ยอดหมอยาของอ๋องเสียน / หมอเทพเซียนของอ๋องเสียน - บทที่ 942 ไม่เห็นคนแล้ว
บทที่ 942 ไม่เห็นคนแล้ว
เฟิ่งหลินหยุนเดินไปถึงด้านนอกห้องโถง ในห้องโถงเต็มไปด้วยเหล่าขุนนาง ส่วนมากแม่ทัพจะเยอะกว่า แต่เป็นผู้หญิงทั้งหมด
อ๋าวชิงยืนอยู่ด้านข้าง ปิดกั้นผู้ที่ต้องการบุกเข้ามา
เฟิ่งหลินหยุนมองไปที่คนเหล่านั้น ก็อดไม่ได้ที่จะคิด ว่านี่คือจุดจบที่เรียกว่าผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ผู้หญิงแต่ละคนมีลักษณะองอาจแข็งแกร่ง มีพลังดุดัน แต่ผู้ชายก็อ่อนช้อยเหมือนผู้หญิง เรี่ยวแรงไม่มี เช่นเดียวกับขันที
“พวกเจ้ากำลังทำอะไร?” แม้ว่าเฟิ่งหลินหยุนจะดูเหมือนเด็ก แต่นางก็มีพลังมาก เวลานางพูด ทำให้ทุกคนเกรงกลัวจนไม่กล้าหายใจแรง
อ๋าวชิงหันหน้ากลับมา เห็นเฟิ่งหยุนหลิงจึงพูดว่า “พวกนางต้องการทำสงคราม คิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการโจมตีประเทศต้าเหลียง มิฉะนั้นจะพลาดโอกาส และต้องการจับกงชิงหยุนเยนไปด้วย”
เฟิ่งหลินหยุนเหลือบมองอ๋าวชิงอย่างเย็นชา “พวกนางพูดถูกแล้ว ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีจริงๆ ข้าก็คิดว่าเป็นเวลาที่ดีที่สุด ในเมื่อเสนอว่าจะรบ ทำไมต้องมายืนขวางอยู่ตรงนี้ด้วย?”
“… …” อ๋าวชิงไม่ตอบ เขาเริ่มไม่เข้าใจเฟิ่งหลินหยุนมากขึ้นเรื่อยๆ เปลี่ยนไปได้ชั่วพริบตา
เฟิ่งหลินหยุนมองไปที่เหล่าขุนนาง “พวกเจ้าตัดสินใจเอง ข้าก็ไม่อยากตามหลังคนอื่น ถ้าอย่างนั้นก็รบเลย สำหรับเรื่องที่พวกเจ้าว่าจะจับกงชิงหยุนเยนนั้น ข้าก็เห็นด้วย เมื่อกี้นางยังอยู่ข้างใน ยังไม่รู้ตัว ต้องเร็วหน่อย ถ้าจับได้สามารถปกป้องประเทศเฟิ่ง มันก็เป็นเรื่องดี”
“ข้าไป”
มีคนรีบไปที่ห้องนอนของเฟิ่งหลินหยุน แต่หลังจากค้นหาไปทั่ว หายังไงก็ไม่พบ
คนที่เข้าไปค้นออกมาและส่ายหัว “ไม่อยู่แล้ว”
เฟิ่งหลินหยุนมองไป “เป็นไปไม่ได้ เมื่อกี้ตอนข้าออกมายังอยู่”
“หรือรู้ว่าพวกข้ามาเลยหนีไป?” มีคนถาม
เฟิ่งหลินหยุนเหลือบมองคนที่เพิ่งเข้ารายงาน “เป็นเพราะเจ้า!”
