ยอดหมอยาของอ๋องเสียน / หมอเทพเซียนของอ๋องเสียน - บทที่ 887 มกุฎราชกุมารีที่มีลักษณะเป็นผู้สำเร็จราชการแทน
- Home
- ยอดหมอยาของอ๋องเสียน / หมอเทพเซียนของอ๋องเสียน
- บทที่ 887 มกุฎราชกุมารีที่มีลักษณะเป็นผู้สำเร็จราชการแทน
บทที่ 887 มกุฎราชกุมารีที่มีลักษณะเป็นผู้สำเร็จราชการแทน
เฟยยิงถูกโยนออกมาด้วยเสียงดังปัง แววตาของกงชิงวี่ขรึมลง พุ่งตัวออกจากรถม้า
อันหลิงหยุนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รู้แล้วว่าต้องไม่ใช่เรื่องดี แต่คนที่ออกไปต่อสู้ยังจะอุ้มลูกชายไปด้วย ใต้ฟ้านี้ก็คงจะมีแต่กงชิงวี่เท่านั้น
ม่านของรถม้าสั่นไหว อันหลิงหยุนเดิมทีคิดจะพักผ่อน แต่ข้างกายกลับมีคนเพิ่มขึ้นหนึ่งคน อันหลิงหยุนค่อยๆมองไป ยังมีความรู้สึกน่ากลัวอยู่บ้าง
เมื่อเห็นชัดแล้วว่าคนคนนี้คือเซวียนเหอ เกรงว่าคงจะต้องแยกย้ายแล้ว
“ท่านมาได้อย่างไร ”อันหลิงหยุนแปลกใจเล็กน้อย ความเร็วเช่นนี้ทำเอาคนตกใจเช่นกัน และเมื่อวานเซวียนเหอก็ได้รับบาดเจ็บด้วย ถูกกงชิงวี่ทำร้าย หรือว่าวันนี้ก็ฟื้นฟูแล้ว แม้ว่าเลือดของนางจะร้ายกาจแค่ไหน ก็คงเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้
“มาส่งเจ้า อีกเดี๋ยวข้าก็ไป ยังมีโอกาสได้พบกัน เพียงแต่จะนานแค่ไหนข้าก็ไม่รู้ พลังของเขาเหนือกว่าข้า หากว่าข้ายังดึงดันจะต่อสู้กับเขา คนที่จะเป็นเรื่องก็คือข้า”
“ในเมื่อรู้แล้ว ก็กลับไปดูแลประเทศของท่านให้ดี ในเวลาไม่กี่ปีนี้เขาคงไม่ไปหาเรื่องกับท่าน ท่านจงฉวยเวลานี้ทำเรื่องดีๆให้ประเทศเจริญรุ่งเรืองเถอะ
คนรอบข้างที่จะตีเมืองของท่านต้องมีเหตุผลที่ถูกต้องในการทำสงคราม แต่หากท่านสามารถทำให้คนรอบข้างเหล่านั้นเคารพท่านได้ เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องพึ่งพาอาศัยชื่อเสียงของท่าน ท่านก็ไม่จำเป็นต้องลำบากไปแย่งดินแดนแล้ว
เมื่อแข็งแกร่งแล้วท่านก็จะเป็นผู้ทรงความยุติธรรม ก็จะไม่มีใครสามารถทำอะไรท่านได้ง่ายๆแล้ว”
อันหลิงหยุนพูดด้วยความตั้งใจดี และหวังดี
นางหวังให้เซวียนเหอเป็นฮ่องเต้ที่ดีองค์หนึ่ง และสามารถทำได้ ไม่เช่นนั้นนางก็คงจะเสียแรงเปล่า
เซวียนเหอนิ่งขรึมไปนาน “ข้ากลับหวังจะเป็นเพียงแค่คนที่ไม่สนชีวิต ไม่มีอะไรทั้งสิ้น เหมือนกับเขาที่ตามติดเจ้า ”
