ยอดหมอยาของอ๋องเสียน / หมอเทพเซียนของอ๋องเสียน - บทที่ 953 องค์ชายรัชทายาทหมั้นหมาย
- Home
- ยอดหมอยาของอ๋องเสียน / หมอเทพเซียนของอ๋องเสียน
- บทที่ 953 องค์ชายรัชทายาทหมั้นหมาย
บทที่ 953 องค์ชายรัชทายาทหมั้นหมาย
“เจ้าไม่แต่งให้องค์ชาย ย่อมมีเหตุผลของเจ้า แต่ถึงอย่างไรก็คงต้องมีสาเหตุอยู่กระมัง?” ราชครูจุนยังนับว่ารักใคร่เอ็นดูจุนเมิ่งไม่น้อย ในเมื่อนางไม่เต็มใจ ก็คือไม่เต็มใจแล้วกัน อย่างมากที่สุด ก็แค่ให้อยู่กับเขาไปตลอดชีวิตก็เท่านั้น
ในช่วงหลายปีก่อน ราชครูจุนเอาแต่ยุ่งอยู่กับงานราชการ จนละเลยไม่ได้สนใจให้ความรักใดๆต่อครอบครัวเลย ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมื่อเขาไม่ต้องยุ่งอยู่กับงานราชการอีกต่อไป จึงกลายเป็นการนำความรัก ความใส่ใจทั้งหมดที่มี ไปไว้ที่ตัวฮูหยินรองกับจุนเมิ่งแทน
เหลนสาวคนนี้ ในสายตาของเขาแล้ว สำคัญเสียยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมด
ถ้าหากไม่เข้าวังก็คือไม่เข้าวังก็พอ
ในวังก็ใช่ว่าจะมีอะไรดีมากมายเมื่อไหร่ล่ะ
อันหลิงหยุนกกลับมองดูอย่างละเอียด เอ่ยถามขึ้นว่า “นี่เจ้าละเมิดชะตาดอกท้อเข้าแล้วใช่หรือไม่?”
“หา?” จุนเมิ่งถูกถาม ก็ตกใจจนหน้าแดงก่ำ
กงชิงวี่หันไปมองจุนเมิ่งครู่สั้นๆ พลางขมวดคิ้วมุ่น: “เป็นใครกัน?”
“ไม่มีเจ้าค่ะ”
“ ต่อให้เจ้าพยายามจะปกป้องเขาแค่ไหน ข้าก็จะตามหาเขาจนพบได้อยู่ดี เมื่อถึงเวลานั้น ไม่เพียงจะเป็นการทำร้ายเขา แต่ยังเป็นการทำร้ายเจ้าอีกด้วย เจ้ารีบบอกมาเสียดีกว่า ว่าเขาอยู่ที่ไหน ข้าไม่อยากบังคับเจ้า แต่ในเมื่อพระชายาบอกว่า เจ้ามีชะตาหงส์อยู่ถึงเจ็ดสิบปี หากว่าเจ้าไปแต่งให้คนอื่น เจ้าจะก่อให้เกิดหายนะอย่างใหญ่หลวงต่อแผ่นดินนี้ แล้วจะให้ข้าปล่อยเจ้าไปได้อย่างไรกัน!”
จุนเมิ่งหันไปมองราชครูจุน : “ท่านปู่!”
“อ๋องเสียน เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องถือเป็นจริงเป็นจังนักก็ได้ บางทีพระชายาอาจจงใจพูดโกหกพวกเราก็ได้” แน่นอนว่า ราชครูจุนย่อมต้องช่วยเหลนสาวของตัวเองเป็นธรรมดา
กงชิงวี่ยังคงเป็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ลองถ้าเขาเชื่อไปแล้ว ต่อให้เอาวัวสิบตัวมาดึงไว้ อย่างไรก็ดึงไม่อยู่
ราชครูจุนรู้สึกไม่พอใจ: “ข้าไม่เชื่อหรอก พวกเจ้าไปเสียเถอะ จุนเมิ่งเข้าไปในบ้านซะ”
จุนเมิ่งกำลังจะลุกขึ้น อันหลิงหยุนก็หยิบกระดองเต่าขึ้นมา ทำนายอีกครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างหยอกเย้าว่า : “เขาอยู่ใกล้ ๆนี่เอง ท่านอ๋อง เป็นคนคุ้นเคยเพคะ!”
