ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ - บทที่ 1
“ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง ตกลงว่าเจ้าจะเเต่งหรือไม่เเต่ง!” เสียงของผู้ชายที่หยาบกระด้างและเย็นชาระเบิดขึ้นข้าง ๆ หูของเซี่ยจื่ออัน เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นแล้วมองลึกเข้าไปในม่านตา เป็นใบหน้าของผู้ชายที่หน้าตางดงาม แต่กลับหยาบคายสิ้นดี
บนตัวเธอมีรอยแผลลึก ลำคอถูกคนตรงหน้าบีบไว้อย่างแรง ช่วงอกเจ็บปวดราวกับจะระเบิดออกมา
นัยน์ตาของเธอแข็งกระด้าง นี่มันเรื่ออะไรกัน? เธอไม่ได้ตายไปแล้วหรอ? เธอจำได้ว่าตนเองถูกเจ้านายหักหลัง เธอโดนกระสุนห้านัดยิงเข้าใส่ จนเธอตายไปแล้ว
จู่ ๆ สมองก็มีความทรงจำบางอย่างไหลเข้ามาทันที นี่ไม่ใช่ความทรงจำของเธอ
จื่ออันยังไม่ฟื้นคืนสติ ใบหน้าก็ถูกตบอย่างแรงบริเวณกกหู จนเธอสับสนและเวียนหัวไปหมด
ภายในปากมีกลิ่นคาวเลือดคลุ้ง เธอบ้วนเลือดสด ๆ ออกมา รู้สึกปวดระบมที่บริเวณหลัง เธอเงยหน้าขึ้นทันที
ความโกรธเคืองในตาที่ร้อนผ่าว ความทรงจำที่หลงเหลืออยู่บอกกับเธอว่า เมื่อกี้เจ้าของร่างเดิมถูกทุบตีด้วยไม้กระบอง และดวงวิญญาณได้กลับสู่สวรรค์ทางตะวันตกไปแล้ว เธอถึงได้ข้ามภพมามีชีวิตอยู่ในร่างนี้อีกครั้ง
“ตอบคำถามข้า! เจ้าจะแต่งกับท่านอ๋องเหลียงหรือไม่? ”
เขายังคงถามด้วยน้ำเสียงที่โกรธเคือง คนที่ตบหน้าเธออย่างรุนแรง เป็นองค์รัชทายาทองค์ปัจจุบัน มู่หรงเฉียว
จู่ ๆ เงาอันมืดมนก็คืบคลานเข้ามาดึงมู่หรงเฉียวไป ร้องไห้พลางพูด
เงาอันมืดมนคืบคลานเข้ามา เผยให้เห็นมู่หรงเฉียว ร้องไห้พลางพูด “องค์รัชทายาทเพคะ อย่าทำให้พี่ข้าลำบากใจเลย ถึงแม้ว่าวันนั้นท่านพ่อจะเมามาก แต่ท่านพ่อก็ได้พูดไปแล้วจริง ๆ ว่าจะให้ข้ากับท่านอ๋องเหลียงหมั้นกันเพคะ ต้องให้พี่ข้าแต่งงานแทนมันคงยากสำหรับนางจริง ๆ ยิ่งไปกว่านั้น ในใจพี่ข้าก็เคารพรักพระองค์ พระองค์บังคับนางเยี่ยงนี้ จะบังคับกันจนตายเลยหรือไร?” หญิงสาวที่สวยสดงดงาม ท่าทางดูอ่อนแอ เซี่ยหว่านเอ๋อ นางเป็นน้องสาวของเซี่ยจื่ออันที่เกิดจากอนุภรรยา
มู่หรงเฉียวเห็นแล้วเจ็บปวดหัวใจเป็นอย่างมาก รีบปล่อยจื่ออันทันที แล้วเปลี่ยนไปพยุงเซี่ยหว่านเอ๋อ
อากาศกลับเข้ามาในช่องอกจื่ออันอย่างรวดเร็ว เธอสูดหายใจเข้าอย่างรวดเร็ว ไล่กลิ่นรสชาติของความตายออกไป
จื่ออันลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล แต่ว่าความเจ็บปวดบนเนื้อตัวทำให้เธอหายใจหอบ ยืนไม่นิ่ง ขาทั้งสองอ่อนแรงจนล้มลงไปอยู่ที่พื้นอีกครั้ง ความทรงจำที่หลงเหลืออยู่ในสมอง และบทสนทนาของทั้งสองคนนี้ ทำให้เธอมองสถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน
พ่อของเจ้าของร่างนี้เป็นถึงมหาเสนาบดี หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ได้ไปดื่มเหล้ากับองค์ท่านอ๋องเหลียง พอดื่มจนเมาก็ได้เผลอรับปากกับท่านอ๋องเหลียงว่าจะให้แต่งงานกับเซี่ยหว่านเอ๋อตามที่ขอ
หลังจากที่มหาเสนาบดีสร่างเมาก็เสียใจอย่างมาก ลูกสาวที่เขารักมากที่สุด เซี่ยหว่านเอ๋อที่เกิดจากสื่อหลิงหลงผู้เป็นอนุภรรยา ทำไมถึงได้ยอมให้แต่งงานกับท่านอ๋องเหลียงที่โหดเหี้ยมได้?