มีเสียงร้องอ๊าดังขึ้นนอกรถม้า เป็นเสียงของซูมู่ไห่ อันหลิงหยุนรู้สึกสงสารซูมู่ไห่อยู่ชั่วครู่ ถูกเซวียนเหอใช้เป็นเครื่องมือแล้ว
คาดว่าเขาคงได้ยินจากปากเซวียนเหอว่าอันหลิงหยุนจะจากไปในเวลานี้ จึงได้มารออยู่ที่นี่
ซูมู่ไห่ที่แสนโชคร้าย ถูกเขาหลอกใช้แล้วยังไม่รู้ตัว
จื่อฮั่วลืมตาขึ้นมองไปยังเซวียนเหอ แต่ไม่นานนักก็รีบหลับตาลง
นอกรถม้าที่สุดก็สงบลง เซวียนเหอเองก็มุดออกจากหน้าต่างท่างด้านหลัง หากไม่ได้เห็นเองกับตา อันหลิงหยุนยังไม่อยากจะเชื่อ เซวียนเหอมีวิชาหดกระดูก และมีความรวดเร็วว่องไวมาก กงชิงวี่เข้ามาในรถม้าจากข้างหน้า เข้ามาในรถม้าแล้วก็มองไปยังอันหลิงหยุน สีหน้าของเขามีแววดุร้าย
“เจ้าพูดถูก เขามาแล้วก็ไป แต่นั่นไม่ใช่ความผิดของข้า ข้าหวังว่าท่านจะเข้าใจ”อันหลิงหยุนหาข้ออ้างอย่างเลี่ยงไม่ได้ พูดจบก็กัดลิ้นตัวเอง คำพูดนี้ไม่ควรพูด
กงชิงวี่อุ้มเจ้าห้านั่งลงด้วยท่าทีอึมครึม สีหน้าเย็นชามองไม่ออกถึงผลที่จะตามมา แต่เขาพูดว่า “ในเมื่อเขาไม่ยินดีที่จะตั้งตัวโดยดี ข้าก็ทำได้เพียงให้เขาต้องบ้านแตกสาแหรกขาดแล้ว”
อันหลิงหยุนสูดลมหายใจหนักๆ “คิดเสียว่าเป็นความผิดข้า ท่านก็อย่าได้เที่ยวระรานไปทั่วเลย ตอนนี้ท่าน อดรนทนไม่ได้ที่จะเห็นคนทั่วใต้หล้านี้เกลียดท่าน หากว่าท่านทำลายประเทศของเซวียนเหอตอนนี้ เช่นนั้นก็จะกลายเป็นคนผิดปาบไปตลอดกาลจริงๆ”
กงชิงวี่เลิกคิ้ว สายตาเย็นชาคาดคั้น “หลายวันมานี้หลิงหยุนอยู่ข้างนอกจนเหลิง นอกจากจะเที่ยวรู้จักคนภายนอกไปทั่ว แม้แต่ความคิดก็แปลกไป ข้าสังหารกบฏยังต้องกลายเป็นคนปาบตลอดกาล แล้วเขายังเหมาะกับฉายานี้ด้วยหรือ”
“……”อันหลิงหยุนนิ่งขรึม บางครั้งฝีปากก็ช่างสำคัญเสียจริง
แต่นางก็ยังสู้กงชิงวี่ไม่ได้อยู่ดี
“เด็กๆ ถ่ายทอดคำสั่งของข้าไป จับตัวเซวียนเหอในทันที เขาทำให้ข้าเจ็บหนัก คิดอยากจะทำร้ายข้าให้ถึงตาย ข้าจะอภัยให้เขาได้อย่างไรกัน
จับเป็นต้องเห็นคนจับตายต้องเห็นศพ หากว่าเขาไม่ยอมให้จับแต่โดยดี ก็ลากศพมา”
น้ำเสียงของกงชิงวี่เย็นจับใจ อันหลิงหยุนขนลุกซู่ไปทั้งร่าง
นางสามารถรับรู้ได้ กงชิงวี่ตอนนี้ขุ่นเคืองไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
