ยอดหมอยาของอ๋องเสียน / หมอเทพเซียนของอ๋องเสียน - บทที่ 891 นางไม่เชื่อใคร
บทที่ 891 นางไม่เชื่อใคร
หมอกุ่ยไปแล้วอันหลิงหยุนมองไปที่เฟยยิง “เจ้าพักผ่อนสักพัก เตรียมตัวไว้ ไม่กี่วันท่านอ๋องจะมา เจ้าต้องแอบสังเกตการณ์ และเรียนรู้”
“พระชายาหมายความว่าอย่างไร?”เฟยยิงไม่เข้าใจ
“ในเมื่อเจ้าสามารถเข้ามาได้ แสดงว่าเป็นคนที่หมอกุ่ยยอมรับ ถึงแม้ว่าไม่สามารถเอาชนะหมอกุ่ย แต่เจ้ากับเขาถ้าสู้กันอาจเสมอกัน”
“ใช่ ข้ากับหมอกุ่ยเสมอกัน ที่จริงเขาไม่ได้ถ่ายทอดทุกอย่าง การถ่ายทอดของอาจารย์ต้องมีผู้สืบทอด ยิ่งไปกว่านั้นข้าไม่ใช่ลูกศิษย์ของเขา” เฟยยิงฉลาดมาก สามารถเดาเหตุการณ์ทุกอย่างได้
อันหลิงหยุนตบหลังจื่อฮั่วและไม่กังวล “ไม่เป็นไร ข้ารู้ว่าเขาจะเป็นแบบนี้ เจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจ ทั้งสิบคนที่อยู่ในสนาม ล้วนเป็นปรมาจารย์ ท่านอ๋องก็เป็นปรมาจารย์ เจ้าคอยแอบสังเกต เรียนรู้จากพวกเขา เรียนรู้เสร็จก็ไปฝึกฝนที่ภูเขา ไม่ช้าหรือเร็วก็สามารถเก่งกว่าสิบคนนั้น เรื่องนี้อย่าบอกใคร”
เฟยยิงครุ่นคิด “เพื่ออะไร?”
“ท่านอ๋อง!”
อันหลิงหยุนมองไป “สวีฝูบอกมีคนจะทำร้ายท่านอ๋อง เพราะเขามีความเก่งกาจมากกว่าคนอื่น แต่มีน้อยคนที่ข้าสามารถไว้วางใจได้ เฟยยิง ข้าเชื่อเจ้า!”
เฟยยิงพยักหน้า “พระชายาวางใจ ข้าจะตั้งใจฝึก”
“อืม”
เมื่อถึงเวลากลางคืน กงชิงวี่ก็มาจริงๆ อันหลิงหยุนต้องการให้เฟยยิงเห็นการต่อสู้ที่ชัดเจน ตั้งใจแขวนไฟสองสามดวงไว้ที่สนาม เฟยยิงยืนอยู่ในห้อง และมองผ่านจุดหนึ่งในหน้าต่าง
วันนี้กงชิงวี่จะเข้ามา และถูกคนสิบคนขวางไว้ พูดไม่กี่คำก็ต่อสู้กัน คนสิบคนใช้พลังเต็มที่ ก็ไม่อาจขวางกงชิงวี่ และในที่สุดกงชิงวี่ก็เข้ามาได้
อันหลิงหยุนลุกขึ้น เห็นกงชิงวี่ก็ไม่อธิบาย
“วันนี้เกิดอะไรขึ้น?” กงชิงวี่สีหน้าประหลาดใจ อันหลิงหยุนก็เหลือบมองเขา
“ทดสอบฝีมือของพวกเขา ถ้าไม่สามารถขวางท่านอ๋อง ก็ไม่สามารถขวางคนอื่นได้ วันนี้ท่านอ๋องเข้ามาอย่างง่ายดาย พรุ่งนี้ต้องฝึกฝนให้ดี”
“อืม”
กงชิงวี่เข้านอน ทั้งสองนอนลงและพูดสองสามคำ อันหลิงหยุนพูดถึงเรื่องของหลี่ถิง หลี่ถิงถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินที่นี่ อันหลิงหยุนให้คนทำขึ้นมา และต้องไปดูทุกวัน กงชิงวี่ถาม “ซูมู่หรงกลับไปสักพักหนึ่งแล้ว ไม่รู้สถานการณ์เป็นอย่างไงบ้าง”
“ช่วงนี้ไม่ต้องสนใจเขา วันนี้ข้าเห็นคนอยู่ในสนาม เหมือนคนประเทศเฟิ่ง ช่วงนี้ท่านอ๋องต้องระวังตัวหน่อย!”
กงชิงวี่มองไปที่อันหลิงหยุน “จริงเหรอ?”