เซี่ยหว่านเอ๋อก็ร้องไห้และยืนกรานว่าจะไม่แต่ง เพราะว่าเธอและองค์รัชทายาทชอบพอกันอยู่ เธอจึงอยากอยู่ในตำแหน่งพระชายาขององค์รัชทายาท
มหาเสนาบดีไม่มีทางเลือก จึงต้องบังคับให้เซี่ยจื่ออันลูกสาวของภรรยาเอก แต่งงานกับท่านอ๋องเหลียงแทน
แม้เซี่ยจื่ออันจะเป็นลูกสาวของภรรยาเอก แต่นางกลับไม่เคยได้รับเกียรติจากใครในสำนักมหาเสนาบดีเลย
แม่ของนางก็ยิ่งถูกมหาเสนาบดีเกลียดชังเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย
เซี่ยจื่ออันคนก่อนจะต้องไม่ยอมแต่งงานแน่ ๆ เซี่ยหว่านเอ๋อจึงมาร้องห่มร้องไห้คร่ำควญกับองค์รัชทายาทมู่หรงเฉียว
เรื่องที่เกิดขึ้นที่ลานเมื่อสักครู่ ค่อย ๆ หลั่งไหลเข้ามาในสมอง มู่หรงเฉียวและคนของสำนักมหาเสนาบดีไม่เพียงแต่บังคับให้เธอแต่งงานกับท่านอ๋องเหลียง ทั้งยังสั่งลงโทษเธอ ถึงขั้นเธอได้ยินเสียงคำอ้อนวอนก่อนใกล้ตายของเซี่ยจื่ออันคนก่อน และเลือดของนางที่เกลื่อนไปทั่วทุก ๆ ที่
ความรู้สึกเซี่ยจื่ออันเต็มไปด้วยความโกรธ มู่หรงเฉียวมองนางด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยามและเตะนางซ้ำไปอีกหนึ่งที “เจ้าบอกว่าเจ้ารักข้า? ถุ้ย! ขยะอย่างเจ้า ต่อให้ส่งมาเป็นสนมของข้า ข้าก็ไม่เอา”
เซี่ยจื่ออันที่ถูกลงโทษเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่กลับต้องถูกเตะอย่างไม่มีความยับยั้งชั่งใจใด ๆ ซ้ำ ทำให้เธอจนสำลักออกมาเป็นเลือด เธอกำหมัดแน่น นัยน์ตาโกรธแค้นยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างโชกโชน เธอพยายามที่จะยืนขึ้น แต่ตัวเธอได้รับบาดเจ็บหนักจนเกินไป ขยับแม้แต่นิดเดียว ร่างกายก็เจ็บปวดจนเหมือนว่าจะแตกละเอียด เซี่ยหว่านเอ๋อก้าวขึ้นมาอย่างนุ่มนวล ทำใบหน้ารู้สึกผิดพร้อมกล่าวต่อว่า “ท่านพี่ ข้าขอโทษ ข้าเคยรับปากกับท่านว่าจะไม่คิดเกินเลยกับองค์รัชทายาท แต่คำว่าความรู้สึก ทำให้คนเราไม่สามารถควบคุมได้เลยจริง ๆ ยิ่งข้าห้ามความรู้สึกไม่ให้คิดถึงองค์รัชทายาท ความคิดถึงนี้มันก็ยิ่งลึกซึ้ง ยิ่งฉุดไว้ไม่อยู่ อภัยให้ข้าด้วยที่เพิกเฉยต่อคำเตือนของท่าน”
เซี่ยหว่านเอ๋อแสดงออกอย่างเจ็บปวดและดูน่าสงสาร แต่ว่าเซี่ยจื่ออันรู้ว่าในใจของนางจริง ๆ คิดอย่างไร