อันหลิงหยุนอุ้มจื่อฮั่วตบเบาๆ “แล้วแต่ท่านอ๋องเถอะ”
อันหลิงหยุนหมุนตัวหันไปมองข้างนอก บุรุษก็เป็นเช่นนี้ ชิงดีชิงเด่น ชอบการเข่นฆ่า
แต่นางก็เข้าใจได้ หากเปลี่ยนเป็นนาง นางก็ต้องทำเช่นนี้
รถม้ายังคงแล่นไปข้างหน้า ทั้งสองไม่คุยกันเลยตลอดสามวัน
ก็ไม่รู้ว่าเพราะเรื่องที่กงชิงวี่ได้รับบาดเจ็บหรือไม่จึงทำให้เกิดผลกระทบครั้งใหญ่ ตลอดทั้งทางมีคนไล่ฆ่าไม่น้อย แต่คนระดับเฟยยิงก็จัดการขัดขวางได้หมด
พอไปถึงเขตแดนของประเทศต้าเหลียง เรื่องเหล่านี้ค่อยทุเลาลงบ้าง
อันหลิงหยุนจึงได้รู้ว่า แม้ว่ากงชิงวี่อยู่ในประเทศต้าเหลียงจะทำเรื่องเด็ดขาดเพียงใด ที่สุดที่นี่ก็คือประเทศต้าเหลียงของเขา ประชาชนไม่มากก็น้อยย่อมเข้าใจวิธีการของเขา
มาถึงประเทศต้าเหลียงแล้วสวีฝูรู้สึกโล่งใจมาก ตอนที่อันหลิงหยุนพวกเขากินข้าวด้วยกันก็ถามเขาขึ้นว่า
“กงกงดูเหมือนจะโล่งใจขึ้น”
“ข้าน้อยกลัวเหลือเกินว่าจะมาไม่ถึง ระยะทางอันยาวไกลนั้นไม่กลัว ที่กลัวคือกลุ่มคนที่มากันกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ช่างน่ากังวลใจเสียจริง”สวีฝูสีหน้าอยากพูดแต่ก็หยุดเอาไว้
อันหลิงหยุนนั้นฉลาด ถามขึ้นว่า “กงกงมีเรื่องอยากจะพูดใช่หรือไม่”
สวีฝูจึงพูดขึ้นว่า “ชื่อเสียงและความร้ายกาจของอ๋องเสียนได้กระจายไปทั่วดินแดนทั้งสี่ทิศ แต่ก็เหมือนข่มขู่ดินแดนทั้งทิศด้วยเช่นกัน
ครั้งที่แล้วที่อ๋องเสียนกวาดล้างหวูโยกั๋ว ใช้เวลาเพียงสองเดือนก็สามารถควบคุมได้แล้ว ที่จริงก็ทำให้คนเป็นกังวลมากแล้ว ดินแดนทั้งสี่ทิศต่างก็ได้มีการเตรียมการเพื่อรับมือกับอ๋องเสียนแล้ว เรื่องนี้ไม่ได้เป็นความลับอะไร อ๋องเสียนเองก็น่าจะรู้ตั้งนานแล้ว
แต่ข้าน้อยเกรงว่าพระชายาคงยังไม่รู้”
อันหลิงหยุนอึ้งไปสักพัก มองไปยังกงชิงวี่ที่กำลังดูแลเจ้าเสือน้อยและเจ้าห้าอยู่ไม่ไกลนัก อันหลิงหยุนกินข้าวเสร็จ มองสวีฝูอยู่เป็นนาน “ยังมีอีกหรือไม่”
“ได้ยินว่า ประเทศต้าเหลียงเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ประเทศเฟิ่งและหนานอี้เคยติดต่อกัน เรื่องส่วนใหญ่ที่ปรึกษากันนั้นล้วนเป็นเรื่องเกี่ยวกับมกุฎราชกุมารี ประเทศเฟิ่งอยากให้มกุฎราชกุมารีกลับไป ส่วนหนานอี้ก็หวังว่ามกุฎราชกุมารีจะอยู่ต่อ