“หืม?”
เมื่อกงชิงวี่หันไปมอง จุนเมิ่งก็ตกใจจนลนลานไปหมดแล้ว
หาตัวพบแล้วจริงๆหรือนี่?
กงชิงวี่หันไปมองอันหลิงหยุน อันหลิงหยุนจึงเอ่ยขึ้นว่า: “จากลักษณะของ ปา กว้า ที่ปรากฏ คงจะเป็นปราณชีพจรมังกรสายหนึ่ง อีกทั้งมีความใกล้เคียงกับท่านอ๋องมาก หมายความได้ว่ารู้จักกันดี”
กงชิงวี่หลุบสายตาลงต่ำมองไปที่จุนเมิ่ง: “สรุปอยู่ที่ไหนกันแน่?”
กงชิงว่ารู้สึกว่าขอแค่ไม่ใช่เจ้าห้าก็พอแล้ว
จุนเมิ่งส่ายหน้า: “ไม่มีจริงๆเจ้าค่ะ”
“ช่างเถอะ จุนเมิ่งเจ้าลงไปก่อน ข้าจะดูหน่อยว่าพอจะแก้ไขแฉกที่ปรากฏได้หรือไม่”
จุนเมิ่งรีบออกไปทันที แอบย่องออกไปจากประตูหลังเพื่อไปหากงชิงยี่เหริน
“เจ้าอยู่ไหน?” จุนเมิ่งเข้าประตูไปได้ก็วิ่งเข้าไปทันที กงชิงยี่เหรินกำลังเตรียมตัวจะไปสู่ขอ เมื่อเห็นจุนเมิ่งก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“เกิดอะไรขึ้น?”
“พวกเขาจะทำร้ายเจ้า รีบหนีไป!”
กงชิงยี่เหรินแปลกใจสุดขีด : “ใคร?”
“ข้า……”
ในขณะที่พูดอยู่นั้น ประตูบ้านร้างก็ถูกคนผลักเปิดออก กงชิงวี่ยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าประตู หรี่ดวงตามอง หันหน้าไปจ้องกงชิงยี่เหรินเขม็ง
กงชิงยี่เหรินก็หันไปเผชิญหน้ากงชิงวี่เช่นกัน สองคนอาหลานประสานสายตาถมึงทึง ราวศัตรูได้มาพบหน้ากัน บรรยากาศพลันร้อนระอุประทุเดือดเกินต้านทาน
“เป็นเจ้าเองน่ะรึ?”
เมื่อกงชิงวี่ได้เห็นกงชิงยี่เหริน มุมปากก็แสยะยกขึ้นสูง เปิดที่เก็บกระบี่ที่เอวออก แล้วดึงกระบี่ยาวออกมาถือไว้ เดินตรงเข้าไปทันที
จุนเมิ่งถลาเข้ามาขวางด้านหน้ากงชิงยี่เหรินทันที : ” อ๋องเสียน เขาเป็นแค่นักดาบที่ผ่านทางมาเท่านั้น เขาช่วยข้าไว้ เมื่อวันก่อนมีคนกลุ่มหนึ่งคิดจะก่อเรื่องชั่วในหมู่บ้าน พยายามจะมาลักพาตัวข้า เป็นเขาที่มาช่วยข้าไว้”
“แต่เจ้ามีชะตาชีวิตได้เป็นถึงฮองเฮา มีชะตาหงส์ยืนยงไปอีกเจ็ดสิบปี หากไม่ฆ่าเขา ใจเจ้าเกิดปลูกรากฝังรักไม่อาจลืม เช่นนั้นแล้ว จะไม่ก่อให้เกิดหายนะกับแผ่นดินนี้หรอกหรือ?”