มู่หรงเฉียวโกรธหนัก “เจ้ากล้าดียังไงมาห้ามไม่ให้หว่านเอ๋อกับข้าอยู่ด้วยกัน? ผู้หญิงอย่างเจ้า มันโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว”
หว่านเอ๋อเข้าไปดึงมือมู่หรงเฉียวเอาไว้ทันที แล้วสะอื้นไห้พร้อมพูดว่า “พระองค์อย่าทรงดุด่าพี่สาวของข้าเลย เป็นน้องก็ไม่ควรทะเลาะกับพี่สาวตั้งแต่แรก เป็นข้าเอง ข้าควบคุมความรู้สึกของตนเองไม่ได้…”
มู่หรงเฉียวพูด “หว่านเอ๋อเจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ก็เพราะเจ้ามีจิตใจอ่อนโยนเกินไป ถึงโดนนางกลั่นแกล้งมาโดยตลอด”
เซี่ยหว่านเอ๋อ ก้มมองเซี่ยจื่ออันที่อยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก สายตาฉายแววเจ้าเล่ห์และดุร้าย และใช้น้ำเสียงเชิงอ้อนวอนว่า “ท่านพี่ ข้าขอร้อง ให้ข้าได้ลงเอยกับองค์รัชทายาทเถอะ ข้าจะจดจำบุญคุณของพี่ไปตลอดชีวิต”
จื่ออันสูดลมหายใจเข้าอย่างเยือเย็น มองทั้งสองที่แสดงความรักต่อกันราวกับไม่มีใครอยู่ตรงนี้อย่างเย็นชา ในใจรู้สึกรำคาญอย่างที่สุด ในยุคปัจจุบันเธอเป็นแพทย์ทหารของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ เธอเป็นคนที่มีความสุขและร่างเริงอยู่เสมอ และเธอคิดว่ามันไม่คุ้มค่าที่จะมาคุยกับคนประเภทที่ว่าชอบวางกลอุบายและน่าขยะแขยงเช่นนี้
ความทรงจำที่หลงเหลือในหัวบอกกับเธอ ขาขององค์ท่านอ๋องเหลียงพิการ และนิสัยของเขายังโหดร้ายอีกด้วย แม้ว่ายังไม่แต่งงาน แต่ในสำนักก็ยังเหลือนางสนมอีกสิบกว่านาง อีกทั้งยัง ได้ยินมาว่าสนมกว่าครึ่งก็พิการไปแล้ว สามารถจินตนาการได้เลยว่า พวกเธออยู่ในจวนจะใช้ชีวิตกันยังไง
ตัวเธอคนเดิมคงจะพอรู้คร่าว ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงไม่ยอมที่จะแต่งงานกับท่านอ๋องเหลียง
จื่ออันอดทนต่อความเจ็บปวดนี้ พยายามใช้แรงทั้งหมดเปล่งออกมาเป็นประโยค “เอาความสุขทั้งชีวิตของข้าไปเติมเต็มให้เจ้างั้นรึ? เจ้านี่มันไร้ยางอายสิ้นดี!”
มู่หรงเฉียวได้ยินดังนั้นก็โกรธทันที มองไปยังฮูหยินหลิงหลง ผู้เป็นแม่ของเซี่ยหว่านเอ๋อที่นั่งอยู่ตรงทางเดิน “ยังไม่ฟาดนางอีก จะรอไปถึงเมื่อไหร่กัน?”
