามที่เขาว่ากันมาไม่มีผิด!”
“พวกเราไปหาที่พักกันก่อนเถอะ สภาพอย่างตอนนี้ออกจะยุ่งยากไม่น้อยเลย อีกทั้งซูมู่หรงก็ออกมากับพวกเรา ถ้าบอกไปว่าไม่เจอเขา ก็ไม่เจอแล้วเสียอย่างนั้น คงยากจะอธิบายได้ง่ายๆเป็นแน่”
ในใจอันหลิงหยุนเต็มไปด้วยความหดหู่ จึงกลับไปที่รถม้าก่อน เข้าไปแล้วก็กรีดนิ้วบีบเอาเลือดออกมาเล็กน้อยให้จื่อฮั่วดื่ม นิสัยพื้นฐานของจื่อฮั่วก็คล้ายกับเจ้าห้า เอาแต่ปิดปากตัวเองแน่นสนิท อย่างไรก็ไม่ยอมดื่ม
อันหลิงหยุนบีบเปิดปากน้อย ๆ ของนางให้เปิดออก แล้วบีบเลือดหยดลงไป
หลังจากฝืนดื่มเข้าไปได้เล็กน้อย จื่อฮั่วก็นอนหลับต่อ
อันหลิงหยุนมองดูเจ้าห้า เจ้าห้าที่นั่งอยู่อีกด้านมองดูจื่อฮั่ว ทั้งสองคนนั่งกันไปในลักษณะนี้
กงชิงวี่สั่งให้คนถอยออกไปก่อน จากนั้นจึงหาที่พักชั่วคราว พวกเขาเดินทางกันต่ออีกหลายสิบกิโลเมตร จึงค่อยหยุดพัก
สำหรับอันหลิงหยุนแล้ว สถานที่อย่างหนานอี้แห่งนี้ เป็นอะไรที่นางชอบไม่ลงจริงๆ หรือพูดอย่างตรงไปตรงมาก็คือ นางไม่ชอบคนที่นี่
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่ว่าที่ไหน ๆ ก็ล้วนมีหนอนมีแมลงอยู่เต็มไปหมด ขนาดตอนนอนหลับยังรู้สึกเหมือนตัวเองไปอยู่ในป่าฝนเขตร้อนก็ไม่ปาน
เจ้าของร้านรู้จักกงชิงวี่ ทันทีที่เห็นคนก็รีบเข้ามาน้อมคารวะทักทาย แต่อันหลิงหยุนกลับคอยคัดค้านว่าไม่ต้องทำอย่างนั้นก็ได้
หลังจากเข้าพัก อันหลิงหยุนก็รีบทำการรักษาให้จื่อฮั่วก่อน จริงๆ แล้วจื่อฮั่วไม่ได้ป่วยหนักอะไร แต่สุขภาพร่างกายไม่ค่อยดีนัก ล้วนเกิดจากการไม่กินไม่ดื่มอะไรเลยเป็นเวลานานจนอ่อนแอ
อันหลิงหยุนตักน้ำมา แล้วอาบน้ำให้เจ้าห้ากับจื่อฮั่ว เจ้าห้าสามารถนั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำได้อย่างเงียบ ๆ ส่วนจื่อฮั่วนั้นจำเป็นต้องอุ้มไว้ สถานการณ์ของอันหลิงหยุนจึงเป็นเช่นนี้ ต้องอาบน้ำให้พวกเขา ทั้งยังต้องระวังไปด้วย
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็อุ้มเด็กทั้งสองคนออกมาเช็ดตัว เปลี่ยนใส่เสื้อผ้าที่สะอาดให้กับจื่อฮั่ว จื่อฮั่วยังคงนอนหลับบนเตียงต่อไป เจ้าห้าเดินตามมาถามอันหลิงหยุนว่า “แม่ จื่อฮั่วไม่ยอมกินหรือ?”
“อีกเดี๋ยวก็กินแล้วล่ะ เจ้าขึ้นไปก่อนเถอะ แม่จะไปเตรียมโจ๊กให้” อันหลิงหยุนกำชับเสร็จ ก็ไปเอาโจ๊กมาให้เจ้าห้า เจ้าห้านั่งอยู่บนเตียง มีเพียงแค่เวลานี้ ที่เขาจะดูเหมือนเด็กธรรมดา ๆ คนหนึ่ง อันหลิงหยุนรู้ดีว่า เมื่อพวกเขาเปิดพลังการรับรู้ทางวิญญาณขึ้น เวลานั้นอารมณ์ความนึกคิดของพวกเขา จะเป็นแบบอารมณ์ของผู้ใหญ่ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่การรับรู้ทางวิญญาณถูกปิดลง ก็จะเป็นแบบอารมณ์ของเด็กๆ
อันหลิงหยุนยกโจ๊กที่เหมือนซุปข้าวเข้ามา ป้อนให้จื่อฮั่วกิน จื่อฮั่วไม่ยอมกิน กระทั่งตาก็ไม่ยอมลืม อันหลิงหยุนจึงใส่น้ำผึ้งเข้าไป ถึงได้ยอมเลียน้อยๆ จากนั้นจึงค่อยซดลงไป
เจ้าห้ามีความสุขมากขึ้นมาทันที อันหลิงหยุนหันไปมองเจ้าห้าแวบหนึ่ง ถึงอย่างไรเด็กก็คือเด็กอยู่วันยังค่ำ
หลังจากที่จื่อฮั่วกินหมด เจ้าห้าก็กินบ้าง เมื่ออิ่มแล้วเจ้าห้าก็พลิกตัวลงนอน อันหลิงหยุนก็เอนหลังนอนลงเช่นกัน กงชิงวี่ก็เดินเข้าประตูมานั่งลงมองอันหลิงหยุน : “ข้าอาบน้ำมาแล้วเมื่อครู่ เจ้าก็ไปอาบบ้างเถอะ”
กงชิงวี่สั่งให้คนเตรียมน้ำ อันหลิงหยุนจึงไปอาบน้ำบ้าง
หลังจากกลับมานั่งลง อันหลิงหยุนจ้องมองเด็กทั้งสองด้วยอาการใจลอย : “ชีวิตคนเราช่างแปลกประหลาดเสียจริง ข้าคิดว่าคนอย่างเจ้าบ้านป๋ายอย่างไรก็คงจะไม่ตาย แต่นางกลับต้องมาตายไปอย่างน่าอนาถขนาดนั้น ทิ้งไว้เพียงจื่อฮั่วคนเดียว ราวกับว่าเดิมทีนางเป็นคนที่ไม่ควรมีชีวิตอยู่ เป็นคนที่ควรจะตายไปอย่างไรอย่างนั้นเลย! ”
อันหลิงหยุนนอนไม่หลับ ในที่สุดก็เริ่มพูดกับตัวเอง
กงชิงวี่พูดกับนางว่า: “อย่าพูดถึงมันอีกเลยน่า นอนเถอะ ตื่นมาพรุ่งนี้ก็ต้องกลับกันแล้ว”
อันหลิงหยุนนอนลงไป ยังคิดถึงเรื่องที่ว่าจะกลับไปในวันพรุ่งนี้ แต่ยังไม่ทันรอจนถึงวันพรุ่ง เรื่องยุ่งยากก็มาหาถึงที่แล้ว