จุนเมิ่งมองไม่เห็นสีหน้าตื่นตะลึงของกงชิงยี่เหริน กลับเห็นเพียงความโหดเหี้ยมเย็นชาบนใบหน้าของกงชิงวี่เท่านั้น
“อ๋องเสียน ข้าไม่ได้ปลูกรากฝังรักใดๆทั้งสิ้น ข้าแค่ไม่อาจทำร้ายผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของข้าได้ ข้ายินดีแต่งให้องค์ชาย ขอร้องแค่ท่าน ได้โปรดปล่อยเขาไปเถิดเจ้าค่ะ”
“เรื่องให้ปล่อยไปย่อมเป็นไปไม่ได้ ทำได้แค่ฆ่าสถานเดียวเท่านั้น!” กงชิงวี่เดินเข้าไปหาพวกเขา จุนเมิ่งรีบร้อนเข้ามาสกัดขวางกงชิงวี่เอาไว้ : “รีบหนีไปซะ อย่ากลับมาอีก!”
กงชิงยี่เหรินกลอกตามองบนใส่กงชิงวี่อย่างดูถูก: “นี่ท่านหมายความว่าอะไรไม่ทราบ?”
“ฆ่าเจ้าทิ้งซะ!”
กงชิงวี่ยังคงเดินต่อไปไม่หยุด จุนเมิ่งตกใจจนร้องไห้: “เจ้ารีบหนีไปสิ!”
“ไม่ไป ข้าจะพาเจ้าไปกับข้าด้วย!”
“เจ้ารีบไปซะ อ๋องเสียน ข้ายอมแต่งให้องค์ชายแล้ว ท่านปล่อยเขาไปเถอะนะ”
“ หากข้ายอมปล่อยเขาไป เจ้ายินยอมแต่งให้องค์ชาย แล้วถ้าข้าฆ่าเขาทิ้งเสียล่ะ?” กงชิงวี่เอ่ยถาม ดวงตาสาดฉายแววเย็นยะเยือก
จุนเมิ่งอารมณ์พลันแปรเปลี่ยนจากความอับอายกลายเป็นโกรธ : “หากเจ้าฆ่าเขาล่ะก็ ข้าจะแต่งให้กับคนอื่น ต่อให้ข้าต้องทำให้แผ่นดินทั่วหล้าตกอยู่ในความสับสนวุนวาย ข้าก็จะไม่ยอมปล่อยให้เจ้าทำสำเร็จเด็ดขาด”
“แต่เขาเป็นแค่ปลาซิวปลาสร้อยในยุทธภพ จะเอาไปเปรียบเทียบกับองค์ชายได้อย่างไรกัน องค์ชายอยู่ใต้คนเพียงคนเดียว อยู่เหนือคนนับหมื่น หากในอนาคตเขาได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ ยังมีอะไรที่เจ้าไม่พอใจอีกอย่างนั้นหรือ?”
“ฮ่องเต้แล้วอย่างไร ข้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่ เกิดถ้าเขาเป็นนักพนันขึ้นมา ข้าก็ยังต้องแต่งให้อย่างนั้นหรือ?”
“ แล้วถ้าหากคนข้างหลังเจ้าคนนั้น เกิดเป็นองค์ชายขึ้นมา เจ้าจะยอมแต่งให้?”
“….. ”
จุนเมิ่งรู้สึกอยากหัวเราะสิ้นดี แต่นางหัวเราะไม่ออก ทำได้เพียงหันไปมองกงชิงวี่ที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม แล้วพูดว่า: ” อ๋องเสียน ท่านปล่อยเขาไปเสียเถอะ ท่านดูนี่!”