“อืม วันนี้ท่านอ๋องฝ่าด่านเข้ามา พวกเขาคงเข้าใจผิด ต่อไปถ้าท่านอ๋องเข้ามาจะต้องทำเช่นนี้อีก พรุ่งนี้หยุนจิ่นจะส่งคนมาอีกสองคน พวกเขาจะพักอยู่นอกสนาม ถ้าประเทศเฟิ่งส่งปรมาจารย์มา ก็ต้องพึ่งพาพวกเขา”
“อืม”
เช้าวันรุ่งขึ้นกงชิงวี่จากไป อันหลิงหยุนก็ไปดูเฟยยิง ปรากฏว่าเฟยยิงไม่อยู่ แต่ฝากข้อความถึงอันหลิงหยุน บอกอันหลิงหยุนว่าเขาขึ้นเขาไปแล้ว จะกลับมาในตอนเที่ยง
เฟยยิงกลับมาในตอนเที่ยง ก็เข้าไปหาอันหลิงหยุนในห้อง
“เมื่อคืนตอนที่ท่านจากไป อาหยู่และคนอื่นๆสังเกตเห็นหรือไม่?”
“ไม่” เฟยยิงกลัวคนอื่นจะรู้ ฉะนั้นจึงแอบเดินไปอย่างลับๆ
“อืม เจ้ารู้สึกยังไง?”
“เห็นได้ชัดเจนมาก ถ้าฝึกฝนมากกว่านี้ จะต้องเหนือชั้นกว่าปรมาจารย์สิบคนและหมอกุ่ยแน่นอน เพียงแต่ว่าข้ายังไม่เข้าใจกระบวนท่าของท่านอ๋อง ข้าติดตามท่านอ๋องมาระยะหนึ่งแล้ว ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่สามารถเรียนรู้จากเขา เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะหาคนมาให้อีก”
“อืม”
หลังจากผ่านไปสิบกว่าวันเฟยยิงฝึกฝนอย่างหนัก กงชิงวี่ก็บุกเข้ามาได้ทุกวัน และเขาก็ตั้งใจฝึกฝนทุกวัน
เช้าวันหนึ่งอันหลิงหยุนตื่นขึ้นมา เห็นเฟยยิงยืนอยู่ในสนาม แล้วถาม “เฟยยิง เจ้าเรียนกับหมอกุ่ยก็นานพอสมควรแล้ว ไม่เคยเห็นเจ้าแสดงฝีมือออกมา เจ้าลองไปประลองฝีมือกับพวกเขาดู ดูสิจะเป็นอย่างไงบ้าง?”
“ได้”
เฟยยิงต่อสู้กับคนสิบคน และแพ้ในวันแรก
อันหลิงหยุนพยุงเฟยยิงขึ้นมา “เจ้าฝึกได้ไม่เลว พรุ่งนี้ฝึกต่อ”
หลังจากนั้นเฟยยิงก็สู้ต่อ สู้ไปสิบวัน และเอาชนะสิบคนได้ อันหลิงหยุนรู้ว่าเฟยยิงฝึกสำเร็จแล้ว
“เริ่มตั้งแต่วันนี้เจ้ากับพวกเขาสิบคนสู้กับท่านอ๋อง คืนนี้เจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้า และสวมหน้ากาก พวกเจ้าต้องทำให้ดีที่สุด”
“ได้”
หลายคนเห็นด้วยทันที แค่รอกลางคืนก็จะลบล้างความอัปยศ
อันหลิงหยุนและเฟยยิงเตรียมพร้อมแล้ว เพียงแค่รอกงชิงวี่มาก็จะเรียนรู้ให้มากขึ้น
วันนี้อันหลิงหยุนอนุญาติให้ใช้อาวุธได้ พอกลางคืนกงชิงวี่ก็มา พอเข้าประตูก็โดนขวางไว้ กงชิงวี่รู้สึกแปลกใจวันนี้จำนวนคนไม่ถูก แต่ทุกคนก็ปิดหน้าไว้ รู้สึกมีคนแปลกหน้าด้วย
อันหลิงหยุนกลัวว่ากงชิงวี่จะจำเฟยยิงได้ ให้นางทานยาบางอย่าง เพื่อเปลี่ยนกลิ่นกายและลมหายใจในร่างกาย
กงชิงวี่เห็นอาวุธ เข้าไปในสนามก็หยิบไม้ออกมา และเดินเข้าไปต่อสู้
ปรากฏว่าแค่เพิ่มกระบวนท่ามากกว่าปกตินิดหนึ่ง ก็สามารถจัดการกับทุกคนได้
เฟยยิงเห็นสถานการณ์ไม่ดี จึงหันตัวจากไป กงชิงวี่กำลังจะไล่ เห็นอันหลิงหยุนที่กำลังเดินออกจากห้องมา จากนั้นก็ทิ้งไม้แล้วเดินเข้าไป
“ใคร?” กงชิงวี่รู้สึกไม่พอใจ