ผู้มารายงานคนนั้นรีบคุกเข่าลงทันที “ไว้ชีวิตด้วย มกุฎราชกุมารไว้ชีวิตด้วย”
เฟิ่งหลินหยุนไม่มอง และหันมามองคนที่อยู่สถานที่ทั้งหมด “ราชโองการ”
ทุกคนคุกเข่าลง เฟิ่งหลินหยุนกล่าวว่า “กองทัพของประเทศเฟิ่งรวมตัวกัน และมุ่งหน้าไปยังชายแดนประเทศต้าเหลียง เพื่อสู้รบกับประเทศต้าเหลียง”
หลังจากพูดจบเฟิ่งหลินหยุนก็หันกลับไปที่ห้องนอน
อ๋าวชิงหายใจเข้าลึกๆ และในที่สุดก็มาถึง
ครึ่งเดือนต่อมา ประเทศต้าเหลียงถูกข้าศึกโจมตี สามก๊กร่วมกันโจมตีประเทศต้าเหลียง โจมตีจนประเทศต้าเหลียงตั้งตัวไม่ทัน
แต่ศึกครั้งนี้ ไม่มีความกังวลใดๆ เฟิ่งหลินหยุนไม่ได้ออกรบด้วยตัวเอง นางรออยู่ที่ประเทศเฟิ่งตลอด
ศึกครั้งนี้ สุดท้ายก็ใช้เวลาสู้รบหนึ่งปี หนึ่งปีให้หลังกงชิงวี่ได้ชัยชนะครั้งใหญ่ พลังอำนาจประเทศเดียว สามารถพิชิตชัยชนะสามก๊ก
ที่น่าอัศจรรย์คือ กงชิงวี่ หยุนโล๋ชวน (กงชิงจื่อฮวน)ต่างก็ชนะในวันเดียวกัน
หลังจากความพ่ายแพ้ของสามก๊ก เซวียนเหอเสียชีวิตด้วยคมดาบของอะมู่ ที่จริงเขาสามารถรอดชีวิตได้ แต่ท้ายสุดเขาก็เลือกที่จะตาย จึงเข้ามาทำร้ายองค์หญิงใหญ่ อะมู่เลยต้องรีบลงมือ และฟันดาบไปที่เซวียนเหอทันที เซวียนเหอมองไปที่หยุนโล๋ชวน เขาหวังว่าหยุนโล๋ชวนจะเข้ามาใกล้ๆ มองเขาครั้งสุดท้าย แต่สุดท้ายหยุนโล๋ชวนก็ไม่เข้าไปใกล้
ในที่สุดอะมู่ก็ชักดาบออก เซวียนเหอล้มลงกับพื้น อะมู่ก้าวถอยหลังและเขาก็มองไปบนท้องฟ้า มุมปากขยับ โดยนึกถึงใบหน้าของอันหลิงหยุน และหลับตาลง
กองทัพแด่ฉีของประเทศต้าเหลียงพุ่งเข้าไปในกระโจมหลิงหยุน ลมกระโชกพัดแรงไปทั่วพื้น พวกแม่ทัพพยายามควบคุมม้าอย่างยากลำบาก และครู่หนึ่งก็กลับมาเงียบสงบ ม้าที่พุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่งนั้น ทำให้บนพื้นมีแต่ฝุ่นตลบ
ไม่มีใครรู้ ภายใต้ลมกระโชกแรง ร่างกายของเซวียนเหอถูกลักพาตัวไป
ในภูเขาลึก เซวียนเหอค่อยๆลืมตาขึ้น และเฟิ่งหลินหยุนก็นั่งยองๆบนพื้นเพื่อล้างมือ มีแม่น้ำกว้างใหญ่อยู่ตรงหน้า คนที่ยืนเอามือไขว้หลังอยู่ข้างๆคือกงชิงหยุนเยนเสี่ยวหยุน
เสี่ยวหยุนแต่งกายด้วยชุดสีชมพู ขณะที่มองดูเงาแม่ในน้ำ และก็สงสัย “ท่านแม่ทำไมมีพลังที่เก่งกาจเช่นนี้? ท่านพ่อคงไม่รู้แน่นอน”
“ความเก่งกาจนี้ติดตามมาทั้งชีวิต ไม่ได้เหรอ?”เฟิงหลินหยุนล้างมือเสร็จและลุกขึ้น เติมน้ำในถุงน้ำแล้วหันไปมองเซวียนเหอที่พึ่งตื่น
เซวียนเหอมองไปที่เฟิ่งหลินหยุน เจ้าทำไมถึงมาที่นี่?”
“ถ้าข้าไม่มา เจ้าจะมีชีวิตอยู่เหรอ?” เฟิ่งหลินหยุนเดินไปแล้วยื่นน้ำให้เขา เซวียนเหอหยิบถุงน้ำขึ้นมาดื่ม และเช็ดปาก
เซวียนเหอมองไปรอบๆและยิ้ม “คนของข้าตายไปหมดแล้ว ข้ามีชีวิตอยู่มีความหมายอะไร?”
“อย่าบอกว่าไม่มีความหมาย ฝั่งโน้นมีภูเขาลูกหนึ่ง บนภูเขามีพระแก่ชราองค์หนึ่ง พระองค์นั้นยังไม่มีลูกศิษย์ เจ้าลองไปดู
ไม่ว่าจะตาย หรือมีชีวิต เป็นวาสนาที่สะสมมาของแต่ละคน”
เฟิ่งหลินหยุนลุกขึ้นและจากไป แต่เสี่ยวหยุนยังไม่ไป เดินไปดูเซวียนเหอ “คนดี ท่านอยากตาย แต่ไม่ควรตายด้วยน้ำมือของเสด็จป้าของข้า เพราะเสด็จป้าขอให้ท่านแม่มา ท่านต้องขอบคุณเสด็จป้า”
เซวียนเหอหันหัวกลับไป เฟิ่งหลินหยุนได้หายไปแล้ว
ลุกขึ้นจากพื้น เซวียนเหอไปที่วิหาร และเมื่อไปถึงที่นั่น เขาเห็นหยุนโล๋ชวน และยิ้มเมื่อพบหยุนโล๋ชวน “อ๋องชินจง สบายดีใช่ไหม”
เซวียนเหอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นมองไปรอบๆสนามที่ไหนมีพระแก่ชรา มีแต่หยุนโล๋ชวนคนเดียว
เซวียนเหอเดินเข้าใกล้ “ไม่ได้เจอมาหลายปี เจ้าสบายดีไหม?”
“ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ขอบคุณที่เจ้าห่วงใยข้า พวกเราเข้าไปกันเถอะ” หยุนโล๋ชวนเชิญเซวียนเหอเข้าไป เซวียนเหอลังเลสักครู่ มองเข้าไปในสนาม และเหลือบมองไปที่ประตู
“ไม่ต้องล่ะ อยู่ตรงนี้แหละดีที่สุด มันไม่เหมาะสำหรับคนสองคนที่จะย้อนอดีต แต่เหมาะสำหรับคนที่จะบำเพ็ญเพียร กลับไปเถอะ แล้วอย่ากลับมาอีก”
หยุนโล๋ชวนมองไปที่เซวียนเหอสักพัก “เจ้าดูแลตัวเองด้วยนะ มีชีวิตอาจจะยากลำบาก แต่ถ้าเจ้าสามารถอยู่ที่นี่เพื่อบำเพ็ญกุศลให้พวกเขา พวกเขาก็จะได้ตายไปอย่างสู่สุคติ”
เซวียนเหอไม่ได้พูด เพียงแค่เหลือบมองไปที่วิหาร และเดินเข้าไปข้างใน เขาไม่ได้หันกลับมามอง แต่หยุนโล๋ชวนหันกลับไปมองเซวียนเหอ “พี่เซวียนเหอ”
เซวียนเหอหยุดและพูดว่า “พี่เซวียนเหอของเจ้าตอนที่เขาก่อตั้งหลิงหยุน ก็ได้ตายไปแล้ว
วันนี้ที่เจ้ามาข้ามีความสุขมาก แต่คนที่ข้าหวังให้มาคือนาง ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจอีก”
หลังจากพูดจบเซวียนเหอก็เดินไปที่ประตู ปิดประตู และไม่ออกมาอีกเลย
หยุนโล๋ชวนหันกลับและจากไป
หลังจากลงจากภูเขา และไม่เคยมองย้อนกลับไป
เป็นเสี่ยวหยุน ที่เดินขึ้นไปบนภูเขา และผลักเปิดประตูวิหารเพื่อค้นหาเซวียนเหอ เฟยยิงเฝ้าอยู่หน้าสนาม
ผลักประตูเปิดออก เสี่ยวหยุนเห็นเซวียนเหอนอนอยู่บนเตียง เดินไปดู และนั่งรอให้เขาลุกขึ้น หลังจากรอมาสามสี่วัน เซวียนเหอก็ลุกขึ้น เมื่อเห็นเสี่ยวหยุนจึงถามว่า “เจ้าทำไมมาอยู่ที่นี่?”
“ท่านแม่กลัวว่าท่านจะคิดสั้น ให้ข้ามาดูท่าน ขณะนี้สถานการณ์ทุกอย่างได้จบลง ข้าไม่อยากกลับไป ท่านแม่บอกว่าอยู่ตรงนี้ถือว่าปลอดภัยดี สองปีนี้ยังไม่ต้องกลับไป”
“จริงเหรอ?” เซวียนเหอรู้สึกว่า นางหนูคนนี้ร่าเริงแจ่มใสมาก จึงไม่ได้ขับไล่
เฟิ่งหลินหยุนออกจากที่นั่นและกลับไปที่วังเฟิ่ง เมื่ออ๋าวชิงเห็นนางกลับมา เขาก็ให้คนที่ปลอมตัวเป็นเฟิ่งหลินหยุนออกไป
เฟิงหลินหยุนเปลี่ยนเสื้อผ้า และผู้อาวุโสของสามราชวงศ์แห่งราชวงศ์เฟิ่งก็มาถึง โดยถือไม้ค้ำรูป(หัวหงส์) เพื่อบอกให้รู้ว่าให้จับอ๋าวชิงกับเฟิ่งหลินหยุน แต่ทั้งสองไม่ได้ต่อต้าน
เมื่อกงชิงวี่มาถึง คนก็ไม่อยู่ที่นั่นแล้ว ในวังเฟิ่งที่ใหญ่เหลือแต่คนในวังเฟิ่ง ยังมีผู้อาวุโสสามราชวงศ์หลายคน
กงชิงวี่ยืนอยู่ตรงนี้พร้อมกับคนของเขา และผู้อาวุโสของทั้งสามราชวงศ์ก็หัวเราะเยาะเย้ย “เพื่อผู้หญิงคนเดียว แต่ประชาชนต้องตกระกำลำบาก ด้วยวิธีนี้ เจ้าจะไม่มีวันพบผู้หญิงคนนั้นอีก นี่คือผลตอบแทนที่เจ้าทำลายประเทศเฟิ่งของข้า”
หลังจากพูดจบ ผู้อาวุโสก็ทั้งหลายก็เสียชีวิตต่อหน้ากงชิงวี่ คนในวังต่างร้องขอให้ไว้ชีวิต แต่ไม่มีใครรู้ว่าเฟิ่งหลินหยุนอยู่ที่ไหน