จุนเมิ่งเลิกแขนเสื้อขึ้น ปรากฏจุดแต้มโส่วกงซ่า (การแต้มจุดแดงพรหมจรรย์ที่ข้อมือของหญิงสาวในสมัยโบราณ เป็นเครื่องหมายว่านางยังคงมีความบริสุทธิ์อยู่) ที่ข้อมือของนาง สีแดงเจิดจ้านั้นยังคงเจิดจรัส งดงามอย่างยิ่ง
“นี่คือจุดที่ท่านย่าของข้าเป็นคนแต้มให้ข้าเองกับมือ มันยังคงอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ดีทุกประการ ข้ากับคนคนนี้ เพียงแค่ได้มารู้จักกันโดยบังเอิญเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรเกินเลยทั้งสิ้น ขอท่านอ๋องเสียนได้โปรดเข้าใจ ปล่อยเขาไปเถอะนะ”
จุนเมิ่งคุกเข่าลงอ้อนวอนขอร้องกงชิงวี่ ท้องฟ้าพลันส่งเสียงดังกึกก้องกัมปนาทติด ๆ กันถึงสองครั้ง กงชิงวี่เงยหน้าขึ้นมอง แล้วก้มลงมามองดูจุนเมิง: “เจ้าลุกขึ้นเถอะ”
จุนเมิ่งเงยหน้าขึ้นมองทันที: “อ๋องเสียนรับปากแล้ว”
“เจ้าเห็นกับตาแล้วหรือไม่ กระทั่งข้า เจ้าก็ไม่สมควรคุกเข่าให้ สิ่งนี้ชี้ชัดว่าเจ้าไม่มีทางเป็นคนที่มีชีวิตธรรมดาสามัญทั่วไป สามีในอนาคตของเจ้า จะต้องมีเพียงฮ่องเต้แห่งประเทศเหลียงเท่านั้น อย่างไรเจ้าก็ต้องแต่งให้องค์ชายอยู่วันยังค่ำ”
พูดจบ กงชิงวี่ก็หันหลังเดินจากไปทันที
จุนเมิ่งลุกขึ้นยืน แล้วเช็ดน้ำตาเป็นพัลวัน ดึงตัวกงชิงยี่เหรินขึ้นขอให้เขาจากไป ผลคือเขาค้อมตัวลงไปอุ้มจุนเมิ่งขึ้นมา แล้วเดินตามออกไป
จุนเมิ่งมองเขาด้วยอาการงุนงงเกลื่อนใบหน้า เขาสาวเท้าก้าวตามกงชิงวี่ไปยังที่บ้านตระกูลจุนเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเขาไปถึงหน้าประตู ก็สืบเท้าก้าวเข้าไปทั้งที่อุ้มจุนเมิ่งอยู่ ตรงเข้าไปหาราชครูจุน
ราชครูจุนถึงกับผงะเมื่อเห็นคนที่เดินเข้าประตูมา เขาเคยได้พบกับซูมู่หรงมาก่อน แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานหลายปีแล้ว แต่ยังคงมีคนผู้นี้อยู่ในความทรงจำของเขาอยู่
เพียงแต่ว่าคนคนนี้ กลับดูเหมือนองค์ชายรัชทายาท ยิ่งกว่าตอนที่เขาจากไปเสียอีก
ราชครูจุนกับฮูหยินรองลุกขึ้นยืน กงชิงยี่เหรินวางจุนเมิ่งลง ราชครูจุนเดินตรงเข้าไปหาเขา ยกเสื้อคลุมขึ้นแล้วคุกเข่าลง: “ถวายบังคม องค์ชายรัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”
กงชิงยี่เหรินไม่รอให้ราชครูจุนคุกเข่า ก็รีบเข้าไปพยุงเขาขึ้นมาก่อนแล้ว: ” ท่านราชครูโปรดลุกขึ้นเถอะ ยี่เหรินมิบังอาจ”
จุนเมิ่งยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่อีกด้าน ราชครูจุนรีบเอ่ยขึ้นว่า “ยังไม่รีบมาถวายบังคม องค์ชายอีกหรือ?”
จุนเมิ่งเหลือบสายตามองแวบหนึ่ง ทำท่าเหมือนจะคุกเข่าลง พลันถูกกงชิงยี่เหรินพยุงขึ้นมาทันที: “ไม่ต้องหรอก ที่นี่ไม่มีองค์ชายอะไรทั้งนั้น เจ้าเรียกข้าว่ายี่เหรินก็พอ”
ใบหน้าของจุนเมิ่งแดงระเรื่อ นางก้าวถอยออกไปอยู่อีกด้านทันที
แค่ฝัน จุนเมิ่งก็ยังไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลยด้วยซ้ำ ว่าคนที่อยู่ตรงหน้านางผู้นี้ จะเป็นองค์ชายแห่งราชวงศ์นี้จริงๆ
ราชครูจุนปรายสายตามองไปมองที่อันหลิงหยุนครู่หนึ่ง : “ดูไปแล้ว เหมือนว่าทักษะของพระชายาเสียนจะพัฒนาขึ้นอีกขั้นแล้วสินะ”
“ท่านราชครู ข้าไม่ได้เป็นคนเตรียมการเรื่องพวกนี้ไว้หรอกนะ หากท่านไม่เชื่อล่ะก็ ข้าทำนายให้ดูอีกครั้งก็ได้”
ราชครูจุนยกมือไพล่ไปด้านหลัง พูดขึ้นว่า “ทำนายอะไร?”