อันหลิงหยุนหันหลังกลับ นางท้องได้สี่เดือนแล้ว และนางก็เดินอย่างระมัดระวัง
คนใหม่ที่หยุนจิ่นส่งมา เป็นคนที่ประหลาดเล็กน้อย ไม่กล้าพบปะผู้คน และยังต้องฝึกฝน คนๆนี้ข้าทุ่มเทไปมาก เพื่อเขา ข้าได้เปลี่ยนเฟยยิงออกไป คิดว่าสองสามเดือนนี้เฟยยิงคงกลับมาไม่ได้”
“เรื่องนี้ทำไมเฟยหยิงไม่เคยพูด?” กงชิงวี่ถอดเสื้อคลุม แล้วไปอาบน้ำ ลูกๆหลับไปหมดแล้ว อันหลิงหยุนซักผ้าเช็ดเหงื่อให้กงชิงวี่
ผู้ชายนี่หลอกง่ายจริงๆ ถ้าปฏิบัติกับเขาดีหน่อย เขาก็จะไว้ใจ
แต่ก่อนอันหลิงหยุนพูดอะไรกงชิงวี่ยังคงสงสัย แต่ตอนนี้เขาไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว เชื่อใจทุกอย่าง
อันหลิงหยุนมองไปที่กงชิงวี่ “เกิดเรื่องกะทันหันไม่ทันตั้งตัว”
“พรุ่งนี้ให้อาหยู่มาอยู่ที่นี่” กงชิงวี่หันมาอุ้มอันหลิงหยุน และเดินขึ้นไปที่เตียง
อันหลิงหยุนส่ายหัว “ไม่ต้องให้อาหยู่มา เห็นอาหยู่แล้วข้ากังวลว่าเด็กๆจะกลายเป็นคนโง่ มีพวกเขาอยู่ท่านไม่ต้องกังวล ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ให้สวีฝูมา
“ดี ถ้าอย่างนั้นก็ให้สวีฝูมา”
จัดการเรียบร้อย ในวันรุ่งขึ้นสวีฝูก็มา
อันหลิงหยุนมีคนช่วย ดังนั้นจึงสบายขึ้นเยอะ
สวีฝูบอกว่าหนานอี้มีการเคลื่อนไหวแล้ว ซูอู๋ฉิงจะมาเรียกนางกลับไปด้วยตนเอง
อันหลิงหยุนมองไปที่สวีฝู “มาได้พอดี ข้ากำลังต้องการใช้งานเขา”
“มกุฏราชกุมารีหมายความว่าไง?” สวีฝูยังคงงุนงงเล็กน้อย
“มาถึงแล้วก็จะรู้เอง”
ไม่กี่วันต่อมา เฟิงอู๋ฉิงก็มาจริงๆ เมื่อมาถึงกำลังจะเข้าประตู เขาก็ถูกคนสิบคนขวางไว้ เฟิงอู๋ฉิงไม่กลัวคนเหล่านี้อยู่แล้ว และเริ่มต่อสู้กับพวกเขา
ตอนแรกไม่สนใจ สิบคนนี้ได้ต่อสู้กับกงชิงวี่ ความสามารถของพวกเขาพัฒนาขึ้น
แต่เฟิงอู๋ฉิงใช้เวลาไม่นานก็สามารถเอาชนะได้
อันหลิงหยุนออกมาจากห้อง และมองหลังเฟิงอู๋ฉิง มองไม่เห็นเสี่ยวเฉียวและอะมู่?
“อาสาม” อันหลิงหยุนเดินไปหาเฟิงอู๋ฉิง และกล่าวทักทาย
“นี่เจ้ากำลังทำอะไร ต้องการที่จะฆ่าข้าเหรอ?” เฟิงอู๋ฉิงสีหน้าดูไม่ดี และเลิกคิ้ว
“ไม่กล้าฆ่า ข้าจะไม่กลับไปกับท่าน เรื่องของหนานอี้ข้าไม่อยากรู้ นอกจากนี้หนานอี้ก็มีองค์ชายอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“เจ้าเป็นมกุฎราชกุมารี และตอนนี้ฮ่องเต้หนานอี้ป่วยไม่สามารถลุกขึ้นได้ ตามความประสงค์ของอ๋องเซ่เจิ้ง(อ๋องที่ทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทน) เจ้าคือฮ่องเต้ในอนาคต เจ้าต้องกลับไป แม้ว่าเจ้าจะไม่เป็นฮ่องเต้ ก็ต้องกลับไปอธิบายให้ชัดเจน ว่าใครจะมาเป็นฮ่องเต้”
คำพูดที่ไร้ความปรานี แต่ในสายตาของอันหลิงหยุน คำพูดของใครก็ไม่สำคัญ และนางจะไม่เชื่อแน่นอน