ฮูหยินหลิงหลงได้แต่มองอยู่อย่างนั้น ในใจนางเป็นกังวลอย่างมาก หากเซี่ยจื่ออันไม่ตอบตกลง ลูกสาวของนาง หว่านเอ๋อจะต้องแต่งงานกับปีศาจอ๋องเหลียงนั่นเป็นแน่ วันนี้องค์รัชทายาทมาเพื่อกดดันนาง ตัวนางคิดว่าเซี่ยจื่ออันต้องตกลงแน่นอน แต่กลับต้องมาโดนลงโทษอย่างไม่คาดคิด และต่อให้โดนลงโทษยังไงก็คงไม่ยอมแน่ ๆ
มาถึงตอนนี้ได้ยินรับสั่งขององค์รัชทายาท นางทนความอัดอั้นคับแค้นในใจไม่ไหวอีกแต่ไป จึงพูดเสียงเข้ม “มานี่ มาให้ข้าโบย โบยแรง ๆ โบยจนกว่านางจะตอบตกลง”
ฮูหยินหลิงหลงออกคำสั่งไป ข้ารับใช้อันโหดร้ายสองคนจับจึงจีบจื่ออันกดเอาไว้ เสียงของไม้กระบองดังกระทบบนหลังของเซี่ยจื่ออัน ฟาดจนเนื้อเธอถลอกปอกเปิดเลือดซึมออกมาตามเนื้อตัว
แปดปีกับหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ฝึกฝนจนความแน่วแน่ของเธอแข็งแกร่งราวกับเหล็ก เธอกัดกราม และทนต่อความอัปยศและการถูกตีอย่างแรงที่ไม่ได้เป็นของเธอแต่แรก เลือดสด ๆ ทะลักออกมาจากปาก ไม้กระบองที่ฟาดอยู่บนหลังราวกับว่าจะทุบกระดูกของเธอทั้งหมดให้แตกหักเสียทั้งหมด
ฮูหยินหลิงหลง และมู่หรงเฉียวไม่คิดว่าเซี่ยจื่ออันจะปากแข็งขนาดนี้ หลิงหลงโมโหจนถึงขีดสุด และไม่สามารรักษากิริยาที่น่าเกรงขามของตนเองได้อีกต่อไป ก้าวลงมาด้วยความรวดเร็ว กระชากผมข้างหน้าของจื่ออัน ใช้แรงลากมันขึ้นมา พูดด้วยน้ำเสียงดุร้าย “ถ้าเจ้ายังไม่ยอมตอบตกลง ก็เท่ากับว่าเจ้ารนหาที่ตายให้ตัวเอง”
จื่ออันถุยเลือดออกมา เลือดสดพ่นลงไปบนหน้าของฮูหยินหลิงหลง ฮูหยินหลิงหลงโกรธมาก กระชากผมของเธอแล้วกดเอาไว้กับพื้น ใช้เท้าเหยียบไปบนท้ายถอย “ใครใช้ให้เจ้าปากแข็ง ใครให้เจ้าปากแข็ง!”
มู่หรงเฉียวกล่าวอย่างเย็นชา “ยังพูดไร้สาระอะไรกับนางอีก? หากนางไม่ตอบ ก็ทำตามแผนก่อนหน้านี้ของมหาเสนาบดี ไล่แม่ของนางออกไป แล้วมาดูกันว่าการที่หยวนซื่อถูกไล่ออกด้วยข้อหาที่อัปยศแบบนั้น แล้วยังจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่”
จื่ออันในใจโกรธมาก ในความเคืองโกรธนี้ ปนด้วยร่องรอยของความปวดใจ นี่ไม่ใช่อารมณ์ความรู้สึกของเธอ นี่คืออารมณ์ความรู้สึกของเจ้าของร่างคนเก่าเหลือไว้ในหัวและจิตใจ จินตนาการได้ว่า ก่อนเจ้าของร่างคนเก่าจะตาย สิ่งเดียวที่ยังกังวลอยู่คือ แม่ของเธอหยวนซื่อ
ในระหว่างที่กำลังมึนงง จื่ออันก็ได้ยินเสียงอันน่าเกรงขามดังขึ้นช้า ๆ “พรุ่งนี้ก็จะเป็นงานแต่งแล้ว ฟาดอีกสักหน่อยให้สลบไป แล้วค่อยแบกขึ้นเสลี่ยงไป ท่านอ๋องเหลียงต้องการเพียงแค่ลูกสาวของเสนาบดีไปเป็นพระชายา ส่วนวันพรุ่งนางจะพิการหรือเสียโฉม ท่านอ๋องเหลียงก็ไม่สนใจหรอก”
จื่ออันจำเสียงนี้ได้แม่น ประสบการณ์จากหน่วยปฏิบัติการพิเศษของเธอบอกว่า เสียงนี้คงจะเป็นพ่อของเจ้าของร่าง มหาเสนาบดีเซี่ย
แม้แต่เสือมันยังไม่กินลูกตัวเอง มหาเสนาบดีเซี่ย ยังเลวกว่าหมูกว่าหมาเสียอีก
ไม้กระบองฟาดลงไปที่หลังของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความรุนแรง สุดท้ายเธอก็สลบไป…