เช่นนี้ก็เท่ากับตัดปีกของอ๋องเสียนได้แล้ว ทางที่ดีที่สุดคือทำให้เขาล้มแล้วลุกไม่ได้อีก เช่นนั้นก็จะสามารถปกป้องทุกคนได้
ไม่เช่นนั้นหากมกุฎราชกุมารียังอยู่ข้างกายอ๋องเสียน เป็นการถ่วงดุลให้กับประเทศอื่น เขายังสามารถโจมตีประเทศอื่นได้ ”
คำพูดของสวีฝู ทำให้อันหลิงหยุนเข้าใจเรื่องหนึ่งได้ชัดเจนขึ้น แม้ว่าซูอู๋ซินกับเฟิ่งป่ายซูจะปฏิบัติต่อนางอย่างไร ประชาชนและขุนนางของหนานอี้กับประเทศเฟิ่งก็เป็นห่วงอยู่ดี
กงชิงวี่เป็นคนชื่นชอบการสู้รบเป็นชีวิตจิตใจ แค่เพียงมีเรื่องไม่ราบรื่นเพียงน้อยนิดก็จะต้องไปเข่นฆ่า สำหรับดินแดนทั้งสี่ทิศแล้วเขาก็คือเนื้อร้ายก้อนหนึ่ง เป็นหายนะ
บนผืนแผ่นดินทั้งสี่ทิศ อย่าว่าแต่ประเทศเฟิ่งและหนานอี้เลย แม้แต่ประเทศต้าเหลียงเองก็ใช่ว่าจะไม่มีคนไม่อยากฆ่าเขา
อันหลิงหยุนเริ่มรู้สึกกังวลแล้ว กงชิงวี่คนเดียว แต่ได้กลายเป็นศัตรูกับคนทั้งใต้หล้าแล้ว
ภายหลังจะทำเช่นไร
ตลอดทาง คนพวกนั้นรู้แล้วว่าเขาได้รับบาดเจ็บหนัก จึงทำให้วิ่งเข้าหาราวกับเป็นบ้าเป็นหลัง คิดจะฆ่าเขาให้ได้
คนพวกนั้นแม้ดูแล้วจะเป็นแค่คนของประเทศอื่นๆ แต่ใครจะไปรู้ว่าจะมีคนของประเทศต้าเหลียงหรือไม่
ดูๆไปเหือนเขาจะไม่มีศัตรูที่แท้จริง แต่ทุกที่ในใต้หล้านี้ต่างเห็นเขาเป็นศัตรู
อันหลิงหยุนตัวสั่นโดยที่ไม่รู้สึกหนาวเลย
นางคิดถึงคนบางกลุ่ม แม้จะไม่เคยทำร้ายใครเลย แต่ก็ถูกผู้อื่นทำร้าย
เพียงเพราะแค่จิตใจของคนมันเสื่อมไปแล้ว ชื่นชอบใช้กำลังรังแกคนอ่อนแอ
ยิ่งไปกว่านั้นคือ เห็นผู้อื่นกรูกันเข้าโจมตี ก็ตามเข้าไปตีด้วย
ยุทธภพที่ว่า ก็คือวิ่งตามกันไปอย่างบ้าบิ่นและตาบอด
อันหลิงหยุนสูดหายใจลึก “เขาจะช่วยเขา ปกป้องเขา”
สวีฝูมองอันหลิงหยุน ไม่ได้พูดอะไร มกุฎราชกุมารีก็คือมกุฎราชกุมารี มีลักษณะเป็นผู้สำเร็จราชการแทน
ไม่ไกลนัก กงชิงวี่ที่กำลังดูแลลูก ราวกับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง หมุนตัวหันมาดูทางอันหลิงหยุน
ทั้งสองคนสบตากัน อันหลิงหยุนเองก็ตกใจ ทำไมจึงรู้สึกว่าถูกเขาดูออกหมดแล้ว
กงชิงวี่ราวกับกำลังใช้ความคิด หันกลับไป อันหลิงหยุนค่อยโล่งใจลงบ้าง