“ทำนายว่าในอนาคต ยี่เหรินกับจุนเมิ่งจะครองคู่แบบคู่สมรสหนึ่งสามีหนึ่งภรรยา พวกเขาจะมีลูกชายหกคน กับลูกสาวอีกหนึ่งคน”
“….. ”
กงชิงยี่เหรินแปลกใจ: “ท่านคืออาสะใภ้ของข้าอย่างนั้นหรือ?”
“… ” อันหลิงหยุนอึ้งไปไม่ได้พูดอะไรออกมาทั้งสิ้น ในเวลานั้นซูมู่หรงได้กลายเป็นกงชิงยี่เหรินไปโดยสมบูรณ์แล้ว นี่คงเป็นความลึกลับของจักรวาลที่มาบรรจบกันก็เป็นได้
อันที่จริงแล้วนางเองก็ไม่แน่ใจว่า ซูมู่หรงจะลืมทุกอย่างไปหมดจริง ๆ หรือไม่ เพราะถึงอย่างไรพวกเขาต่างก็มาจากโลกใบอื่นเหมือนกัน
แต่อย่างไรเสีย ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ ก็ไม่ใช่ว่าล้วนเป็นโชคชะตาหรอกหรือ?
กงชิงยี่เหรินเดินเข้ามา ประสานมือกำเป็นหมัดแน่น: “หลานขอคารวะท่านอาสะใภ้”
อันหลิงหยุนยังคงรู้สึกไม่ชินอยู่บ้าง แต่ถ้าพอปรับตัวได้ ก็คงไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจแล้วล่ะ
จึงพูดขึ้นว่า: “เจ้าไปหาจุนเมิ่งเถอะ อย่างไรเสียเจ้าก็ไม่ได้มีความคิดเห็นคัดค้านอะไร เช่นนั้นก็ให้ข้าเป็นแม่สื่อในการสู่ขอครั้งนี้ เป็นธุระจัดการเรื่องพิธีการหมั้นหมายให้ก็แล้วกัน หากเจ้ากลับไปแล้วไม่อาจอธิบายให้พ่อแม่เจ้าเข้าใจได้ ก็ให้เสด็จแม่ของเจ้ามาพบข้าก็แล้วกัน”
“หลานขอขอบพระคุณท่านอาสะใภ้ ที่ช่วยให้สมหวังแล้ว”
หลังจากกล่าวขอบคุณเสร็จ กงชิงยี่เหรินก็จากไป กงชิงวี่นั่งลงดื่มชา
ในความสัมพันธ์ที่คล้ายจะรักใคร่ แต่ก็ยังคลุมเครือไม่ชัดเจน ทว่าสายตาของเขากลับดูคล้ายว่าจะมองไปยังกงชิงยี่เหรินที่กำลังเดินเข้าไปข้างใน ด้วยท่าทีเหมือนไม่คิดอะไร
ราชครูจุนนั่งลง ครุ่นคิดบางอย่างอยู่เป็นนานสองนาน : “ ในเมื่อพระชายาเสียนสามารถคิดคำนวณถึงเรื่องในอนาคตได้ขนาดนี้ เช่นนั้นพอจะคำนวณได้หรือไม่ว่า ประเทศเหลียงของเราจะมีอนาคตอยู่ได้อีกกี่ปี?”
อันหลิงหยุนเหลือบมองกงชิงวี่ ที่กำลังดื่มชาอยู่แวบหนึ่ง กงชิงวี่เงยหน้าขึ้น: “มองข้าทำไมหรือ?”